กระหน่ำยิงเด็กมีนบุรีโปลีเทคนิคดับ 2 สาหัส 1 ขณะตั้งวงกินเหล้าในเพิงยาดอง เพื่อนผู้ตายเผยก่อนเเกิดเหตุคนร้าย 4 คน ควบ จยย.จอดหน้าร้านก่อนชักปืนยิงแล้วหนีไป คาดคู่อริต่างสถาบัน แม่บอกลูกเป็นคนดี ทำงานพร้อมเรียนภาคค่ำ วอนอย่าให้เป็นเรื่องสถาบัน
วานนี้ (11 ม.ค.) เมื่อเวลา 21.30 น. ร.ต.อ.ณัฐพล จุ้ยอำนวย พนักงานสอบสวน (สบ 1) สน.มีนบุรี ได้รับแจ้งมีเหตุยิงกันบริเวณเพิงยาดองริมถนนก่อนถึงโรงเรียนมีนบุรีโปลีเทคนิค แยกคลองสามวา ถนนรามอินทรา แขวงและเขตมีนบุรี กทม. จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบแล้วรุดไปตรวจสอบยังที่เกิดเหตุ พร้อมเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานและมูลนิธิกู้ภัยร่วมกตัญญู
ตรวจสอบที่เกิดเหตุพบเพียงกองเลือด และหัวกระสุนไม่ทราบขนาดจำนวนหนึ่งตกอยู่ ส่วนผู้บาดเจ็บ 3 รายถูกนำส่งโรงพยาบาลนวมินทร์ 9 รพ.นวมินทร์ 1 และรพ.นพรัตน์ ไปก่อนหน้า ต่อมามีผู้เสียชีวิต 2 ราย คือ นายอัฐ ปทะวานิช อายุ 17 ปี นักศึกษา ปวช.ปี 2 เอกช่างยนต์ โรงเรียนมีนบุรีโปลีเทคนิค ถูกยิงเข้าที่ลำคอ อกซ้าย และคาง เสียชีวิตที่ รพ.นวิมินทร์ 9 และนายสินชัย กลิ่นหอม อายุ 21 ปี อยู่บ้านเลขที่ 41 ซอยวัดสุขใจ แขวงสามวาตะวันออก เขตคลองสามวา กทม. ถูกยิงเข้าบริเวณลำตัวด้านซ้าย เสียชีวิตที่ รพ.นวมินทร์ 1 ส่วนนายวัชรพล มงคลแก้ว อายุ 21 ปี รุ่นพี่ที่เรียนจบไปแล้วสถาบันเดียวกัน ถูกยิงเข้ากลางหลังบาดเจ็บสาหัสยังอยู่ในห้องไอซียู รพ.นพรัตน์
สอบปากคำนายกบ (นามสมมติ) อายุ 17 ปี เพื่อนผู้ตายทราบว่า ก่อนเกิดเหตุมานั่งดื่มเหล้ากับเพื่อนที่เพิงยาดองประมาณ 8-10 คน จนกระทั่งเวลาประมาณ 21.00 น. คนร้าย 4 คนได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ไม่ทราบทะเบียน สีดำ 2 คันมาจอด แล้วชักปืนออกมากระหน่ำยิงใส่กลางวง เพื่อนที่อยู่ในเหตุการณ์จึงตกใจต่างคนก็วิ่งหลบวิถีกระสุนไปคนละทิศละทาง หลังสิ้นเสียงปืนจึงแจ้งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบ และช่วยกันนำคนที่ถูกยิงส่งโรงพยาบาล อย่างไรก็ตาม ตนยืนยันว่าไม่เคยมีเรื่องทะเลาะกับใคร แต่คาดว่าผู้ที่ลงมือน่าจะเป็นนักศึกษาต่างสถาบัน
ด้าน นางประภา ปทะวานิช อายุ 53 ปี แม่นายอัฐกล่าวว่า มีลูกทั้งหมด 4 คน ผู้ตายเป็นลูกคนเล็ก ช่วงสิ้นปีพาลูกชายไปเที่ยวไหว้พระที่ประเทศพม่า ลูกชายก็มีความสุขและขอว่าอยากไปทำงานที่ประเทศจีน ตนจึงบอกว่าให้เรียนจบปีนี้ก่อน ปกติลูกเป็นคนนิสัยดีตั้งใจเรียนหนังสือ เริ่มทำงานตั้งแต่อายุ 14 ปี จนปัจจุบันก็ยังรับจ้างทาสี โบกปูน และเรียนภาคค่ำที่โรงเรียนมีนบุรีโปลีเทคนิค ไม่คาดคิดว่าลูกจะมาจบชีวิตโดยการขัดแย้งในเรื่องสถาบัน ปกติลูกจะกลับบ้านค่ำหลังเลิกเรียน แต่วันนี้อาจไปนั่งคุยกับเพื่อน จนลูกชายอีกคนมาบอกว่านายอัฐถูกยิงก็ตกใจมาก อยากจะฝากไปบอกถึงนักเรียนที่เรียนอาชีวะว่าอย่าแก้ไขปัญหาโดยการแก้แค้น ให้เป็นหน้าที่ของกฎหมายบ้านเมือง ใครทำผิดอะไรก็ต้องรับโทษอย่างนั้น
