“ขอกราบเรียนพี่น้องเสื้อแดงและประชาชนที่เอาใจช่วยทุกคนว่า พวกผมกลับมาแล้ว กลับมาพร้อมจิตวิญญาณ จุดยืน อุดมการณ์ และชีวิตที่พร้อมเคียงข้างพี่น้องเสื้อแดง เพื่อประชาธิปไตยอย่างแท้จริง”
“พี่น้องทุกท่าน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนี้ ไม่ว่าจะสูญเสียอิสรภาพไปอีกกี่ครั้ง พวกผม ชีวิตที่เหลืออยู่จะมอบให้กับการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยที่แท้จริงของประชาชน หลังจากนี้ผมจะขออนุญาตไปใช้ชีวิตกับครอบครัวเพียงไม่กี่วัน หลังจากนั้นต่อไปทุกวันจะเป็นชีวิตเพื่อประชาธิปไตย”
นั่นคือคำพูดของ “จำเลยผู้ทรงเกียรติ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ” ที่เขาได้ป่าวประกาศผ่านโทรโข่ง หลังจากเขาได้รับอิสรภาพ ก้าวขาผ่านประตูคุกลาดยาว ภายหลังใช้ชีวิตอยู่นานร่วม 9 เดือน ท่ามกลางเสียงโห่ร้องแสดงความดีใจของคนเสื้อแดง
เหตุการณ์และภาพบรรยากาศที่เกิดขึ้น เมื่อวันที่ 22 ก.พ.54 วันที่ “ศาลเกิดอารมณ์ปรองดอง” มีคำสั่งปล่อยตัวชั่วคราว นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นพ.เหวง โตจิราการ นายก่อแก้ว พิกุลทอง นายนิสิต สินธุไพร นายขวัญชัย ไพรพนา นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไทย นายยศวริศ ชูกล่อม และนายภูมิกิตติ สุขจินดาทอง จำเลยที่ 3, 4, 5, 6, 7, 8, 10 และ11 รวม 8 คน ในคดีร่วมกันก่อการร้าย
โดยศาลท่านให้เหตุผลสั้นๆ เข้าใจง่ายๆ ว่า...กรณีมีข้อเท็จจริงบางประการที่จะให้มีคำสั่งเปลี่ยนแปลงจากคำสั่งเดิมได้ จึงเห็นควรอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว โดยตีราคาหลักประกันคนละ 600,000 บาท แต่ห้ามมิให้จำเลยดังกล่าวกระทำการอันเป็นการยั่วยุ ปลุกปั่น ปลุกระดม เพื่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน อันที่จะทำให้เกิดความไม่สงบขึ้นในราชอาญาจักรหรือให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน และห้ามจำเลยดังกล่าวเดินทางออกนอกราชอาญาจักร เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากศาล
นับจากวันนั้นถึงวันนี้ ทำให้การปล่อยชั่วคราวจำเลยเสื้อแดง ภายใต้โจทย์ “ฝันปรองดอง” ได้เกิดขึ้นแบบรายวัน โดยไม่มีการแยกแยะว่าใครมีหลักฐานถูกกล่าวหาว่าทำผิดมาก ใครมีหลักฐานถูกกล่าวหาว่าทำผิดน้อย หรือใครคือกองกำลังติดอาวุธ ที่ร่วมเฆ่นฆ่าทหารหาร จึงทำให้จากยอดเดิมที่ 180 คน คงเหลือ ณ วันที่ 8 มี.ค.เพียงแค่ 98 คน โดย “จำเลยณัฐวุฒิ” ยืนยันว่าพวกเขาจะทยอยช่วยเหลือยื่นประกันตัวแนวร่วมกลุ่มคนเสื้อแดงที่ถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำทั่วประเทศทั้ง 98 คนต่อไป
