ดีเอสไอแถลงโชว์จับสินค้าเลียนแบบแบรนด์เนมยี่ห้อดัง ลักลอบขายในห้างอินทราสแควร์-มาบุญครอง ได้ผู้ต้องหา 8 ราย ยึดของกลางมีทั้งมือถือ “แบล็กเบอร์รี่-ไอแพด-เสื้อผ้า” กว่า 2 หมื่นชิ้น มูลค่า 10 ล้านบาท
วันนี้ (12 ม.ค.) เมื่อเวลา 13.30 น.นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) แถลงการจับกุมสินค้าปลอมเครื่องหมายการค้าประเภทโทรศัพท์มือถือ เครื่องไอแพด และเครื่องเล่นดีวีดี เสื้อผ้าแบรนด์เนมยี่ห้อต่างๆ ในห้างอินทราสแควร์ และมาบุญครองเซ็นเตอร์ มูลค่าประมาณ 10 ล้านบาท โดยจับกุมผู้ต้องหา จำนวน 8 ราย
นายธาริต กล่าวว่า เมื่อวันที่ 11 ม.ค.ที่ผ่านมา เวลา 14.00 น. พ.ต.อ.ญาณพล ยั่งยืน รองอธิบดีดีเอสไอ ฐานะกำกับดูแลสำนักคดีทรัพย์สินทางปัญญา และ พ.ต.อ.ประเวศน์ มูลประมุข ผบ.สำนักคดีทรัพย์สินทางปัญญา ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ และผู้แทนจากบริษัทผู้เสียหาย พร้อมหมายค้นของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง ไปตรวจค้นที่ร้านค้าตั้งอยู่ภายในศูนย์การค้าอินทราสแควร์ ชั้น 1 ถนนราชปรารภ เขตราชเทวี กทม.และกำลังอีกส่วนหนึ่งไปตรวจค้นจับกุมที่ร้านค้าในห้างมาบุญครองเซ็นเตอร์ (MBK) แขวงและเขตปทุมวัน กทม.
จากการตรวจค้นศูนย์การค้าอินทราสแควร์ จำนวน 4 ร้าน คือ ที่ร้านเซอร์เทลช็อป (ZIRTEL SHOP พบสินค้าปลอมเครื่องหมายการค้าประเภทโทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อโนเกีย แบล็กเบอร์รี่ แอปเปิล โซนี่ อีริคสัน เครื่องเล่น MP 3 IPAD PSP กล้องถ่ายรูปซัมซุง และเสื้อปลอมเครื่องหมายการค้ายี่ห้อกุชชี่ เบอร์เบอรี่ ลาคอสท์ หลุยส์ วิตตอง รวม 1,372 ชิ้น ร้านเซอร์เทล โมบาย (ZIRTEL MOBILE) พบสินค้าปลอมเครื่องหมายการค้าประเภทโทรศัพท์มือถือยี่ห้องต่างๆ จำนวน 245 ชิ้น ส่วนที่ร้านเซอร์เทล แฟชั่น (ZIRTEL FASHION) ตั้งอยู่ภายในศูนย์การค้าอินทราสแควร์ ชั้น 1 ล็อก 3 และห้องเก็บสินค้าที่อาคารเดอะพลาซ่า ชั้น 2 พบสินค้าประเภทเสื้อผ้าปลอมเครื่องหมายการค้า ยี่ห้อต่างๆ เช่น เบอร์เบอรี่ ลาคอสท์ หลุยส์ วิตตอง เวอร์ซาเช่ ทอมมี่ พราด้า อาร์มานี่ ฯลฯ จำนวนประมาณ 20,000 ชิ้น และ ที่ร้านเซอร์เทล (ZIRTEL) บริเวณชั้น 2 พบสินค้าประเภทเสื้อผ้าปลอมเครื่องหมายการค้า ยี่ห้อต่างๆ รวม 1,195 ชิ้น
ส่วนการตรวจค้นภายในห้างสรรพสินค้ามาบุญครอง ที่ ร้านเซอร์เทล (ZIRTEL) บริเวณชั้น 4 และชั้น 6 พบสินค้าปลอมเครื่องหมายการค้าประเภทโทรศัพท์มือถือ อุปกรณ์มือถืออิเลกทรอนิกส์ และกล้องถ่ายภาพเคลื่อนไหว รวม 1,107 ชิ้น
เบื้องต้นพนักงานสอบสวนดีเอสไอได้ดำเนินคดีผู้จำหน่ายและเจ้าของร้าน ข้อหาผู้กระทำผิดตามพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ.2534 มีโทษจำคุกไม่เกิน 4 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 4 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ พร้อมนำผู้ต้องหา ส่งพนักงานสอบสวนคดีพิเศษดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป