ตำรวจตามจับคนร้ายแฝงตัวเข้าร่วมชุมนุมกับพันธมิตรฯ แล้วฉกรถยนต์ฮอนด้าแจ๊ซของผู้ร่วมชุมนุม พาลูกสาวแม่ค้าขายน้ำไปกระทำชำเรา แต่ยังปากแข็งปฏิเสธทั้ง 2 คดี ตรวจสอบประวัติพบหมายจับคดีพรากผู้เยาว์-กระทำชำเรามาก่อนหน้านี้ถึง 3 คดี รวมทั้งยักยอกรถจักรยานยนต์ และหนีทหารอีกด้วย
วันนี้ (24 ก.พ.) เมื่อเวลา 11.30 น. ที่กองกำกับการสวัสดิภาพเด็ก เยาวชนและสตรี (กก.ดส.) บช.น. พ.ต.อ.สุพัชร พึ่งพวง ผกก.ดส. พ.ต.ท.สุทิน สวนดอกไม้ รอง ผกก. พ.ต.ท.ศยาม อินทร์สุวรรโณ สว.สส. และร.ต.อ.มานะ จันทร์ลาภ สว.สส. แถลงการจับกุม นายอมร หรือคม จันทร์โอ อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 82 ซอยเทอดไท 2 แขวงบางยี่เรือ เขตธนบุรี กทม. ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลอาญาธนบุรี เลขที่ จ.868/2548 ในคดีพรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี เพื่อการอนาจาร, กระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ในท้องที่ สน.ประเวศ, คดีข่มขืนกระทำชำเราหญิง,พรากผู้เยาว์อายุกว่า 15 แต่ไม่เกิน 18 เพื่อการอนาจาร ท้องที่ สน.พญาไท ปี 2546, คดีพรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี เพื่อการอนาจาร, กระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 13 ปี และหน่วงเหนี่ยวกักขัง ท้องที่ สน.บางยี่เรือ ปี 2548, คดียักยอกรถจักรยานยนต์ สน.บางโพงพาง ปี 2551 และคดีไม่ไปแสดงตนเพื่อรับหมายเรียกทหารกองประจำการ ปี 2550 พร้อมของกลางรถยนต์เก๋งฮอนด้า รุ่นแจ๊ซ สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน กง 5431 สุราษฎร์ธานี
พ.ต.อ.สุพัชรเปิดเผยว่า การจับกุมนายอมรในครั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 10 ก.พ.ที่ผ่านมา นางภา (นามสมมติ) แม่ค้าขายน้ำในม็อบพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ ได้เข้ามาแจ้งขอความช่วยเหลือจากตำรวจ กก.ดส.ให้ช่วยติดตาม น.ส.กร (นามสมมติ) อายุ 17 ปี ที่ถูกนายอมรล่อลวงไป โดยนางภาเคยเจอหน้านายอมรมาตั้งแต่เริ่มการชุมนุมที่ม็อบเป็นประจำ อีกทั้งนายอมรยังเป็นลูกค้าที่แวะมาซื้อน้ำเป็นประจำด้วย
พ.ต.อ.สุพัชรกล่าวว่า นางภาให้การว่า มาทราบข่าวเมื่อช่วงบ่ายโมงวันที่ 9 ก.พ.ว่าบุตรสาวหายตัวไปกับนายอมร โดยนายอมรเองเป็นผู้ใช้โทรศัพท์โทร.มาบอกนางภาเป็นระยะว่าพาลูกสาวไปตั้งแต่วันที่ 8 ก.พ. โดยอ้างว่าอยู่ที่นครปฐม ทางนางภาจึงไปแจ้งความที่ สน.ดุสิต และได้รับคำแนะนำให้มาขอความช่วยเหลือที่ กก.ดส. เพื่อให้ตำรวจช่วยติดตามตัว หลังจากนั้น นายอมรก็ใช้โทรศัพท์บุตรสาวโทร.มาหาอยู่เป็นระยะ เพื่อให้นางภาโอนเงินไปให้จำนวน 2 ครั้ง ครั้งแรก 4,000 บาท ครั้งที่ 2 จำนวน 3,000 บาท แต่นางภายังไม่ได้โอนเงินไปให้ตามคำขอ
