xs
xsm
sm
md
lg

กรมศุลฯยึดพัสดุยัดเสื้อชุปน้ำฝิ่นส่งนอก-แถมรวบอิหร่านขนไอซ์

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

เจ้าหน้าที่ศุลกากรนำพัสดุภัณฑ์ไปรษณีย์ ที่คนร้ายนำเสื้อผ้าไปชุปน้ำฝิ่นให้ซึมซับ ก่อนส่งไปนอก
กรมศุลกากรจับหนุ่มอิหร่านคาสนามบิน ลักลอบขนยาไอซ์เข้าประเทศ ซุกซ่อนมาในกระเป๋าสะพาย ที่ดัดแปลงยัดยาไอซ์ เพื่อตบตาเจ้าหน้าที่ มีน้ำหนักรวม 3.2 กิโลกรัม มูลค่า 13 ล้านบาท สารภาพจะนำไปส่งที่โรงแรมแห่งหนึ่งในย่านรัชดา ได้ค่าจ้าง 1 พันดอลลาร์ นอกจากนี้ ยังตรวจพบพัสดุภัณฑ์ข้างในแพ็กเสื้อผ้าชุบฝิ่น มูลค่าหลายล้าน เตรียมส่งไปสหรัฐฯ

วันนี้ (30 มี.ค.) เมื่อเวลา 11.00 น.ที่กรมศุลกากร นายสมชัย สัจจพงษ์ อธิบดีกรมศุลกากร แถลงข่าวจับกุม นายโมฮัมหมัด โกชินกิคุนโดกี อายุ 36 ปี สัญชาติอิหร่าน พร้อมของกลางยาไอซ์น้ำหนักรวม 3.2 กิโลกรัม มูลค่า 13 ล้านบาท ซุกซ่อนอยู่ในกระเป๋าสะพายสีน้ำเงินดำ 1 ใบ โดยจับกุมได้ที่สนามบินสุวรรณภูมิ

นายสมชัย เปิดเผยว่า การจับกุมครั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อเวลา 13.45 น.วานนี้ (29 มี.ค.) เจ้าหน้าที่ศุลกากรสำนักสืบสวนและปราบปรามประจำท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้ติดตาม นายโมฮัมหมัด ที่เพิ่งเดินทางมาจากเมืองทาเบียส ประเทศอิหร่าน ด้วยสายการบินตุรกีแอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ TK060/11.03.53 ซึ่งลักษณะตรงตามที่สายแจ้งมาว่าเป็นชาวต่างชาติที่ลักลอบขนยาไอซ์เข้ามาทางสนามบินสุวรรณภูมิ จากนั้นก็ได้ทำการตรวจค้นสัมภาระของ นายโมฮัมหมัด ที่บริเวณช่องตรวจไฟเขียว หมายเลข 19 อาคารผู้โดยสารขาเข้าระหว่างประเทศ โซนซี ชั้น 2

นายสมชัย กล่าวต่อว่า จากการตรวจค้นกระเป๋าสะพายใบดังกล่าว ก็พบว่า มีการทำกระเป๋าผนังด้านหลังเป็น 2 ชั้น เมื่อใช้เหล็กแหลมเจาะขอบกระเป๋าก็พบเกล็ดสีขาวไหลออกมา จึงนำไปตรวจสอบด้วยน้ำยา ก็พบว่า เป็นยาไอซ์ เจ้าหน้าที่จึงเลาะกาวที่ติดผนังกระเป๋าออกตรวจสอบก็พบยาไอซ์น้ำหนักรวม 3.2 กิโลกรัม ซุกซ่อนอยู่ในกระเป๋าและห่อด้วยกระดาษคาร์บอนอีกชั้นหนึ่ง จึงยึดไว้เป้นของกลางก่อนควบคุมตัวมาสอบปากคำ

“จากการตรวจสอบประวัติผู้ต้องหา พบว่า เคยเดินทางเข้าประเทศไทยมาแล้ว 3 ครั้ง แต่เจ้าตัวอ้างว่าเพิ่งจะรับจ้างขนยาไอซ์จากประเทศอิหร่านเข้าประเทศไทยเป็นครั้งแรก โดยหากเดินทางมาถึงก็นำยาไอซ์ไปส่งที่โรงแรมแห่งหนึ่งในซอยรัชดาภิเษก 3 จากนั้นก็จะมีคนมารับยาไปต่อ หากเสร็จงานก็จะได้ค่าจ้าง 1,000 เหรียญสหรัฐฯ แต่มาถูกจับกุมเสียก่อน” นายสมชัย กล่าว

นายสมชัย กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 25-29 มี.ค.เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจสอบพัสดุภัณฑ์ที่ศูนย์ไปรษณีย์สุวรรณที่ลักลอบส่งออกไปต่างประเทศมีปลายทางประเทศสหรัฐอเมริกา และทวีปยุโรป ก็พบฝิ่นน้ำหนักรวมประมาณ 15 กิโลกรัม มูลค่าประมาณ 2.5 ล้านบาท กัญชาแห้ง น้ำหนักรวม 7 กิโลกรัม มูลค่า 450,000 บาท และวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท DIAZEPAM จำนวน 2,000เม็ด มูลค่า 2 ล้านบาท นอกจากนั้น ยังมีเลื่อยไฟฟ้า 30 ตัว เครื่องมูลค่า 150,000 บาท ไวน์ต่างประเทศ 234 ขวด มูลค่า 430,000 บาท เสื้อผ้าละเมิดทรัพสินทางปัญญา 1,320 ชิ้น 1,270,000 บาท

“ขณะนี้ผู้ลักลอบขนยาเสพติดได้พัฒนาการขนส่งยา ด้วยการนำเสื้อผ้า หรือกางเกงไปชุบกับน้ำฝิ่นให้ซึมซับเข้าไปในเนื้อผ้า จากนั้นก็จะนำส่งไปยังต่างประเทศโดยบรรจุพัสดุภัณฑ์ไปรษณีย์ เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจค้นของเจ้าหน้าที่ เมื่อปลายทางได้รับเสื้อผ้าแล้วก็จะเอาไปต้มให้น้ำฝิ่นออกจากเสื้อผ้า ก่อนจะไปทำให้แห้งจนได้เนื้อฝิ่นกลับมา โดยกระบวนการนี้จะเหลือเนื้อฝิ่นเพียงแค่ 70% หากเจ้าหน้าที่ไม่สังเกตุหรือใช้เครื่องมือตรวจจะไม่มีทางรู้เลยว่าเสื้อผ้าฝิ่นซึมซับอยู่” อธิบดีกรมศุลกากร กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พัสดุภัณฑ์เหล่านี้ส่วนใหญ่จะถูกส่งจากเวียงจันทน์ ประเทศลาว มายัง จ.หนองคาย และถูกส่งต่อมายังสนามบินสุวรรณภูมิ มีปลายทางต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐอเมริกาฯ หรือประเทศอังกฤษ และจ่าหน้าถึงมิสเตอร์เบรนเนอร์ทุกกล่อง

นายโมฮัมหมัด โกชินกิคุนโดกี อายุ 36 ปี สัญชาติอิหร่าน พร้อมของกลางยาไอซ์น้ำหนักรวม 3.2 กิโลกรัม มูลค่า 13 ล้านบาท ซุกซ่อนอยู่ในกระเป๋าสะพาย

กำลังโหลดความคิดเห็น