คนร้ายแสบบุกทุบกำแพงร้านเสริมความงามย่านงามวงศ์วาน ของ “ดีเจเลิฟ” คลื่นซี้ด 97.5 กวาดเงินสด กล้อง มือถือ รวมทรัพย์สินกว่า 3 แสนบาท ขนาดติดกล้องวงจรปิด 9 ตัว ยังเอาไม่อยู่ ถูกคนร้ายบิดเข้าหากำแพงหมด ขณะที่ดีเจเลิฟ เผย คนร้ายเตรียมการมาดีรู้มุมกล้องภายในร้าน แถมก่อนหน้านี้เคยถูกโจรเข้ามาลักทรัพย์ แต่สามารถจับตัวได้ ด้าน ตร.ตั้งปมคนในรู้เห็น-แก๊งมืออาชีพที่ตระเวนก่อเหตุลักษณะนี้
วันนี้ (6 ก.พ.) เมื่อเวลา 14.00 น.พ.ต.ท.ธนาพัฒน์ นิลบดี รอง.ผกก.สส.เมืองนนทบุรี รับแจ้งจาก นายดนัยภัทร พิบูลสงคราม หรือ ดีเจเลิฟ ดีเจชื่อดังทางคลื่นซี้ด (Seed) เอฟเอ็ม 97.5 และเป็นกรรมการบริหารฝ่ายประชาสัมพันธ์และฝ่ายสาขาบริษัท บิวทิส คลินิก อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ว่า ได้ถูกคนร้ายเข้าไปลักทรัพย์สินภายในอาคารพาณิชย์ 4 ชั้น เลขที่19/20 ม.2 ถ.งามวงศ์วาน ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี จึงรุดไปตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุซึ่งเปิดเป็นร้านเสริมความงาม ด้านการรักษาสิวด้วยเลเซอร์ เจ้าหน้าที่พบนายดนัยภัทร กำลังยืนรอให้การต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมทั้งเดินชี้ร่องรอยที่ถูกคนร้ายทุบกำแพงจากทางด้านข้างร้านจนเป็นรูกว้างขนาดคนรอดเข้าไปได้เข้ามาโจรกรรมทรัพย์สินภายในร้านตั้งแต่ชั้น 1 และ 2 จนข้าวของกระจายเกลื่อนพื้น โดยคนร้ายได้หันกล้องวงจรปิด ซึ่งทางร้านได้ติดตั้งไว้จำนวน 9 ตัว เข้าหากำแพงทำให้ไม่สามารถบันทึกภาพคนร้ายได้
จากการตรวจสอบทราบว่า ทรัพย์สินที่คนร้ายได้ไปมีเงินสดในเคาน์เตอร์จำนวน 6,000 บาท กล้องถ่ายรูปดิจิตัลยี่ห้อแคนนอนรุ่น 500ดี จำนวน 2 ตัว จอคอมพิวเตอร์แอลซีดี จำนวน 1 เครื่อง โทรศัพท์มือถือจำนวน 1 เครื่อง และฮาร์ดดิสก์ล้องวงจรปิดจำนวน 1 ตัว ร่วมทรัพย์สินประมาณ 3 แสนบาท จากการสอบสวน น.ส.ชนัดดา เร่งสูงเนิน อายุ 32 ปี ตำแหน่งผู้จัดการร้าน ให้การว่า ในตอนเช้าตนเองมีหน้าที่มาเปิดคลินิกดังกล่าวเป็นประจำ เมื่อตนเองเปิดประตูร้านเข้าไปสังเกตเห็นทรัพย์สินภายในร้านถูกรื้อค้นกระจุยกระจาย ตนเองจึงไม่กล้าที่จะเข้าไปข้างในร้าน เนื่องจากกลัวว่าคนร้ายอาจจะยังอยู่ข้างในจึงได้โทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมทั้งโทรหานายดนัยภัทรซึ่งเป็นหัวหน้างานให้ทราบ
นายดนัยภัทรกล่าวว่า หลังจากที่ตนเองจัดรายการวิทยุเสร็จในช่วงบ่ายแล้ว ตนเองจะเดินทางมาทำงานที่คลินิกแห่งนี้ต่อในช่วงเย็นโดยจะเปิดร้านในเวลา 09.00 น.และปิดร้านในเวลา 20.30 น. แต่เมื่อวานนี้ทางร้านยังมีคนไข้เข้ามารักษาอยู่ จึงได้ปิดร้านช้ากว่าทุกวันในเวลา 22.00 น.โดยตนเองไม่ได้เฉลียวใจว่าจะเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ขึ้นเนื่อง จากก่อนหน้านี้ ทางร้านก็ถูกคนร้ายเข้ามาลักทรัพย์ในลักษณะนี้มาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมคนร้ายไว้ได้โดยดูจากกล้องวงจรปิดที่ทางร้านติดตั้งเอาไว้ แต่ครั้งนี้คนร้ายมีการเตรียมการมาอย่างดี เนื่องจากคนร้ายรู้มุมกล้องวงจรปิดที่ทางร้านได้ติดตั้งไว้ พร้อมทั้งยั้งได้ตัดสายไฟกล้องวงจรปิดก่อนขโมยฮาร์ดดิสที่เก็บข้อมูลภาพของกล้องวงจรปิดซึ่งอาจบันทึกภาพคนร้ายไว้ได้ไปด้วย
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่า คนร้ายน่าจะมีไม่ต่ำกว่า 2 คน โดยมีการเฝ้าดูลาดเลาของทางร้านอย่างละเอียดรู้เวลาเปิด-ปิดร้านก่อนลงมือทุบกำแพงด้านข้างร้านเข้ามาลักทรัพย์ พร้อมตั้งประเด็นสอบสวนว่าคนในอาจมีส่วนรู้เห็นการขัดผลประโยชน์ทางธุรกิจเสริมความงามและแก๊งคนร้ายมืออาชีพที่ตระเวนก่อเหตุในลักษณะนี้