ส่วนแดงฮาร์ดคอร์ที่อยู่ระหว่างหลบหนี ไม่ว่าจะเป็น “ไอ้กี้ร์” นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง “แรมโบ้อีสาน นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์... จำเลยณัฐวุฒิแจ้งข่าวว่า อยู่ระหว่างติดต่อเพื่อเตรียมทยอยเข้ามอบตัว พร้อมกับพูดในลักษณะท้าทายศาลว่า ในวันเสาร์ที่ 12 มี.ค.นี้ แกนนำทุกคนที่ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวจะขึ้นเวทีปราศรัยประเด็นที่เป็นการแสดงความเห็นทางการเมือง และต่อจากนี้แกนนำเสื้อแดงจะทำงานทางลึกในการจัดตั้งเครือข่ายขยายแนวร่วมกลุ่มคนเสื้อแดง เพื่อเตรียมต่อสู้กับการเลือกตั้ง
จึงทำให้การแสดงบทบาทของ “จำเลยณัฐวุฒิ” ถือว่าเริ่มโดดเด่นมากกว่า “จตุพร พรหมพันธุ์” ส.ส.และจำเลยผู้ทรงเกียรติ... อีกทั้งถือเป็นครั้งแรกที่ก๊วนจำเลยที่ได้รับการปล่อยตัวจะได้ขึ้นแสดงบทบาทบนเวทีเสื้อแดงให้ “นายใหญ่” คนหนีคุกได้รับรู้ หลังพวกเขาได้เก็บความแค้นอยู่ในคุกนาน 9 เดือน จึงเป็นการเสี่ยงที่จะนำไปสู่ความรุนแรง
ดังนั้น ศาลที่สั่งปล่อยตัวชั่วคราว ท่านคิดอะไรอยู่ และหากการปล่อยตัวจำเลยเสื้อแดงแบบรายวัน เพียงแค่ให้เหตุผลว่า “กรณีมีข้อเท็จจริงบางประการที่จะให้มีคำสั่งเปลี่ยนแปลงจากคำสั่งเดิมได้ จึงเห็นควรอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว” แต่หากจำเลยที่ท่านปล่อย เขาไม่ปรองดอง และกลับไปก่อเหตุปลุกระดมผู้คนเผาบ้านเผาเมืองอีกครั้ง แล้วใครจะรับผิดชอบ...
ข้าแต่ศาลที่เคารพ โปรดวินิจฉัยด้วย
“พี่น้องทุกท่าน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนี้ ไม่ว่าจะสูญเสียอิสรภาพไปอีกกี่ครั้ง พวกผม ชีวิตที่เหลืออยู่จะมอบให้กับการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยที่แท้จริงของประชาชน หลังจากนี้ผมจะขออนุญาตไปใช้ชีวิตกับครอบครัวเพียงไม่กี่วัน หลังจากนั้นต่อไปทุกวันจะเป็นชีวิตเพื่อประชาธิปไตย”
นั่นคือคำพูดของ “จำเลยผู้ทรงเกียรติ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ” ที่เขาได้ป่าวประกาศผ่านโทรโข่ง หลังจากเขาได้รับอิสรภาพ ก้าวขาผ่านประตูคุกลาดยาว ภายหลังใช้ชีวิตอยู่นานร่วม 9 เดือน ท่ามกลางเสียงโห่ร้องแสดงความดีใจของคนเสื้อแดง
เหตุการณ์และภาพบรรยากาศที่เกิดขึ้น เมื่อวันที่ 22 ก.พ.54 วันที่ “ศาลเกิดอารมณ์ปรองดอง” มีคำสั่งปล่อยตัวชั่วคราว นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นพ.เหวง โตจิราการ นายก่อแก้ว พิกุลทอง นายนิสิต สินธุไพร นายขวัญชัย ไพรพนา นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไทย นายยศวริศ ชูกล่อม และนายภูมิกิตติ สุขจินดาทอง จำเลยที่ 3, 4, 5, 6, 7, 8, 10 และ11 รวม 8 คน ในคดีร่วมกันก่อการร้าย
