xs
xsm
sm
md
lg

จำคุก “รมช.อลงกรณ์” 6 เดือนหมิ่นตำรวจซื้อเสื้อเกราะ

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

นายอลงกรณ์ พลบุตร รมช.พาณิชย์
ศาลพิพากษาจำคุก 6 เดือน ปรับ 5 หมื่นบาท รมช.พานิชย์ “อลงกรณ์ พลบุตร” หมิ่น สตช.ซื้อเสื้อเกราะผ่านองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกไม่โปร่งใส โทษจำคุกรอลงอาญา 1 ปี

วันนี้ (20 ม.ค.) เมื่อเวลา 09.45 น. ที่ห้องพิจารณาคดี 906 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาในคดีหมายเลขดำ อ.2604/2551 ที่พนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 3 เป็นโจทก์ฟ้อง นายอลงกรณ์ พลบุตร รมช.พาณิชย์ เป็นจำเลยฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาด้วยเอกสาร ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 326, 328, 136

คดีนี้โจทก์ฟ้องว่า เมื่อเดือน มิ.ย.46 องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก ผู้เสียหายที่ 1 เสนอขายเสื้อเกราะป้องกันกระสุนต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จำนวน 2,000 ตัว เพื่อนำไปปฏิบัติงานในภาคใต้ ต่อมาวันที่ 9 ก.ค.46 กองสรรพาวุธ สำนักงานส่งกำลังบำรุง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผู้เสียหายที่ 2 ตกลงซื้อเสื้อเกราะป้องกันกระสุนจำนวนดังกล่าวในราคาตัวละ 16,000 บาท รวมเป็นเงิน 32,000,000 บาท อันเป็นการกระทำตามอำนาจหน้าที่ของผู้เสียหายทั้งสอง ต่อมาวันที่ 12 ก.ค.46 จำเลยให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนรวม 10 ฉบับว่า เป็นที่น่าสังเกตว่าการสั่งซื้อเสื้อเกราะของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยกองสรรพาวุธ สำนักงานส่งกำลังบำรุงผ่าน องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก (อผศ.) นั้น พบพฤติการณ์ไม่โปร่งใส เป็นการสั่งซื้อด้วยวิธีการพิเศษ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการหมิ่นประมาทใส่ความผู้เสียหายทั้งสองให้เสื่อม เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น เกลียดชัง และเป็นการดูหมิ่นเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ เหตุเกิดที่แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี และแขวงสามเสนใน เขตพญาไท กทม. และท้องที่ทั่วราชอาณาจักรไทย จำเลยให้การปฎิเสธ

ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า คำกล่าวของจำเลยเกินจากความจริง ทั้งนี้ จากการสืบพยานโจทก์ทราบว่า กองสรรพาวุธ สำนักงานส่งกำลังบำรุง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไม่ได้เป็นผู้กำหนดสเปกวัสดุที่ใช้ผลิตเสื้อเกราะ อีกทั้งการสั่งซื้อดังกล่าวเป็นไปตามมติของคณะรัฐมนตรี ที่อนุมัติงบประมาณให้จัดซื้อเสื้อเกราะให้แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ไปปฏิบัติหน้าที่ที่ภาคใต้ อันเป็นการจัดซื้อไปตามระเบียบราชการ นอกจากนี้ การซื้อเสื้อเกราะดังกล่าวยังมีราคาต่ำกว่างบประมาณที่ตั้งถึงตัวละ 9,000 บาท การที่จำเลยกล่าวว่าเป็นการจัดซื้อแพงเกินจริง จึงเป็นความเท็จทั้งสิ้น

แม้จำเลยจะอ้างว่าเป็นประธานคณะทำงานตรวจสอบทุจริตของคณะกรรมการพรรคร่วมฝ่ายค้าน มีหน้าที่ตามบทบัญญัติของกฎหมาย แต่การพูดข้อความต่างๆ ต้องเป็นข้อเท็จจริงด้วย อีกทั้งยังไม่ปรากฏหลักฐานเอกสาร หรือผู้ร้องเรียนว่ามีการทุจริตแต่อย่างใด มีเพียงข้อสงสัยของจำเลยเท่านั้น ทั้งที่จำเลยควรนำเรื่องดังกล่าวร้องเรียนต่อ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ย่อมเพียงพอแล้ว การที่จำเลยให้สัมภาษณ์ต่อสื่อ ย่อมเล็งเห็นผลว่าจะต้องนำข้อความดังกล่าวไปลงข่าว ทำให้องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก และกองสรรพาวุธ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้รับความเสียหาย การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาณโดยการโฆษณาด้วยเอกสาร

พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326, 328 ลงโทษฐานหมิ่นประมาณโดยการโฆษณาด้วยเอกสาร อันเป็นบทหนักที่สุด ลงโทษจำคุก 6 เดือน ปรับ 50,000 บาท พิเคราะห์จากประวัติของจำเลย ปัจจุบันมีตำแหน่งเป็น รมช.พาณิชย์ และไม่เคยได้รับโทษทางอาญามาก่อน เห็นสมควรให้โอกาสจำเลยกลับตัวเป็นพลเมืองดี โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี

กำลังโหลดความคิดเห็น