ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ โดดงับมติ ครม.ขึ้นนั่งเก้าอี้ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) เอง พร้อมแถลงแนวทางปฏิบัติ ซึ่งจะร่วมกับกองทัพภาคที่ 1 ประชุมประเมินสถานการณ์การชุมนุมทุกวัน พร้อมเตรียมออกข้อกำหนดให้พันธมิตรฯเปิดถนน ส่วนจะสลายการชุมนุมหรือไม่ ยังไม่สามารถตอบได้
วันนี้ (8 ก.พ.) เมื่อเวลา 17.30 น.ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษก ตร.ร่วมกันแถลงข่าวภายหลังคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติให้ใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 9 -23 ก.พ. ว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้ตั้งศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย หรือ ศอ.รส.ขึ้น โดยมีตนเป็น ผอ.ศูนย์ พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผู้ช่วย ผบ.ตร.เป็นเลขาธิการ นอกจากนี้ ยังมี พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ พล.ต.อ.สุวัฒน์ จันทร์อิทธิกุล ที่ปรึกษา (สบ10) พล.ต.ท.พีระ พุ่มพิเชฏฐ์ พล.ต.ท.เจตน์ มงคลหัตถี พล.ต.ท.จิโรจน์ ไชยชิต ผู้ช่วย ผบ.ตร.และ พล.ท.อุดมเดช สีตบุตร แม่ทัพภาคที่ 1 เป็น ผช.ผอ.ศอ.รส.ซึ่งทุกเช้าจะมีการประชุมประเมินสถานการณ์ มาตรการ และข้อกำหนดต่างๆ เช่น การห้ามเข้าถนนบางสาย ห้ามเข้าบางพื้นที่ เป็นต้นที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
พล.ต.อ.วิเชียร กล่าวต่อว่า เป้าหมายของ ศอ.รส.ในการคลี่คลายสถานการณ์ครั้งนี้ เพื่อให้ประชาชนสัญจรไปมาได้ตามปกติ โดยเบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจจะออกข้อกำหนดให้เปิดการจราจรให้สามารถใช้ได้บางส่วนโดยเฉพาะบริเวณ ถ.พิษณุโลก ตั้งแต่สะพานชมัยมรุเชฐ ถึงแยกสวนมิสกวัน และถนนราชดำเนิน ให้เปิดเส้นทางคู่ขนานฝั่งทำเนียบรัฐบาล เบื้องต้นจะใช้การเจรจากับแกนนำกลุ่มก่อน หากการเจรจาไม่เป็นผลจะดำเนินการขั้นตอนอื่นๆ ต่อไป ซึ่งขั้นตอนต่างๆ จะออกเป็นข้อกำหนดในที่ประชุมของ ศอ.รส.
พล.ต.อ.วิเชียร กล่าวต่อว่า หากออกเป็นข้อกำหนดต่างๆ ไปแล้ว กลุ่มผู้ชุมนุมไม่ยอมทำตาม ก็จะดำเนินการเคลื่อนย้ายคน และของออกจากพื้นที่ต่อไป สำหรับการบังคับใช้กฎหมายครั้งนี้ ใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเพิ่มขึ้นจาก 20 กองร้อย เป็น 50 กองร้อย ในเขตการประกาศเป็นพื้นที่ พ.ร.บ.ความมั่นคง ทั้ง 7 เขต
อย่างไรก็ตาม หากพื้นที่ใดที่มีสถานการณ์ความวุ่นวาย ก็จะประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคงเพิ่มเติมได้ เช่น พื้นที่บริเวณศาลอาญา ซึ่งกลุ่มเสื้อแดงจะไปชุมนุมวันที่ 13 ก.พ.นี้
พล.ต.อ.วิเชียร กล่าวต่อว่า การใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง เพื่อคลี่คลายสถานการณ์การชุมนุม ดูแลความสงบเรียบร้อยของประชาชน โดยการใช้กฎหมาย เพื่อรักษาสถานที่ราชการทำเนียบ รัฐสภา กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงกลาโหม สถานทูตกัมพูชา เพื่อไม่ให้กลุ่มผู้ชุมนุมเข้าไปปิดล้อม บุกรุก หรือดาวกระจาย ไปสถานที่เหล่านี้
“เชื่อว่า วันที่ 9-23 ก.พ.นี้ จะคลี่คลายสถานการณ์ให้เรียบร้อยได้ หากกลุ่มผู้ชุมนุมไม่มีเงื่อนไข หรือเหตุผลในการชุมนุมที่ดีพอก็จะเลิกการชุมนุมไปเอง ทั้งนี้ จะมีการสลายการชุมนุมหรือไม่นั้น ตอนนี้ยังไม่สามารถตอบได้ เจ้าหน้าที่ ศอ.รส.จะประเมินสถานการณ์เป็นระยะ อย่างไรก็ตาม ศอ.รส.จะมีการประชุมทุกวันในช่วงเช้า และจะแถลงข่าวให้ทราบ” ผบ.ตร.กล่าว
เมื่อถามว่า หากแกนนำ พธม.ดำเนินการยื่นคำร้องต่อศาลปกครองให้คุ้มครองชั่วคราว เจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินการเช่นไร พล.ต.อ.วิเชียร กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่มีความเห็นใด อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามสถานการณ์และดูศาลปกครองอีกครั้ง
เมื่อถามถึงความคืบหน้าการดำเนินคดีกับกลุ่ม พธม.คดีปิดสนามบิน พล.ต.อ.วิเชียร กล่าวต่อว่า ตร.ได้มีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหาไปแล้ว ตามที่พนักงานสอบสวนได้เสนอมา ขั้นตอนจากนี้อยู่ที่พนักงานสอบสวนว่าจะนัดผู้ต้องหาพร้อมสำนวนส่งพนักงานอัยการเพื่อยื่นฟ้องคดีต่อศาลต่อไป