“ตำรวจได้ทำการตรวจสอบจากการใช้โทรศัพท์มือถือจนพบว่า ความจริงแล้วนายอมรไม่ได้พา น.ส.กรไปที่นครปฐม แต่ไปอยู่ที่ อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี นอกจากนี้ยังพบว่า เมื่อวันที่ 8 ก.พ. นายอมรยังได้ลักรถยนต์ฮอนด้าแจ๊ซ คันของกลางของ น.ส.ธิดารัตน์ ทิพนัย ผู้เข้าร่วมมชุมนุม ไปจากที่ชุมนุมด้วย โดย น.ส.ธิดารัตน์ได้ไปแจ้งหายไว้ที่ สน.ดุสิต ทางตำรวจจึงนำกำลังไปติดตามจับกุม จนกระทั่งเมื่อเวลา 21.00 น.วานนี้ (23 ก.พ.) จึงสามารถจับกุมตัวนายอมรได้ในพื้นที่หมู่ 12 ต.บ้านโข่ง อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี พร้อม น.ส.กร ก่อนจะควบคุมตัวมาสอบสวนที่กองกำกับ” พ.ต.อ.สุพัชรกล่าว และว่าหลังจากจับกุมได้ ตำรวจได้ทำการตรวจสอบประวัติจนพบว่านายอมรมีคดีหมายจับถึง 5 คดีตามข้อหาข้างต้น
จากการสอบสวนนายอมรให้การอ้างว่ารู้จักกับ น.ส.กรในม็อบที่สะพานมัฆวานฯ และเมื่อวันที่ 8 ก.พ.ไม่ได้ลักพาตัว น.ส.กร ไป เพียงแต่ น.ส.กรเป็นฝ่ายมาชวนไปดื่มเหล้าที่ย่านรามคำแหง จึงพา น.ส.กรขึ้นรถของ น.ส.ธิดารัตน์ ที่ฝากกุญแจไว้ไปดื่มเหล้า ก่อนจะพาไปไหว้พระที่ อ.สามชุก จนกระทั่งมาถูกตำรวจจับกุม โดยที่ยังไม่ทำอะไร น.ส.กรแม้แต่น้อย
ด้าน นางภา มารดา น.ส.กรกล่าวว่า หลังจากที่ตำรวจพาบุตรสาวกลับมาส่ง ได้สอบถามจนได้ความว่า ตลอดเวลาที่ถูกพาตัวไป บุตรสาวแสดงความประสงค์ขอกลับบ้านมาตลอด แต่นายอมรไม่ยอมให้กลับ พร้อมทั้งขู่ว่าหากหลบหนีออกมาจะฆ่าทิ้งเสีย นอกจากนี้ นายอมรยังเอาโทรศัพท์ของบุตรสาว และแหวนทองคำหนัก 50 สตางค์ไปอีกด้วย
ขณะที่ น.ส.ธิดารัตน์ ทิพนัย เจ้าของรถฮอนด้า แจ๊ซ ที่นายอมรขโมยไปยืนยันว่ามาร่วมชุมนุมกับแฟนหนุ่ม และได้เจอนายอมรเข้ามาตีสนิทกับลูกน้องตนก่อน จากนั้นนายอมรก็มาชวนพูดคุยและเจอหน้ากันหลายครั้ง โดยเข้าๆ ออกๆ ในม็อบตลอด จนกระทั่งวันเกิดเหตุได้วางกุญแจรถไว้ที่โต๊ะที่นั่งคุยกับกลุ่มเพื่อนและลูกน้อง ขณะนั้นเองนายอมรอาศัยจังหวะทีเผลอคว้าเอากุญแจไปขับรถหายออกไปทันที ขอยืนยันว่าไม่ได้ฝากกุญแจไว้ตามที่นายอมรกล่าวอ้าง
เบื้องต้นตำรวจแจ้งข้อหาและสั่งดำเนินคดีตามหมายจับต่างๆ รวมทั้งข้อหาลักทรัพย์ที่ขโมยเอารถยนต์ของผู้ชุมนุมไป จากนั้นควบคุมตัวส่ง สน.บางยี่เรือ ต้นเรื่องตามหมายจับเพื่อดำเนินคดีทั้งหมดต่อไป