ตำรวจเร่งสอบปากคำ สางคดีคนร้ายอ้างเป็นตำรวจ รุมทำร้ายอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู ผู้บาดเจ็บ เผยนาทีเกิดเหตุคนร้ายพูด “มึงเป็นใคร ใหญ่มาจากไหน แล้วเป็นอาสาทำไมไม่ยกรถ กูนี่แหละตำรวจ” ขณะที่กองปราบเปิดชื่อ พ.ต.ท.กฤษ นาคแก้ว คือ ผู้ก่อเหตุ เคยอยู่กองปราบปี 37 ปัจจุบันสังกัด กอ.รมน.ย้ำใครนอกแถวเล่นงานเด็ดขาด
จากกรณีที่ นายพลวุฒิ พิชยะกิจไพบูลย์ อายุ 23 ปี และ นายเสกสรรค์ เกาะน้ำใส อายุ 28 ปี เจ้าหน้าที่อาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู ถูกกลุ่มชายฉกรรจ์ ซึ่งแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับรอง ผกก.กองบังคับการปราบปราม เกือบ 10 คน รุมทำร้ายภายในซอยนกน้อย ระหว่างซอยจรัญสนิทวงศ์ 31/1 กับจรัญสนิทวงศ์ 33 สาเหตุเพราะกลุ่มชายฉกรรจ์ไม่พอใจการปฏิบัติหน้าที่ของมูลนิธิที่ทำให้การจราจรติดขัด เมื่อกลางดึกที่ผ่านมาตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าเมื่อเวลา 11.00 น.วันนี้ (28 ก.พ.) พ.ต.ท.พจนาจ งบพิมาย สว.สส.สน.บางขุนนนท์ เปิดเผยว่า จากการสอบปากคำผู้เสียหายที่เป็นเจ้าหน้าที่อาสาสมัครมูลนิธิเบื้องต้น ยังไม่พบว่าคู่กรณีที่รุมทำร้ายเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจสังกัดกองบังคับการปราบปราม อาจจะเป็นประชาชนหรือกลุ่มวัยรุ่นที่อยู่ในละแวกดังกล่าวที่ไม่พอใจกลุ่มมูลนิธิในการปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวกับอุบัติเหตุทางจราจรจนทำให้รถติด ส่วนเรื่องกรณีการชักอาวุธปืนออกมาข่มขู่และทำร้ายผู้เสียหายนั้น ต้องให้พนักงานสอบสวนทำการสอบปากคำผู้บาดเจ็บและผู้เสียหายอย่างละเอียดอีกครั้ง ทั้งนี้ ทางผู้เสียหายสามารถจำหน้ากลุ่มคนร้ายได้ หลังจากนี้ จะนำตัวผู้เสียหายไปสเกตช์ภาพคนร้าย ก่อนติดตามตัวมาสอบสวน โดยคดีดังกล่าวเป็นคดีอาญาไม่สามารถยอมความกันได้ หากผลการตรวจจากแพทย์ ระบุว่า ผู้บาดเจ็บอาการสาหัสก็จะแจ้งข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ได้รับบาดเจ็บสาหัสก่อนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ติดต่อสอบถามไปยัง นายพลวุฒิ พิชยะกิจไพบูลย์ อายุ 23 ปี เจ้าหน้าที่อาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู ที่ถูกชายฉกรรจ์ทำร้าย ก็ได้รับการเปิดเผยว่า ก่อนเกิดเหตุตนปฏิบัติหน้าที่อยู่บริเวณซอยจรัญสนิทวงศ์ เมื่อได้รับแจ้งว่าเกิดอุบัติเหตุจึงรีบไปตรวจสอบพร้อมกับเพื่อนอีก 2 คน แต่เมื่อไปถึงก็พบว่ามีรถกระบะชนเข้ากับเกาะกลาง และมีทรัพย์สินของทางราชการได้รับความเสียหาย ตนกับเพื่อนจึงวิทยุขอกำลังอาสาสมัครมาที่เกิดเหตุเพื่อเคลียร์พื้นที่ ขณะนั้นการจราจรก็ติดขัดพอสมควร ระหว่างที่ตนกำลังรอเคลียร์พื้นที่ ก็มีชายฉกรรจ์อายุประมาณ 40 ปี เดินเข้ามาโวยวายและด่าด้วยถ้อยคำหยาบคาย และพยายามให้ตนยกรถกระบะออกไป ตนจึงอธิบายให้ฟังว่ากำลังรอกำลังอาสามาช่วยอยู่
นายพลวุฒิ กล่าวอีกว่า เมื่อตนเห็นท่าไม่ดี จึงวิทยุขอกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรมาช่วยดูแลเคลียร์พื้นที่ แต่ชายคนดังกล่าวกลับพูดว่า “มึงเป็นใคร ใหญ่มาจากไหน แล้วเป็นอาสาทำไมไม่ยกรถ กูนี่แหละตำรวจ” โดยผมก็พยายามระงับอารมณ์และพยายามจะอธิบาย จู่ๆ ชายคนดังกล่าวก็ตบเข้าที่ใบหน้าของผมอย่างแรง ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในซอยนกน้อย ผมจึงวิทยุบอกให้อาสาที่กำลังจะมาที่เกิดเหตุให้ยกเลิก เนื่องจากถูกทำร้ายกลัวว่าจะเกิดเรื่องราวใหญ่โต แต่ระหว่างที่ผมกับเพื่อนกำลังจะเดินกลับออกไป นายเสกสรรค์ รุ่นพี่ของผม ได้ยินทางวิทยุ ว่า ผมมีเรื่องจึงรีบมาที่เกิดเหตุ และถามว่าใครทำร้าย ก่อนจะเดินเข้าไปภายในซอยนกน้อย พร้อมกับเพื่อนอีก 3 คน ระหว่างนั้นกลุ่มชายฉกรรจ์ก็พาพวกกลับออกมาประมาณ 6 คน และรุมทำร้ายนายเสกสรรค์กับเพื่อน
