พ่อสุดทนพาลูกสาววัย 14 ปี เข้าแจ้งจับญาติที่มีศักดิ์เป็นตา หลังเด็กสาวยอมรับกับผู้เป็นพ่อว่าถูกข่มขืนกระทำชำเราหลายครั้ง ก่อนปรึกษากับญาติเข้าร้องเรียนศูนย์ประชาบดีและเข้าแจ้งความต่อ ตร.ให้จับตัวมาดำเนินคดี
วันนี้ (9 ก.พ.) เมื่อเวลา 13.30 น.ที่กองปราบปราม นายเอ (นามสมมติ) อายุ 40 ปี พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ศูนย์ประชาบดี กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นำตัว ด.ญ.บี (นามสมมติ) อายุ 14 ปี บุตรสาว เข้าพบ พ.ต.ท.ประภาส อ่องมะลิ พนักงานสอบสวน (สบ 3) กก.3 บก.ป.เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับนายซี (นามสมมติ) อายุ 50 ปี ชาว อ.ชานุมาน จ.อำนาจเจริญ ซึ่งมีศักดิ์เป็นตาของ ด.ญ.บี หลังจากก่อเหตุข่มขืนกระทำชำเรา ด.ญ.บี เหตุเกิดในพื้นที่ อ.ชานุมาน จ.อำนาจเจริญ เมื่อปี 2553
นายเอกล่าวว่า ตนมีอาชีพขับรถตู้โดยสารอยู่ที่ จ.จันทบุรี ส่วนภรรยาทำงานอยู่ที่ประเทศมาเลเซีย ตนกับภรรยาอาศัยอยู่ที่ย่านดอนเมือง กทม. ก่อนหน้านี้ตนเลี้ยงดูบุตรสาวเอง กระทั่งช่วงที่บุตรสาวใกล้จะเรียนจบระดับชั้นประถมศึกษาในเดือนมีนาคม 2553 มีความจำเป็นที่จะต้องไปทำงานไกลจึงได้พาบุตรสาวไปฝากพ่อตาที่ จ.อำนาจเจริญ ให้ช่วยส่งเสียเลี้ยงดู พร้อมกับให้พาบุตรสาวเรียนต่อในระดับมัธยมศึกษาด้วย ที่ผ่านมาพ่อตาก็รับปากว่าจะช่วยเหลือเพราะเห็นแก่อนาคตของหลานจึงไว้ใจปล่อยให้บุตรสาวอยู่ที่นั่น แต่ได้โทรศัพท์ไปสอบถามความเป็นอยู่เรื่อยมา
นายเอกล่าวอีกว่า ต่อมาเมื่อช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา ญาติได้โทรศัพท์ไปหาบุตรสาวและเล่าให้ฟังว่าบุตรสาวพูดจาแปลกๆ อ้างว่าไม่อยากอยู่ที่บ้านตาอีกแล้ว พอพยายามถามเหตุผลโดยคาดคั้นมากเข้าจึงทราบว่าบุตรสาวถูกนายซี น้องชายของพ่อตา ซึ่งมีศักดิ์เป็นตาอีกคนหนึ่งของบุตรสาว ข่มขืนกระทำชำเราหลายครั้ง เนื่องจากบ้านพักของนายซีอยู่ติดกับบ้านของพ่อตาตน โดยทันทีที่ทราบเรื่องตนรู้สึกโกรธแค้นอย่างมากและจะเดินทางไปเอาเรื่องกับนายซี แต่ญาติห้ามไว้และบอกให้แจ้งความดำเนินคดีตามกฎหมายดีกว่า
“ผมได้สอบถามเขาว่าทำไมถึงทำเช่นนี้กับลูกผม เขาก็รีบปฏิเสธว่าไม่ได้ทำอะไรกับเด็ก แต่ลูกผมบอกว่าถูกล่วงละเมิดถึง 6 ครั้ง ทั้งที่ห้องนอน ห้องน้ำภายในบ้าน และที่บริเวณใต้ต้นไม้ใกล้บ้าน ผมจึงปรึกษากับญาติเข้าร้องเรียนต่อศูนย์ประชาบดี ก่อนจะพากันเข้าแจ้งตำรวจกองปราบปราม” นายเอกล่าว
