กองปราบปราม ครึกครื้น เหยื่อแก๊งขโมยรถทยอยเข้าดูของกลางตลอดวัน หลานชายบิ๊กจ๊อด ควงลูกเมียตามหา อีซุซุไฮแลนเดอร์หลังถูกโจรกรรมที่โคราชเมื่อปีก่อน
วันนี้ (18 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีที่ พ.ต.อ.ปิยะ เจริญสุข ผกก.1 บก.ป. พ.ต.อ.พรศักดิ์ สุรสิทธิ์ ผกก.ปพ.บก.ป. พ.ต.ท.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ รอง ผกก.1 บก.ป.พร้อมกำลังหน่วยป้องกันและปราบปรามการโจรกรรมทรัพย์สิน หรือ “หน่วยโรบินฮู้ด” บก.ป.บุกเข้าทลายแก๊งโจรกรรมรถยนต์รายใหญ่ โดยนำหมายศาลอาญาเข้าตรวจค้นโกดังและบ้านพักรวม 3 จุด และสามารถจับกุมตัว นายอนันต์ อยู่เอม อายุ 31 ปี หัวหน้าแก๊ง นายยงยุทธ เพชรทอง อายุ 26 ปี นายสุบิน แก่นสาร อายุ 35 ปี นายรัตนชัย สุจันทา อายุ 18 ปี และ นายโจ้ (นามสมมติ) อายุ 17 ปี พร้อมของกลางรถกระบะ และรถยนต์ที่โจรกรรมมาซึ่งบางส่วนได้อายัดไว้ตรวจสอบที่ สน.โชคชัย ชิ้นส่วนรถยนต์จำนวนมาก ป้ายทะเบียนปลอม อุปกรณ์ที่ใช้ในการโจรกรรมรถ อาวุธปืนขนาด 9 มม.พร้อมเครื่องกระสุน บัญชีเงินฝากธนาคารต่างๆ พร้อมกับควบคุมผู้ต้องหาทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวนแต่ละท้องที่ดำเนินคดีไปแล้วนั้น
ต่อมาเมื่อเวลา 15.30 น. ภายหลังที่มีการเผยแพร่ข่าวออกไป กลุ่มผู้เสียหายที่เคยแจ้งความรถหายไว้ในหลายท้องที่ ทั้งใน กทม.และต่างจังหวัด ได้ทยอยเดินทางกันเข้ามาขอตรวจสอบข้อมูลต่างๆ กับเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ตลอดทั้งวันรวมกว่า 15 ราย โดยหนึ่งในนั้น คือ นายญาณพัฒน์ คงสมพงษ์ อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 49 ถนนลาดปลาเค้า 36 แขวงจรเข้บัว เขตลาดพร้าว กทม.พนักงานบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ซึ่งมีศักดิ์เป็นหลานชายของ พล.อ.สุนทร คงสมพงษ์ หรือ “บิ๊กจ๊อด” อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด และประธานคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (รสช.) ที่ล่วงลับไปแล้ว เดินทางมาพร้อมกับภรรยาและลูก เพื่อขอตรวจสอบข้อมูลเนื่องจากรถกระบะอีซูซุ ไฮแลนเดอร์ 4 ประตู สีบรอนซ์ ทะเบียน ฌบ 9963 กทม.หายไปตั้งแต่วันที่ 5 มิถุนายน 2553
นายญาณพัฒน์ กล่าวว่า ในวันเกิดเหตุตนได้ขับรถคันดังกล่าวออกจากบ้านพักเพื่อเดินทางไปทำธุระที่ จ.นครราชสีมา โดยช่วงเวลาประมาณ 03.00 น.ตนได้จอดรถแวะซื้อผลไม้ที่ตลาดไดโนเสาร์ ท้องที่ สภ.กลางดง จ.นครราชสีมา แต่หลังจากจอดรถได้เพียง 5 นาที คล้อยหลังที่ตนซื้อของเสร็จแล้ว พอเดินกลับก็ต้องตกใจเมื่อรถที่จอดไว้หายไปอย่างไร้ร่องรอย พอตั้งสติได้ตนจึงรีบไปแจ้งความรถหายที่ สภ.กลางดง ในทันที และพยายามติดตามอีกหลายช่องทางเนื่องจากตนเสียดายรถที่ยังใหม่และต้องใช้งานอยู่เป็นประจำ
