“นครบาล-สตช.” ร่วมถกเครียด เหตุระเบิดป่วนเมือง “ช่อง 5-เอ็นบีที-ร.11” สั่งทุก สน.เพิ่มกำลังสายตรวจจักรยานยนต์เป็นพิเศษให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ รับตั้งด่านตรวจยังมีรอยรั่ว เชื่อ คนก่อเหตุรู้เส้นทางใน กทม.และเชี่ยวชาญการใช้อาวุธ ชี้ชัด เหตุระเบิดเป็นฝีมือของกลุ่มที่เคยรับใช้นักการเมือง
วันนี้ (28 มี.ค.) เมื่อเวลา 09.30 น.ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผบช.น.พร้อมเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง ร่วมประชุมศูนย์ปฏิบัติการ กองบัญชาการตำรวจนครบาล (ศปก.น.) ผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ กับศูนย์ปฏิบัติการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ( ศปก.ตร.) โดยมี พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ที่ปรึกษา (สบ10) ฝ่ายความมั่นคงและกิจการพิเศษ โดยใช้เวลาประมาณ 1.30 ชั่วโมง
พล.ต.ท.สัณฐาน กล่าวภายหลังการประชุม ว่า เมื่อคืนนี้หลังเกิดเหตุได้ประชุมเบื้องต้น โดยให้ฝ่ายสืบสวนและฝ่ายสอบสวน โดยมอบหมายให้ พล.ต.ต.สุเมธ เรืองสวัสดิ์ รอง ผบช.น.ไปช่วยในการวางแนวทางการสืบสวน โดยวันนี้เวลา 15.00 น.จะมีการประชุมกันเพื่อวางแนวทางการสืบสวนทั้ง เหตุระเบิดที่ช่อง 5 และเอ็นบีที โดยสั่งการให้ทุก สน.ใช้สายตรวจจักรยานยนต์เป็นพิเศษในการทำหน้าที่ครอบคลุม และสั่งให้ ปจ.ที่มาจากภาคต่างๆ จัดกำลังไปให้ครอบคลุมพื้นที่ที่มีอยู่ สำหรับการตั้งด่านตำรวจทำเต็มที่แล้ว แต่ต้องยอมรับว่า ขณะที่เราตั้งจุดตรวจ จุดสกัดก็ยังมีรอยรั่วมีรูรั่ว โดยเชื่อว่าเป็นคนไทยที่น่าจะรู้เส้นทางใน กทม.จึงรู้เส้นทางต่างๆ ได้อย่างละเอียด ซึ่งการก่อเหตุก็ใช้เวลาไม่ถึงนาที หรือครึ่งนาทีก็จากไปแล้วทำให้ยากในการป้องกัน
ถามต่อว่า แสดงว่า เป็นผู้เชี่ยวชาญในการใช้อาวุธเหล่านี้ ผบช.น.ตอบว่า น่าจะมองได้อย่างนั้น แต่อย่างไรก็ตาม ลูกระเบิดมันง่าย หลายจุดที่โยนแล้วไม่ระเบิดก็มี ไม่น่าจะมีความรู้มากมายก็มีผสมกันไป แต่ต้องยอมรับว่า ทั้งหมดนี้เป็นการป่วนเมือง ทำให้สถานการณ์การชุมนุมต่างๆ ยิ่งแย่ลงไป โดยจาก 2 คดีที่ผ่านมาที่จับกุมได้ที่ธนาคารกรุงเทพ สาขาสีลม หรือที่ออกหมายจับอดีตตำรวจที่กระทรวงกลาโหม แต่ว่าความเชื่อมโยงนั้นจะให้ระบุก็ยังไม่ได้ ยกเว้นการจับกุม ส.ต.ต.บัณฑิต สิทธิทุม ได้ก่อน โดยได้ส่งฝ่ายสืบสวนไปหลายชุดแล้ว ซึ่งพัวพันกับนักการเมือง
ถามว่า กลุ่มเสื้อแดงตั้งข้อสังเกตว่า ไม่สามารถจับกุมใครได้เลยนั้นมองว่าอาจเป็นฝีมือของรัฐบาล ผบช.น.ตอบว่า ข้อมูลต่างๆ ที่ออกมาทั้งหมดนั้น บ่งชัดอยู่แล้วว่าข้อมูลที่ออกมาไม่ใช่ฝีมือรัฐบาล ซึ่งข้อพิสูจน์ก็มีแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการตรวจพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ พูดง่ายๆว่าเป็นกลุ่มที่เคยรับใช้นักการเมือง ซึ่งสร้างปัญหาในขณะนี้
ต่อมา พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษก บช.น.เปิดเผยว่า จากทางการข่าวของสันติบาลเมื่อวันที่ 27 มี.ค.53 มียอดกลุ่มผู้ชุมนุมสูงสุด 108,000 คน ในเวลา 19.00 น.และต่อมาลดลง แต่เมื่อแกนนำประกาศจะไปทำเนียบรัฐบาล กลุ่มผู้ชุมก็กลับมาอีก ซึ่งมองได้ว่าผู้ชุมนุมอยู่ใน กทม. หรือสถานที่ใกล้เคียง หรือแนวร่วมที่มีความคิดเห็นตรงกันอยู่ใน กทม.และปริมณฑล หรือญาติพี่น้องของกลุ่มผู้ชุมนุมอยู่ใน กทม.จึงระดมได้ดี ใช้เวลาสั้นๆ ก็ระดมได้ ในขณะนี้เวลา 11.00 น.มียอดกลุ่มผู้ชุมนุมที่ผ่านฟ้าประมาณ 50,000 คน และที่ราบ 11 ประมาณ 1,500 คน และยังมีการเจราจาของกลุ่มผู้ชุมนุมกับรัฐบาลกันอยู่ จึงยังไม่มีการเคลื่อนกำลังในขณะนี้ และให้ ศปก.สน.ที่ร.11 ให้ พล.ต.ต.สาโรจน์ พรหมเจริญ ผบก.น.2 เป็น ผบ.เหตุการณ์ในพื้นที่ หากมีความรุนแรง พล.ต.ต.อนันต์ ศรีหิรัญ รอง ผบช.น.จะเข้าช่วยเหลือในการควบคุม โดยช่วงเช้าได้ส่งกำลัง ปจ.บก.น.2 อีก 4 กองร้อยไปที่ ร.11 เพื่อเข้าจุดบริเวณแนวรั้วด้านหน้า และกำลังอื่นๆของ บช.น.เนื่องจากเมื่อวานนี้มีการถอนทหารจากพื้นที่ชั้นใน ศอ.รส.จึงมอบให้ตำรวจดูแลพื้นที่ชั้นใน ทาง บช.น.จึงให้กองร้อยควบคุมฝูงชน ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ส่งมาสนับสนุนดูแลพื้นที่ชั้นใน ประกอบด้วย รัฐสภา แนวถนนราชดำเนินทั้งหมด ทำเนียบรัฐบาล จุดตรวจในพื้นที่ชั้นในทั้งหมด ส่วนจุดตรวจร่วมตำรวจ-ทหารในพื้นที่ชั้นกลางและชั้นนอกนั้น ยังทำงานร่วมกัน โดยจุดตรวจระหว่างมีเหตุ ผบช.น.จึงปรับจุดตรวจ 168 จุด ให้เป็นสายตรวจจักรยานยนต์เคลื่อนที่ในบริเวณโดยรอบทั้งหมด และช่วงเช้าได้ปรับสายตรวจจักรยานยนต์ไปเป็นจุดตรวจเช่นเดิม โดยเป็นการปรับแผนตามสถานการณ์
โฆษก บช.น.กล่าวต่อว่า จากเหตุการณ์ระเบิด ที่ช่อง 5 เอ็นบีที และ ร.11 ที่เกิดขึ้น ผบช.น.ได้กำชับเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายป้องกันทุกหน่วยระดม สายตรวจรถยนต์ รถจักรยานยนต์ ชุดจู่โจมเคลื่อนที่เร็วทั้งระดับ สน.และระดับ บก.ให้ออกตรวจพื้นที่ ปรากฏกายให้เห็นเด่นชัด ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนให้ออกตรวจตระเวนและซุ่มโป่งบริเวณสถานที่สำคัญ/ล่อแหลมในพื้นที่ อีกทั้งได้สั่งการให้ บก.สายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ ระดมรถยนต์สายตรวจ ออกตรวจพื้นที่สนับสนุนการปฏิบัติงานของ สน.โดยให้จัดทำแผนการตรวจให้ครอบคลุมพื้นที่ และห้วงเวลามากที่สุด และให้ บก.สืบสวนเร่งระดมเจ้าหน้าที่ออกสืบสวนคนร้ายที่ก่อเหตุดังกล่าวมาดำเนินคดี โดยได้เรียกประชุมฝ่ายสืบสวนเพื่อพยายามหาความเชื่อมโยงหลายส่วน เมื่อวานเย็นนี้ก็มีการค้นพบเครื่องยิงระเบิดเอ็ม 79 ในพื้นที่ สน.บางชัน โดยให้กองพิสูจน์หลักฐานไปตรวจสอบว่าเป็นเครื่องยิงที่มีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ กับเหตุระเบิดก่อนหน้านี้ โดยเหตุระเบิดที่ช่อง 5 มีการจับภาพคนร้ายได้ชัดเจน เบื้องต้นใช้จักรยานยนต์คาดว่า เป็นฮอนด้า โดยใช้ระเบิดแบบขว้าง แต่ไปติดตาข่ายของรั้วทำให้ระเบิดขึ้น เป็นเหตุให้ประชาชนที่ผ่านมาบาดเจ็บ โดยในวันนี้จะมีการตรวจสอบภาพต่อเนื่องในถนนพหลโยธิน เพราะน่าจะมีการภาพค่อนข้างมาก ส่วนเหตุเกิดที่เอ็นบีที กล้องวงจรปิดน่าจะช่วยได้หลายส่วน เช่นเดียวกับเหตุที่ ร.11 ทาง ผบก.น.2 ได้ให้ฝ่ายสืบสวนกำหนดทิศทางยิงและแนวทางการสืบสวนต่างๆแล้ว และในวันนี้เวลา 15.00 น.ผบช.น.เรียกฝ่ายสืบสวนทั้งหมดมาพูดคุยแนวทางการทำงาน ที่ห้องปารุสกวัน 1 โดยในเวลา 14.00 น.จะเรียกเจ้าหน้าที่สายตรวจทั้งหมด ทั้งรอง ผบช.น.งานสายตรวจ รอง ผบก.งานสายตรวจ ผกก.ทุก สน. รอง ผกก.ปป.ทุก สน.จะมากำหนดและปรับมาตรการการป้องกัน ที่ห้องประชุมใหญ่ โดยหลังจากนี้ทาง พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รรท.ผบ.ตร.ได้มอบหมายให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) และ บช.น.ไปตรวจเยี่ยมผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด ทั้งประชาชนและทหาร โดยทาง พล.ต.อ.อดุลย์ ก็พร้อมหมุนกำลังในส่วนอื่นมาช่วยสนับสนุนการปฏิบัติงานในพื้นที่ และมีการพักถอนหน่วยที่ล้า
พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวต่อว่า ปัจจุบันใช้กำลังตำรวจทั้งหมด 49 กองร้อย ดูแลในภารกิจ 5 กลุ่ม คือ 1.รอบรัฐสภา 2.แนวถนนราชดำเนินทั้งหมดรวมทำเนียบรัฐบาล 3.การตั้งจุดตรวจรักษาการพื้นที่ชั้นในและชั้นกลาง 4.พื้นที่รอบนอก การตั้งจุดตรวจบ้านพักบุคคลสำคัญ และ5.หน้า ร.11 รอ.โดยกำลัง 49 กองร้อยนั้น พื้นที่ชั้นในใช้ตำรวจ ชั้นกลางและนอกจะใช้พื้นที่ทหาร ตามแนวปฏิบัติของ ศอ.รส.
