สามีเจ้าหน้าที่ทูตจีนหายตัวไป 3 วัน บอกแค่จะไปร้านอาหารเพื่อน เมียทนไม่ไหวเข้าแจ้งความให้ตามตัว ตำรวจเข้าตรวจร้านพบถูกยิงตายปริศนา ตรวจกล้องวงจรปิดเห็นเจ้าของร้านพาเมียลูกจ้างหอบผ้าหนีหลังเกิดเหตุ เร่งล่าตัวดำเนินคดี
วานนี้ (1 ก.พ.) เมื่อเวลา 11.00 น. ร.ต.ท.มงคล พรหมโสภา ร้อยเวร สน.สุธิสาร ได้รับแจ้งความจากนางนวล ไม่ทราบนามสกุล อายุ 28 ปี ว่านายหวง หวางบิน สามีชาวจีน ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่รับทำวีซ่าประจำสถานทูตจีน ได้หายตัวไปจากบ้านพักตั้งแต่วันที่ 30 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยก่อนหายตัวไปได้บอกว่าจะออกไปกินข้าวที่ร้านตูอีฉูภัตตาคาร เลขที่ 545 ถ.ประชาราษฎร์บำเพ็ญ ซ.20 มิถุนา แขวงและเขตห้วยขวาง กทม. จึงเข้าตรวจสอบภายในร้านดังกล่าว
ที่เกิดเหตุพบเป็นอาคารพาณิชย์ สูง 4 ชั้น เปิดเป็นร้านอาหารจีน แต่ประตูด้านหน้าร้านปิดไม่สามารถเข้าไปตรวจสอบได้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงประสานเจ้าของอาคารดังกล่าวเพื่อนำกุญแจมาเปิด เมื่อเข้าไปตรวจสอบบริเวณชั้น 3 ก็พบศพนายหวงนอนหงายเสียชีวิต บวิเวณบันไดชั้น2 ขึ้นชั้น 3 ตรวจสภาพศพพบบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด 6.25 เข้าที่ศีรษะ
จากการสอบปากคำผู้พักอาศัยห้องข้างเคียงทราบว่า คืนวันที่ 30 ม.ค. เวลาประมาณตี 1 ได้ยินเสียงทะเลาะกันดังมาจากห้องที่เกิดเหตุ จากนั้นได้ยินเสียงปืนดังขึ้นจำนวน 1 นัด ตำรวจจึงประสานขอตรวจสอบภาพกล้องวงจรปิดช่วงเวลาที่เกิดเหตุ พบว่าเวลา 01.06 น. มีรถยนต์มาจอดที่หน้าร้านดังกล่าว จากนั้นผู้ตายกับนายจางหมิง อายุประมาณ 49 ปี เจ้าของร้านอาหารชาวจีน ได้เดินออกมาจากรถด้วยอาการเมาสุรา จากนั้นนายจางหมิงได้เดินเข้าไปในร้านก่อน หลังจากนั้นประมาณ 5-6 นาที ผู้ตายก็เดินตามเข้าไปในร้าน ต่อมาไม่นานมีพนักงานในร้านวิ่งออกมาจากร้านด้วยท่าทีตื่นตระหนก แล้วนายจางหมิง และนางเทียนจึง ภรรยา อายุ 38 ปี กับกุ๊กชาวจีนไม่ทราบชื่อได้เดินตามออกมาอย่างเร่งรีบ จนกระทั่งประมาณตี 2 นายจางหมิงและนางเทียนจึงก็กลับมาที่ร้านและเอากระเป๋าเดินทางออกไป แล้วหายตัวไป
สอบปากคำนายหวางไห่ อายุ 59 ปี ชาวจีน ลุงของผู้ตายทราบว่า ผู้ตายทำงานเป็นเจ้าหน้าที่แผนกวีซ่า ประจำสถานทูตจีน และแต่งงานกับสาวไทยคือนางนวล มาหลายปีแล้วจนมีลูกสาววัย 6 ขวบ และกำลังจะซื้อบ้านซื้อรถเพื่อลงหลักปักฐานที่ระเทศไทยด้วยกัน ส่วนนายจางหมิงเคยเปิดร้านที่หลังสถานทูตจีนมาก่อน จึงรู้จักกันเพราะไปทานข้าวที่ร้านบ่อยจนสนิทสนมและมักชักชวนกันไปดื่มสุราด้วยกันเป็นประจำ แม้ย้ายร้านมาอยู่แถวห้วยขวางก็ยังชวนกันไปดื่มสุราเสมอ ส่วนวันเกิดเหตุก็น่าจะพากันไปดื่มสุรา กินข้าวและร้องคาราโอเกะข้างนอก และกลับมาที่ร้านด้วยกันเหมือนปกติ ทั้งนี้ผู้ตายเคยเล่าว่านายจางหมิง ปกติเป็นคนอารมณ์ร้อน และเคยฆ่าคนตายที่ประเทศจีนแล้วหนีมาอยู่เมืองไทยด้วย
ทั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังสืบสวนพยาน และเร่งติดตามนายจางหมิง ภรรยา และพนักงานในร้านที่อยู่ในขณะเกิดเหตุมาสอบปากคำเพื่อหาสาเหตุและผู้ลงมือยิงนายหวงจนเสียชีวิต เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