“จังหวะนั้นเพื่อนของพี่เสกสรรค์ 3 คน ก็พยายามต่อสู้และวิ่งหนีออกมา ส่วนพี่เสกสรรค์ถูกทำร้ายจนหมดสติ ผมจึงรีบขอกำลังอาสาให้มาช่วยเหลือพี่เสกสรรค์ กระทั่งกลุ่มชายฉกรรจ์ทั้งหมดวิ่งหนีหายไป พวกผมจึงรีบนำตัวพี่เสกสรรค์ส่งโรงพยาบาล และเดินทางไปแจ้งความที่สน.บางขุนนนท์ ส่วนเรื่องที่มีการชักอาวุธปืนออกมาข่มขู่นั้น เพื่อนพี่เสกสรรค์ที่โดนทำร้ายด้วยให้การว่าชายฉกรรจ์ที่ใส่เสื้อโปโลสีขาวและตบหน้าผมเป็นคนบอกให้สมาชิกในกลุ่มไปหยิบปืนจากในบ้านมา และยังพูดอีกว่าเป็นตำรวจกองปราบ จากนั้นก็เอามาจ่อที่ศีรษะของพี่เสกสรรค์ ก่อนที่จะพากันหลบหนีไป เพราะเห็นว่าพี่เสกสรรค์หมดสติไปแล้ว” นายพลวุฒิ กล่าว
อาสาสมัครคนเดิมยังกล่าวอีกว่า แต่ผมไม่ได้ให้การกับตำรวจถึงประเด็นดังกล่าว เพราะไม่เห็นว่ามีการชักอาวุธปืน แต่เพื่อน นายเสกสรรค์ เป็นคนเห็น แต่ผมยืนยันว่าชายคนดังกล่าวพูดว่าเป็นตำรวจจริง ซึ่งขณะนี้ก็กลัวว่าจะไม่ปลอดภัย เพราะไม่รู้ว่าใครเป็นใคร และไม่เคยรู้จักกับชายคนดังกล่าว หรือเคยมีเรื่องบาดหมางกับใครมาก่อน คนแถวนั้นก็รู้จักเป็นอย่างดีเพราะปฏิบัติหน้าที่อยู่จุดนั้นตลอด ส่วนสาเหตุที่ทำให้ชายคนดังกล่าวโมโหและรุมทำร้ายพวกตนขนาดนี้ ก็ไม่ทราบเช่นกันว่าเพราะอะไร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่า ชายฉกรรจ์ที่ตบหน้าอาสามูลนิธิและพาพวกมารุมทำร้ายนายเสกสรรค์ กับพวก ปัจจุบันเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจสังกัด กอ.รมน ยศ พ.ต.ท.ก่อนหน้านี้เคยดำรงตำแหน่งเป็นรองสารวัตรสังกัดกองบังคับการปราบปราม
วันเดียวกันที่กองปราบปราม เวลา 11.00 น. พ.ต.อ.ประสพโชค พร้อมมูล รอง ผบก.ป.ในฐานะโฆษก บก.ป.กล่าวถึงกรณีที่มีผู้แอบอ้างตัวเป็นตำรวจ บก.ป.ร่วมกับพวก ทำร้ายร่างกาย นายเสกสรรค์ เกาะน้ำใส อายุ 28 ปี อาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู จนได้รับบาดเจ็บสาหัส ว่า จากการตรวจสอบข้อมูลในเบื้องต้นกับทาง สน.บางขุนนนท์ ทราบว่า เหตุทะเลาะวิวาทดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 21.00 น.วันที่ 27 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ภายหลังเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งอุบัติเหตุรถกระบะพุ่งชนเกาะกลางถนนจรัญสนิทวงศ์ ช่วงระหว่างซอยจรัญสนิทวงศ์ 31/1 และ 33 ท้องที่ สน.บางขุนนนท์ และปรากฏว่า พ.ต.ท.กฤษ นาคแก้ว รอง ผกก.กอ.รมน.ได้มีปัญหาทะเลาะวิวาทกับอาสาสมัครมูลนิธิดังกล่าว ซึ่งกรณีนี้ไม่เกี่ยวข้องกับตำรวจ บก.ป.และทาง พ.ต.ท.กฤษณ์ ไม่ได้สังกัด บก.ป.เพียงแต่เคยดำรงตำแหน่ง รอง สว.กก.2 บก.ป.เมื่อปี 2537 เท่านั้น
พ.ต.อ.ประสพโชค กล่าวต่อว่า แม้ว่าเหตุที่เกิดขึ้นทาง บก.ป.จะไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่ทาง พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ ผบก.ป.ได้กำชับมายังผู้ใต้บังคับบัญชาทุกนายให้ปฏิบัติหน้าที่โดยยึดตามระเบียบวินัยของตำรวจอย่างเคร่งครัด และหากพบว่า มีตำรวจในสังกัดรายใดประพฤติตนออกนอกลู่นอกทางก็จะพิจารณาลงโทษตามขั้นตอนโดยไม่มีข้อยกเว้น
อ้างเป็น ตร.กองปราบฯ ตื้บอาสาร่วมกตัญญู!