โดยศาลท่านให้เหตุผลสั้นๆ เข้าใจง่ายๆ ว่า...กรณีมีข้อเท็จจริงบางประการที่จะให้มีคำสั่งเปลี่ยนแปลงจากคำสั่งเดิมได้ จึงเห็นควรอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว โดยตีราคาหลักประกันคนละ 600,000 บาท แต่ห้ามมิให้จำเลยดังกล่าวกระทำการอันเป็นการยั่วยุ ปลุกปั่น ปลุกระดม เพื่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน อันที่จะทำให้เกิดความไม่สงบขึ้นในราชอาญาจักรหรือให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน และห้ามจำเลยดังกล่าวเดินทางออกนอกราชอาญาจักร เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากศาล
นับจากวันนั้นถึงวันนี้ ทำให้การปล่อยชั่วคราวจำเลยเสื้อแดง ภายใต้โจทย์ “ฝันปรองดอง” ได้เกิดขึ้นแบบรายวัน โดยไม่มีการแยกแยะว่าใครมีหลักฐานถูกกล่าวหาว่าทำผิดมาก ใครมีหลักฐานถูกกล่าวหาว่าทำผิดน้อย หรือใครคือกองกำลังติดอาวุธ ที่ร่วมเฆ่นฆ่าทหารหาร จึงทำให้จากยอดเดิมที่ 180 คน คงเหลือ ณ วันที่ 8 มี.ค.เพียงแค่ 98 คน โดย “จำเลยณัฐวุฒิ” ยืนยันว่าพวกเขาจะทยอยช่วยเหลือยื่นประกันตัวแนวร่วมกลุ่มคนเสื้อแดงที่ถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำทั่วประเทศทั้ง 98 คนต่อไป
ส่วนแดงฮาร์ดคอร์ที่อยู่ระหว่างหลบหนี ไม่ว่าจะเป็น “ไอ้กี้ร์” นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง “แรมโบ้อีสาน นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์... จำเลยณัฐวุฒิแจ้งข่าวว่า อยู่ระหว่างติดต่อเพื่อเตรียมทยอยเข้ามอบตัว พร้อมกับพูดในลักษณะท้าทายศาลว่า ในวันเสาร์ที่ 12 มี.ค.นี้ แกนนำทุกคนที่ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวจะขึ้นเวทีปราศรัยประเด็นที่เป็นการแสดงความเห็นทางการเมือง และต่อจากนี้แกนนำเสื้อแดงจะทำงานทางลึกในการจัดตั้งเครือข่ายขยายแนวร่วมกลุ่มคนเสื้อแดง เพื่อเตรียมต่อสู้กับการเลือกตั้ง
จึงทำให้การแสดงบทบาทของ “จำเลยณัฐวุฒิ” ถือว่าเริ่มโดดเด่นมากกว่า “จตุพร พรหมพันธุ์” ส.ส.และจำเลยผู้ทรงเกียรติ... อีกทั้งถือเป็นครั้งแรกที่ก๊วนจำเลยที่ได้รับการปล่อยตัวจะได้ขึ้นแสดงบทบาทบนเวทีเสื้อแดงให้ “นายใหญ่” คนหนีคุกได้รับรู้ หลังพวกเขาได้เก็บความแค้นอยู่ในคุกนาน 9 เดือน จึงเป็นการเสี่ยงที่จะนำไปสู่ความรุนแรง
ดังนั้น ศาลที่สั่งปล่อยตัวชั่วคราว ท่านคิดอะไรอยู่ และหากการปล่อยตัวจำเลยเสื้อแดงแบบรายวัน เพียงแค่ให้เหตุผลว่า “กรณีมีข้อเท็จจริงบางประการที่จะให้มีคำสั่งเปลี่ยนแปลงจากคำสั่งเดิมได้ จึงเห็นควรอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว” แต่หากจำเลยที่ท่านปล่อย เขาไม่ปรองดอง และกลับไปก่อเหตุปลุกระดมผู้คนเผาบ้านเผาเมืองอีกครั้ง แล้วใครจะรับผิดชอบ...
ข้าแต่ศาลที่เคารพ โปรดวินิจฉัยด้วย