ด้าน พ.ต.ท.ประภาสกล่าวว่า ได้รับเรื่องและสอบปากคำผู้เสียหายไว้ ก่อนรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินการต่อไป
วันนี้ (9 ก.พ.) เมื่อเวลา 13.30 น.ที่กองปราบปราม นายเอ (นามสมมติ) อายุ 40 ปี พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ศูนย์ประชาบดี กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นำตัว ด.ญ.บี (นามสมมติ) อายุ 14 ปี บุตรสาว เข้าพบ พ.ต.ท.ประภาส อ่องมะลิ พนักงานสอบสวน (สบ 3) กก.3 บก.ป.เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับนายซี (นามสมมติ) อายุ 50 ปี ชาว อ.ชานุมาน จ.อำนาจเจริญ ซึ่งมีศักดิ์เป็นตาของ ด.ญ.บี หลังจากก่อเหตุข่มขืนกระทำชำเรา ด.ญ.บี เหตุเกิดในพื้นที่ อ.ชานุมาน จ.อำนาจเจริญ เมื่อปี 2553
นายเอกล่าวว่า ตนมีอาชีพขับรถตู้โดยสารอยู่ที่ จ.จันทบุรี ส่วนภรรยาทำงานอยู่ที่ประเทศมาเลเซีย ตนกับภรรยาอาศัยอยู่ที่ย่านดอนเมือง กทม. ก่อนหน้านี้ตนเลี้ยงดูบุตรสาวเอง กระทั่งช่วงที่บุตรสาวใกล้จะเรียนจบระดับชั้นประถมศึกษาในเดือนมีนาคม 2553 มีความจำเป็นที่จะต้องไปทำงานไกลจึงได้พาบุตรสาวไปฝากพ่อตาที่ จ.อำนาจเจริญ ให้ช่วยส่งเสียเลี้ยงดู พร้อมกับให้พาบุตรสาวเรียนต่อในระดับมัธยมศึกษาด้วย ที่ผ่านมาพ่อตาก็รับปากว่าจะช่วยเหลือเพราะเห็นแก่อนาคตของหลานจึงไว้ใจปล่อยให้บุตรสาวอยู่ที่นั่น แต่ได้โทรศัพท์ไปสอบถามความเป็นอยู่เรื่อยมา
นายเอกล่าวอีกว่า ต่อมาเมื่อช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา ญาติได้โทรศัพท์ไปหาบุตรสาวและเล่าให้ฟังว่าบุตรสาวพูดจาแปลกๆ อ้างว่าไม่อยากอยู่ที่บ้านตาอีกแล้ว พอพยายามถามเหตุผลโดยคาดคั้นมากเข้าจึงทราบว่าบุตรสาวถูกนายซี น้องชายของพ่อตา ซึ่งมีศักดิ์เป็นตาอีกคนหนึ่งของบุตรสาว ข่มขืนกระทำชำเราหลายครั้ง เนื่องจากบ้านพักของนายซีอยู่ติดกับบ้านของพ่อตาตน โดยทันทีที่ทราบเรื่องตนรู้สึกโกรธแค้นอย่างมากและจะเดินทางไปเอาเรื่องกับนายซี แต่ญาติห้ามไว้และบอกให้แจ้งความดำเนินคดีตามกฎหมายดีกว่า
“ผมได้สอบถามเขาว่าทำไมถึงทำเช่นนี้กับลูกผม เขาก็รีบปฏิเสธว่าไม่ได้ทำอะไรกับเด็ก แต่ลูกผมบอกว่าถูกล่วงละเมิดถึง 6 ครั้ง ทั้งที่ห้องนอน ห้องน้ำภายในบ้าน และที่บริเวณใต้ต้นไม้ใกล้บ้าน ผมจึงปรึกษากับญาติเข้าร้องเรียนต่อศูนย์ประชาบดี ก่อนจะพากันเข้าแจ้งตำรวจกองปราบปราม” นายเอกล่าว
ด้าน พ.ต.ท.ประภาสกล่าวว่า ได้รับเรื่องและสอบปากคำผู้เสียหายไว้ ก่อนรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินการต่อไป