รวบอีก 1 สมาชิกแก๊งปล้นลอตเตอรี่ โดยหัวหน้าแก๊งจะคอยสังเกตเหยื่ออยู่บริเวณสี่แยกคอกวัว แล้วโทร.บอกพรรคพวกไปดักรอทำร้ายพ่อค้าแม่ค้าแล้วชิงลอตเตอรี่และทรัพย์สิน หากถูกรางวัลจะนำไปขึ้นเงินและนำมาแบ่งกัน เผยมีผู้ตกเป็นเหยื่อแล้ว 4 ราย สารภาพจะขี่ จยย.ให้ลูกทีมซ้อนท้าย 2 คน เมื่อเจอเป้าหมายจะผลักให้ล้มลากไปที่ลับตาคนแล้วตบตี ได้ค่าจ้าง 1 แสนบาท นำไปเล่นการพนันและเที่ยวเตร่จนหมด
วันนี้ (11 ก.พ.) เมื่อเวลา 13.30 น. พ.ต.อ.จีรศักดิ์ ขำคง รอง ผบก.น.8 พ.ต.อ.ดำรงศักดิ์ สว่างงาม ผกก.สน.สำเหร่ พร้อมด้วย พ.ต.ต.สายชล ปัญจชัย สว.สส.สน.สำเหร่ แถลงการจับกุมตัวนายไพบูลย์ หรือคิม ทวีพงษ์ไพบูลย์ อายุ 31 ปี ผู้ต้องหาที่ร่วมกันก่อเหตุปล้นทรัพย์ผู้ค้าสลากกินแบ่งรัฐบาล พร้อมด้วยของกลางจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า เวฟ สีแดง หมายเลขทะเบียน สธส 939 กรุงเทพมหานคร จำนวน 1 คัน จักรยานยนต์ฮอนด้า คลิก สีน้ำเงิน หมายเลขทะเบียน สยน 939 กรุงเทพมหานคร หมวกนิรภัย 1 ใบ และเสื้อผ้าที่สวมใส่ในวันก่อเหตุ โดยจับกุมตัวได้ที่ถนนคลองสี่วา ต.คอกกระบือ อ.เมือง จ.สมุทรสาคร
พ.ต.อ.จีรศักดิ์เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้ได้เกิดเหตุคนร้ายออกตระเวนปล้นทรัพย์กลุ่มพ่อค้าและแม่ค้าที่ขายลอตเตอรี่ ได้เงินสดและลอตเตอรี่ไปจำนวนมาก จนกลุ่มผู้ขายเกิดความหวาดกลัวเป็นอย่างมาก เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนจึงได้ทำการหาเบาะแสของคนร้ายแก๊งดังกล่าว กระทั่งทราบว่าคนร้ายมีด้วยกันทั้งหมด 4 คน คือ 1.นายสุพจน์ หรือพจน์ ยิ่งทวีศักดิ์ อายุ 56 ปี 2.นายกีรติ หรือเอก ศิริพัฒนา อายุ 33 ปี 3.นายชายธง หรือหนึ่ง โพตุ่น อายุ 33 ปี และนายไพบูลย์ หรือคิม ทวีพงษ์ไพบูลย์ โดยพฤติการณ์ของแก๊งนี้จะมีนายสุพจน์เป็นหัวหน้าแก๊ง คอยสังเกตเหยื่ออยู่ที่บริเวณสี่แยกคอกวัว ซึ่งเป็นจุดที่มีการซื้อขายลอตเตอรี่จำนวนมาก จากนั้นจะติดตามเหยื่อและคอยโทรศัพท์บอกให้ลูกทีมอีก 3 คนไปดักรอทำร้ายและชิงเอาทรัพย์สิน ก่อนจะนำเงินที่ได้มาไปแบ่งกันภายในปั๊มน้ำมันย่านถนนเอกชัย และบางบอน
ทั้งนี้ หากลอตเตอรี่ถูกรางวัล กลุ่มผู้ต้องหาก็จะนำไปขึ้นเงินและนำมาแบ่งกัน โดยมีผู้ตกเป็นเหยื่อไปแล้ว 4 ราย นอกจากนี้ยังมีผู้เสียหายอีกหลายรายที่ไม่ทันถูกก่อเหตุ เพียงแค่ถูกสะกดรอยตาม ซึ่งผู้ต้องหา 3 คน คือ นายสุพจน์ นายกีรติ และนายชายธง ได้ถูกจับกุมตัวไปก่อนหน้านี้แล้ว เหยื่อรายล่าสุดที่กลุ่มผู้ต้องหาลงมือก่อเหตุ คือ น.ส.เธียรรัตน์ วงศ์สานันท์ อายุ 56 ปี สูญทรัพย์สินไป 8 แสนบาท และลอตเตอรี่อีก 25 เล่ม ถูกก่อเหตุเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม ที่ผ่านมา