ถามว่า เหตุระเบิดที่เกิดขึ้นได้มีการวิเคราะห์หรือไม่ ว่า ที่มาที่ไปของระเบิดมาจากไหน โฆษก บช.น.กล่าวว่า จากตัวเลขตั้งแต่เดือนมีนาคมเริ่มชุมนุมเป็นต้นมาผ่านไป 2-3 สัปดาห์ พบว่าความถี่ในการระเบิดจะผันแปรไปตามความเข้มข้นของการชุมนุม โดยสาเหตุระเบิดที่ถี่ขึ้นจะมีมากในพื้นที่กทม.และปริมณฑลที่ประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง โดยห้วงเวลาที่เกิดบ่อยขึ้นมี 2 ช่วง คือ 20.00-22.00 น.และ 01.00-05.00 น.โดยเกือบทั้งหมดเกิดในเวลาที่กล่าวมา โดยน่าจะมาจากการสร้างสถานการณ์ โดยจุดที่เจ้าหน้าที่หนาแน่นจะไม่ดำเนินการ และอีกส่วนคือ ใช้จังหวะที่มีช่องก่อเหตุในพื้นที่ที่มีสัญลักษณ์ทางการเมือง บางรายก็เป็นอาชญากรรมปกติ แม้ไม่มีการชุมนุมก็เกิดขึ้นไม่ว่าจะที่ สน.ทองหล่อ หรือแขวงการทาง จึงต้องวิเคราะห์เป็นกรณีไป โดยบางส่วนที่มีจับกุม ออกหมายจับไปแล้ว หรือเครื่องยิงที่จับได้กำลังสืบสวนอยู่ ส่วนจะเป็นบุคคลเดียวกันหรือไม่นั้น คงไม่ระบุชัดเจน แต่บางกลุ่มอาจก่อเหตุมากกว่า 1 ครั้ง โดยเฉพาะกลุ่มที่ชอบใช้ความรุนแรง
ถามว่า มีการข่าวว่า ตำรวจที่มา ปจ.ยังไม่ได้รับเงินเบี้ยเลี้ยง โฆษก บช.น.กล่าวว่า กรณีดังกล่าวที่ประกาศออกไป เป็นเพียงสงครามจิตวิทยา เป็นยุทธวิธีบั่นทอนกำลังใจ ก่อนหน้านี้ 3-4 วันทหารก็โดน แต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ตำรวจทุกนายที่ปฏิบัติหน้าที่ หากอยู่ในแผนการปฏิบัติจะได้รับเงินทุกนาย โดยค่าอาหารทาง รรท.ผบ.ตร. เป็นคนออกให้ ส่วนงบประมาณก็ใช้ 49 กองร้อย คูณ 150 คน และคูณด้วยค่าเบี้ยเลี้ยง 400 บาทรวมค่าอาหาร แม้จะอยู่ในงานส่วนอื่นทั้ง จราจร สืบสวน สอบสวน ที่มาทำงาน โดยกำลังผู้ได้เงินรวม 11,339 คน โดยดูแลกทม.ทั้งหมด แม้ไม่ได้เป็นกองร้อย แต่ฝ่ายจราจรจะส่งรายชื่อให้ พล.ต.ต.ภาณุ เกิดลาภผล รอง ผบช.น.ฝ่ายสอบสวน พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น.และฝ่ายสืบสวน ให้ พล.ต.ต.สุเมธ เรืองสวัสดิ์ รอง ผบช.น.ดูแล โดย 49 กองร้อยดูแลพื้นที่ แต่ในส่วนอื่นก็จะได้ลงไป แต่ทาง บช.อื่นทาง ตร.ก็จะส่งให้ แต่ละ บช.ได้เลย