วานนี้ (11 ม.ค.) เมื่อเวลา 21.30 น. ร.ต.อ.ณัฐพล จุ้ยอำนวย พนักงานสอบสวน (สบ 1) สน.มีนบุรี ได้รับแจ้งมีเหตุยิงกันบริเวณเพิงยาดองริมถนนก่อนถึงโรงเรียนมีนบุรีโปลีเทคนิค แยกคลองสามวา ถนนรามอินทรา แขวงและเขตมีนบุรี กทม. จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบแล้วรุดไปตรวจสอบยังที่เกิดเหตุ พร้อมเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานและมูลนิธิกู้ภัยร่วมกตัญญู
ตรวจสอบที่เกิดเหตุพบเพียงกองเลือด และหัวกระสุนไม่ทราบขนาดจำนวนหนึ่งตกอยู่ ส่วนผู้บาดเจ็บ 3 รายถูกนำส่งโรงพยาบาลนวมินทร์ 9 รพ.นวมินทร์ 1 และรพ.นพรัตน์ ไปก่อนหน้า ต่อมามีผู้เสียชีวิต 2 ราย คือ นายอัฐ ปทะวานิช อายุ 17 ปี นักศึกษา ปวช.ปี 2 เอกช่างยนต์ โรงเรียนมีนบุรีโปลีเทคนิค ถูกยิงเข้าที่ลำคอ อกซ้าย และคาง เสียชีวิตที่ รพ.นวิมินทร์ 9 และนายสินชัย กลิ่นหอม อายุ 21 ปี อยู่บ้านเลขที่ 41 ซอยวัดสุขใจ แขวงสามวาตะวันออก เขตคลองสามวา กทม. ถูกยิงเข้าบริเวณลำตัวด้านซ้าย เสียชีวิตที่ รพ.นวมินทร์ 1 ส่วนนายวัชรพล มงคลแก้ว อายุ 21 ปี รุ่นพี่ที่เรียนจบไปแล้วสถาบันเดียวกัน ถูกยิงเข้ากลางหลังบาดเจ็บสาหัสยังอยู่ในห้องไอซียู รพ.นพรัตน์
สอบปากคำนายกบ (นามสมมติ) อายุ 17 ปี เพื่อนผู้ตายทราบว่า ก่อนเกิดเหตุมานั่งดื่มเหล้ากับเพื่อนที่เพิงยาดองประมาณ 8-10 คน จนกระทั่งเวลาประมาณ 21.00 น. คนร้าย 4 คนได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ไม่ทราบทะเบียน สีดำ 2 คันมาจอด แล้วชักปืนออกมากระหน่ำยิงใส่กลางวง เพื่อนที่อยู่ในเหตุการณ์จึงตกใจต่างคนก็วิ่งหลบวิถีกระสุนไปคนละทิศละทาง หลังสิ้นเสียงปืนจึงแจ้งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบ และช่วยกันนำคนที่ถูกยิงส่งโรงพยาบาล อย่างไรก็ตาม ตนยืนยันว่าไม่เคยมีเรื่องทะเลาะกับใคร แต่คาดว่าผู้ที่ลงมือน่าจะเป็นนักศึกษาต่างสถาบัน
ด้าน นางประภา ปทะวานิช อายุ 53 ปี แม่นายอัฐกล่าวว่า มีลูกทั้งหมด 4 คน ผู้ตายเป็นลูกคนเล็ก ช่วงสิ้นปีพาลูกชายไปเที่ยวไหว้พระที่ประเทศพม่า ลูกชายก็มีความสุขและขอว่าอยากไปทำงานที่ประเทศจีน ตนจึงบอกว่าให้เรียนจบปีนี้ก่อน ปกติลูกเป็นคนนิสัยดีตั้งใจเรียนหนังสือ เริ่มทำงานตั้งแต่อายุ 14 ปี จนปัจจุบันก็ยังรับจ้างทาสี โบกปูน และเรียนภาคค่ำที่โรงเรียนมีนบุรีโปลีเทคนิค ไม่คาดคิดว่าลูกจะมาจบชีวิตโดยการขัดแย้งในเรื่องสถาบัน ปกติลูกจะกลับบ้านค่ำหลังเลิกเรียน แต่วันนี้อาจไปนั่งคุยกับเพื่อน จนลูกชายอีกคนมาบอกว่านายอัฐถูกยิงก็ตกใจมาก อยากจะฝากไปบอกถึงนักเรียนที่เรียนอาชีวะว่าอย่าแก้ไขปัญหาโดยการแก้แค้น ให้เป็นหน้าที่ของกฎหมายบ้านเมือง ใครทำผิดอะไรก็ต้องรับโทษอย่างนั้น