นายญาณพัฒน์ กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาได้ประสานกับเจ้าหน้าที่ขอตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด ซึ่งหลังจากวันเกิดเหตุ 2 วัน คือ เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2553 เจ้าหน้าที่พบรถกระบะของตนวิ่งอยู่บนถนนมอเตอร์เวย์ บางนา-บางปะอิน ทำให้ตนเริ่มมีความหวังมากยิ่งขึ้นและพยายามให้ข้อมูลต่างๆ ทั้งตำหนิ จุดสังเกต แต่ทางเจ้าหน้าที่ก็ไม่สามารถติดตามรถของตนได้ ต่อมาเมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2553 หรือถัดจากนั้นมา 4 วัน ตนได้รับเอกสารให้ไปเสียค่าปรับในข้อหาฝ่าไฟแดง เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตรวจสอบจากทะเบียนรถแล้วส่งเอกสารมาที่บ้านพัก โดยระบุว่าภาพจากกล้องวงจรปิดพบว่ารถตนฝ่าไฟแดงที่บริเวณสามแยกโชคชัย 4 ซึ่งตนก็แปลกใจมากเพราะได้แจ้งหายไว้แล้วก่อนหน้านี้ เหตุใดยังมีเอกสารให้ไปเสียค่าปรับส่งมาถึงตน
“ผมไม่เข้าใจว่าเหตุใดเจ้าหน้าที่จึงไม่สามารถติดตามรถกระบะของผมได้ทั้งที่เคยพบภาพจากกล้องวงจรปิดหลายครั้ง และได้แจ้งความรถหายไว้ตั้งแต่กลางปีที่แล้ว ซึ่งผมก็ยังมีความหวังว่าจะได้รถคืนมา แม้ว่าขณะนี้จะซื้อรถคันใหม่มาใช้งานแล้วก็ตาม ผมให้ข้อมูลเกี่ยวกับรถของผมกับชุดจับกุม บก.ป.เพราะเชื่อว่าน่าจะเป็นคนร้ายกลุ่มนี้ที่โจรกรรมรถเพราะข้อมูลโกดังรถที่เจ้าหน้าที่ตรวจค้นก็อยู่ในซอยโชคชัย 4 จุดที่เคยพบรถผมฝ่าไฟแดง” นายญาณพัฒน์ กล่าว
ขณะที่ นายวัลลภ ดวงพินิจ อายุ 39 ปี อีกหนึ่งผู้เสียหาย เจ้าของรถกระบะอีซูซุ เอ็กซ์ซีรีย์ สีดำ ทะเบียนป้ายแดง ฉ 7266 กทม.ซึ่งหายไปเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2553 กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุช่วงเวลาประมาณ 22.00 น.ตนได้ขับรถคันนี้ไปจอดไว้ที่ซอยเสนานิเวศน์ บริเวณตลาดบางเขน เพื่อไปซื้อของเพราะมีอาชีพค้าขาย แต่หลังจากนั้นเวลาประมาณ 01.00 น.ก็พบว่ารถของตนหายไป ช่วงนั้นตนรู้สึกกระวนกระวายใจมากเพราะเพิ่งซื้อรถมาไม่นาน นอกจากแจ้งความไว้แล้วก็ยังพยายามสอบถามจากผู้ที่อยู่ใกล้กับรถ และได้พยายามติดตามด้วยตนเอง พอมีข่าวจับกุมแก๊งโจรกรรมรถที่ไหนตนก็จะเดินทางไปตรวจสอบทุกครั้งแต่ก็ยังไม่พบ อย่างไรก็ดี ตนก็ยังมีความหวังว่าจะได้รถคืนกลับมาไม่ว่าจะอยู่ในสภาพไหนก็ตาม