พ.ต.อ.จีรศักดิ์กล่าวต่อไปว่า ตนอยากประชาสัมพันธ์ให้กลุ่มผู้ค้าลอตเตอรี่ระมัดระวังตัวมากขึ้น เนื่องจากมีกลุ่มมิจฉาชีพที่คอยจ้องจะก่อเหตุจำนวนมาก โดยแก๊งนี้ที่ติดตามจับกุมตัวมาได้ล้วนแล้วแต่มีประวัติคดีชิงทรัพย์ติดตัว ซึ่งหลังจากนี้จะให้ผู้เสียหายเดินทางมาชี้ตัว ก่อนส่งผู้ต้องหาให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
จากการสอบสวนนายไพบูลย์ให้การรับสารภาพว่า ได้ร่วมมือกับพรรคพวก 3 คนที่ถูกจับไปแล้ว ก่อเหตุปล้นทรัพย์แม่ค้าลอตเตอรี่จริง โดยรู้จักกับนายสุพจน์และสมาชิกในแก๊งเพราะพักอาศัยอยู่ในละแวกเดียวกัน จึงถูกชักชวนให้มาร่วมก่อเหตุ ตนจะทำหน้าที่ขี่จักรยานยนต์ให้อีก 2 คนซ้อนท้าย บางครั้งก็จะขี่จักรยานยนต์ไปกัน 2 คัน เมื่อเจอเหยื่อตามที่นายสุพจน์บอกก็จะเข้าไปผลักให้ล้มและลากไปในที่ลับตาคน ส่วนอีก 2 คนเป็นคนลงมือตบตีและทำร้ายผู้เสียหาย โดยตนจะได้ค่าจ้าง 1 แสนบาท เมื่อได้เงินมาก็นำไปเล่นการพนันและเที่ยวเตร่จนหมด
ต่อมา น.ส.เธียรรัตน์ วงศ์สานันท์ อายุ 56 ปี และผู้เสียหายอีกหลายราย ได้เดินทางมาชี้ตัวผู้ต้องหาที่เพิ่งถูกจับกุม และชี้ยืนยันรูปถ่ายของผู้ต้องหาที่ถูกจับไปก่อนหน้านี้แล้ว แม้บางรายที่ไม่ได้ถูกก่อเหตุ แต่แค่ถูกสะกดรอยตามก็เดินทางมาชี้ตัวด้วย เนื่องจากเกือบจะถูกทำร้ายและชิงเอาทรัพย์สินไปด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ยังมีภรรยาของนายทหารคนหนึ่งถูกคนร้ายตามสะกดรอยด้วยเช่นกัน แต่โชคดีที่คนร้ายไม่สบโอกาสจึงไม่สามารถลงมือได้
วันนี้ (11 ก.พ.) เมื่อเวลา 13.30 น. พ.ต.อ.จีรศักดิ์ ขำคง รอง ผบก.น.8 พ.ต.อ.ดำรงศักดิ์ สว่างงาม ผกก.สน.สำเหร่ พร้อมด้วย พ.ต.ต.สายชล ปัญจชัย สว.สส.สน.สำเหร่ แถลงการจับกุมตัวนายไพบูลย์ หรือคิม ทวีพงษ์ไพบูลย์ อายุ 31 ปี ผู้ต้องหาที่ร่วมกันก่อเหตุปล้นทรัพย์ผู้ค้าสลากกินแบ่งรัฐบาล พร้อมด้วยของกลางจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า เวฟ สีแดง หมายเลขทะเบียน สธส 939 กรุงเทพมหานคร จำนวน 1 คัน จักรยานยนต์ฮอนด้า คลิก สีน้ำเงิน หมายเลขทะเบียน สยน 939 กรุงเทพมหานคร หมวกนิรภัย 1 ใบ และเสื้อผ้าที่สวมใส่ในวันก่อเหตุ โดยจับกุมตัวได้ที่ถนนคลองสี่วา ต.คอกกระบือ อ.เมือง จ.สมุทรสาคร
พ.ต.อ.จีรศักดิ์เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้ได้เกิดเหตุคนร้ายออกตระเวนปล้นทรัพย์กลุ่มพ่อค้าและแม่ค้าที่ขายลอตเตอรี่ ได้เงินสดและลอตเตอรี่ไปจำนวนมาก จนกลุ่มผู้ขายเกิดความหวาดกลัวเป็นอย่างมาก เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนจึงได้ทำการหาเบาะแสของคนร้ายแก๊งดังกล่าว กระทั่งทราบว่าคนร้ายมีด้วยกันทั้งหมด 4 คน คือ 1.นายสุพจน์ หรือพจน์ ยิ่งทวีศักดิ์ อายุ 56 ปี 2.นายกีรติ หรือเอก ศิริพัฒนา อายุ 33 ปี 3.นายชายธง หรือหนึ่ง โพตุ่น อายุ 33 ปี และนายไพบูลย์ หรือคิม ทวีพงษ์ไพบูลย์ โดยพฤติการณ์ของแก๊งนี้จะมีนายสุพจน์เป็นหัวหน้าแก๊ง คอยสังเกตเหยื่ออยู่ที่บริเวณสี่แยกคอกวัว ซึ่งเป็นจุดที่มีการซื้อขายลอตเตอรี่จำนวนมาก จากนั้นจะติดตามเหยื่อและคอยโทรศัพท์บอกให้ลูกทีมอีก 3 คนไปดักรอทำร้ายและชิงเอาทรัพย์สิน ก่อนจะนำเงินที่ได้มาไปแบ่งกันภายในปั๊มน้ำมันย่านถนนเอกชัย และบางบอน
ทั้งนี้ หากลอตเตอรี่ถูกรางวัล กลุ่มผู้ต้องหาก็จะนำไปขึ้นเงินและนำมาแบ่งกัน โดยมีผู้ตกเป็นเหยื่อไปแล้ว 4 ราย นอกจากนี้ยังมีผู้เสียหายอีกหลายรายที่ไม่ทันถูกก่อเหตุ เพียงแค่ถูกสะกดรอยตาม ซึ่งผู้ต้องหา 3 คน คือ นายสุพจน์ นายกีรติ และนายชายธง ได้ถูกจับกุมตัวไปก่อนหน้านี้แล้ว เหยื่อรายล่าสุดที่กลุ่มผู้ต้องหาลงมือก่อเหตุ คือ น.ส.เธียรรัตน์ วงศ์สานันท์ อายุ 56 ปี สูญทรัพย์สินไป 8 แสนบาท และลอตเตอรี่อีก 25 เล่ม ถูกก่อเหตุเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม ที่ผ่านมา
พ.ต.อ.จีรศักดิ์กล่าวต่อไปว่า ตนอยากประชาสัมพันธ์ให้กลุ่มผู้ค้าลอตเตอรี่ระมัดระวังตัวมากขึ้น เนื่องจากมีกลุ่มมิจฉาชีพที่คอยจ้องจะก่อเหตุจำนวนมาก โดยแก๊งนี้ที่ติดตามจับกุมตัวมาได้ล้วนแล้วแต่มีประวัติคดีชิงทรัพย์ติดตัว ซึ่งหลังจากนี้จะให้ผู้เสียหายเดินทางมาชี้ตัว ก่อนส่งผู้ต้องหาให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
จากการสอบสวนนายไพบูลย์ให้การรับสารภาพว่า ได้ร่วมมือกับพรรคพวก 3 คนที่ถูกจับไปแล้ว ก่อเหตุปล้นทรัพย์แม่ค้าลอตเตอรี่จริง โดยรู้จักกับนายสุพจน์และสมาชิกในแก๊งเพราะพักอาศัยอยู่ในละแวกเดียวกัน จึงถูกชักชวนให้มาร่วมก่อเหตุ ตนจะทำหน้าที่ขี่จักรยานยนต์ให้อีก 2 คนซ้อนท้าย บางครั้งก็จะขี่จักรยานยนต์ไปกัน 2 คัน เมื่อเจอเหยื่อตามที่นายสุพจน์บอกก็จะเข้าไปผลักให้ล้มและลากไปในที่ลับตาคน ส่วนอีก 2 คนเป็นคนลงมือตบตีและทำร้ายผู้เสียหาย โดยตนจะได้ค่าจ้าง 1 แสนบาท เมื่อได้เงินมาก็นำไปเล่นการพนันและเที่ยวเตร่จนหมด
ต่อมา น.ส.เธียรรัตน์ วงศ์สานันท์ อายุ 56 ปี และผู้เสียหายอีกหลายราย ได้เดินทางมาชี้ตัวผู้ต้องหาที่เพิ่งถูกจับกุม และชี้ยืนยันรูปถ่ายของผู้ต้องหาที่ถูกจับไปก่อนหน้านี้แล้ว แม้บางรายที่ไม่ได้ถูกก่อเหตุ แต่แค่ถูกสะกดรอยตามก็เดินทางมาชี้ตัวด้วย เนื่องจากเกือบจะถูกทำร้ายและชิงเอาทรัพย์สินไปด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ยังมีภรรยาของนายทหารคนหนึ่งถูกคนร้ายตามสะกดรอยด้วยเช่นกัน แต่โชคดีที่คนร้ายไม่สบโอกาสจึงไม่สามารถลงมือได้