วานนี้ (1 ก.พ.) เมื่อเวลา 11.00 น. ร.ต.ท.มงคล พรหมโสภา ร้อยเวร สน.สุธิสาร ได้รับแจ้งความจากนางนวล ไม่ทราบนามสกุล อายุ 28 ปี ว่านายหวง หวางบิน สามีชาวจีน ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่รับทำวีซ่าประจำสถานทูตจีน ได้หายตัวไปจากบ้านพักตั้งแต่วันที่ 30 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยก่อนหายตัวไปได้บอกว่าจะออกไปกินข้าวที่ร้านตูอีฉูภัตตาคาร เลขที่ 545 ถ.ประชาราษฎร์บำเพ็ญ ซ.20 มิถุนา แขวงและเขตห้วยขวาง กทม. จึงเข้าตรวจสอบภายในร้านดังกล่าว
ที่เกิดเหตุพบเป็นอาคารพาณิชย์ สูง 4 ชั้น เปิดเป็นร้านอาหารจีน แต่ประตูด้านหน้าร้านปิดไม่สามารถเข้าไปตรวจสอบได้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงประสานเจ้าของอาคารดังกล่าวเพื่อนำกุญแจมาเปิด เมื่อเข้าไปตรวจสอบบริเวณชั้น 3 ก็พบศพนายหวงนอนหงายเสียชีวิต บวิเวณบันไดชั้น2 ขึ้นชั้น 3 ตรวจสภาพศพพบบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด 6.25 เข้าที่ศีรษะ
จากการสอบปากคำผู้พักอาศัยห้องข้างเคียงทราบว่า คืนวันที่ 30 ม.ค. เวลาประมาณตี 1 ได้ยินเสียงทะเลาะกันดังมาจากห้องที่เกิดเหตุ จากนั้นได้ยินเสียงปืนดังขึ้นจำนวน 1 นัด ตำรวจจึงประสานขอตรวจสอบภาพกล้องวงจรปิดช่วงเวลาที่เกิดเหตุ พบว่าเวลา 01.06 น. มีรถยนต์มาจอดที่หน้าร้านดังกล่าว จากนั้นผู้ตายกับนายจางหมิง อายุประมาณ 49 ปี เจ้าของร้านอาหารชาวจีน ได้เดินออกมาจากรถด้วยอาการเมาสุรา จากนั้นนายจางหมิงได้เดินเข้าไปในร้านก่อน หลังจากนั้นประมาณ 5-6 นาที ผู้ตายก็เดินตามเข้าไปในร้าน ต่อมาไม่นานมีพนักงานในร้านวิ่งออกมาจากร้านด้วยท่าทีตื่นตระหนก แล้วนายจางหมิง และนางเทียนจึง ภรรยา อายุ 38 ปี กับกุ๊กชาวจีนไม่ทราบชื่อได้เดินตามออกมาอย่างเร่งรีบ จนกระทั่งประมาณตี 2 นายจางหมิงและนางเทียนจึงก็กลับมาที่ร้านและเอากระเป๋าเดินทางออกไป แล้วหายตัวไป
สอบปากคำนายหวางไห่ อายุ 59 ปี ชาวจีน ลุงของผู้ตายทราบว่า ผู้ตายทำงานเป็นเจ้าหน้าที่แผนกวีซ่า ประจำสถานทูตจีน และแต่งงานกับสาวไทยคือนางนวล มาหลายปีแล้วจนมีลูกสาววัย 6 ขวบ และกำลังจะซื้อบ้านซื้อรถเพื่อลงหลักปักฐานที่ระเทศไทยด้วยกัน ส่วนนายจางหมิงเคยเปิดร้านที่หลังสถานทูตจีนมาก่อน จึงรู้จักกันเพราะไปทานข้าวที่ร้านบ่อยจนสนิทสนมและมักชักชวนกันไปดื่มสุราด้วยกันเป็นประจำ แม้ย้ายร้านมาอยู่แถวห้วยขวางก็ยังชวนกันไปดื่มสุราเสมอ ส่วนวันเกิดเหตุก็น่าจะพากันไปดื่มสุรา กินข้าวและร้องคาราโอเกะข้างนอก และกลับมาที่ร้านด้วยกันเหมือนปกติ ทั้งนี้ผู้ตายเคยเล่าว่านายจางหมิง ปกติเป็นคนอารมณ์ร้อน และเคยฆ่าคนตายที่ประเทศจีนแล้วหนีมาอยู่เมืองไทยด้วย
ทั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังสืบสวนพยาน และเร่งติดตามนายจางหมิง ภรรยา และพนักงานในร้านที่อยู่ในขณะเกิดเหตุมาสอบปากคำเพื่อหาสาเหตุและผู้ลงมือยิงนายหวงจนเสียชีวิต เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป