“อำนวย” มอบ ผบก.น.5 รวบรวมพยานหลักฐานเช็กภาพวงจรปิดดำเนินคดีแก๊งหางแดงปาอุจจาระ-ปาเลือดชั่วบ้านนายกฯ 2 ข้อหา ส่วนการเอาผิดเสื้อแดงเทเลือดหน้า ปชป. รอเพียงพรรคมาร้องทุกข์ ชี้มีหลักฐานครบครอบคลุมทุกด้าน ยก “วิชัย” พยานปากเอกดำเนินคดีม็อบแดงป่วน
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน ให้สัมภาษณ์
วันนี้ (18 มี.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น. กล่าวถึงการดำเนินคดีต่อกลุ่มผู้ชุมนุมแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ที่ปาถุงบรรจุเลือดเข้าไปในบ้านพักนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ว่า เบื้องต้นดำเนินคดีตามความผิดฐานเดียวกับผู้ที่ปาถุงบรรจุอุจจาระ 2 ข้อหา คือ กระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 389 คือกระทำด้วยประการใดๆ ให้ของโสโครกเปรอะเปื้อนตัวบุคคลหรือทรัพย์สินผู้อื่น และมาตรา 397 กระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นเกิดความละอายและเดือดร้อนรำคาญ มีโทษปรับไม่เกิน 1,000 บาท หรือจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยให้ พล.ต.ต.อนุชัย เล็กบำรุง ผบก.น.5 ใช้ชุดพนักงานสอบสวนชุดเดิมที่เคยมีประสบการณ์อยู่แล้วเป็นผู้รับผิดชอบคดีนี้ ทำการรวบรวมพยานหลักฐาน ซึ่งขณะนี้มีภาพจากกล้องวงจรปิด ภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวจากสื่อมวลชน
สำหรับในส่วนของกลุ่มผู้ชุมนุมที่บุกไปเทเลือดที่พรรคประชาธิปัตย์ พล.ต.ต.อำนวย กล่าวว่า ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.สาโรจน์ พรหมเจริญ ผบก.น.2 จัดชุดพนักงานสอบสวนเพื่อรวบรวมพยานหลักฐานไว้ทั้งหมดแล้ว รอเพียงทางพรรคประชาธิปัตย์จะมาร้องทุกข์ในกรณีบุกรุกหรือไม่ ส่วนเรื่องพยานหลักฐานตำรวจเตรียมไว้พร้อมแล้วทุกกรณี
ชี้ “วิชัย” พยานปากเอกเอาผิดม็อบแดง
ส่วนกรณีการพูดจายั่วยุ ปลุกปั่น หรือหมิ่นประมาทของกลุ่มเสื้อแดงที่บุกไปยังพรรคประชาธิปปัตถ์และบ้านนายกรัฐมนตรีนั้น พล.ต.ต.อำนวย กล่าวว่า ในที่เกิดเหตุมีพยานปากสำคัญ คือ พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 ที่เป็นผู้เข้าไปเจราจากับกลุ่มผู้ชุมนุมจะทราบว่าใครเป็นผู้สั่งการ หรือใครเป็นคนห้าม เมื่อรวมเทปภาพและเสียง หลักฐานก็จะครบทั้งหมด รวมทั้งสอบสวนพยานที่อยู่ในเหตุการณ์ หากผู้เสียหายมาร้องทุกข์ ตำรวจก็พร้อมดำเนินคดีทันที เนื่องจากข้อหาเหล่านี้ต้องมีผู้ร้องทุกข์เพราะเป็นความผิดส่วนบุคคล
ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะเกิดเหตุนั้นมีผู้ร่วมกระทำความผิดหลายคนตำรวจจะดำเนินคดีอย่างไร พล.ต.ต.อำนวย กล่าวว่า ต้องดูว่าบุคคลเหล่านั้นมีเจตนาร่วมกันหรือไม่ หรือว่าต่างคนต่างทำก็แยกคดีไป หากมีการยุให้ทำก็ถือว่าร่วมกัน แต่การที่นำเลือดบรรจุถุงไปก็เห็นว่าน่าจะมีการตระเตรียมการตั้งแต่ต้นแล้ว ส่วนจะดำเนินคดีกี่คนนั้นยังไม่สามารถระบุได้เนื่องจากภาพที่ได้ตอนนี้มีหลายมุมกล้อง ทาง บก.น.5 กำลังจำแนก แต่ที่อยากได้คือมีคนสั่งการหรือต่างคนต่างมีอารมณ์ ซึ่งในส่วนคดีที่นำเลือดไปปาใส่บ้านนายกตำรวจสามารถดำเนินการได้เลย เพราะเป็นความผิดอาญาแผ่นดิน อย่างไรก็ตาม หากได้รายชื่อผู้กระทำผิดทางตำรวจก็อาจจะยังไม่ออกหมายจับ พร้อมจะให้โอกาสเข้ามอบตัวเพื่อดำเนินคดีก่อน
“การที่ออกมาพูดเรื่องนี้ไม่ใช่ต้องการเอากฎหมายมาบังคับใช้เพื่อยุติการชุมนุม แต่ผมเคยบอกแล้วว่า การชุมนุมต้องไม่ละเมิดกฎหมาย ผมได้ออกมาเตือนไปครั้งหนึ่งแล้ว ก็ถูกนำไปพูดบนเวที ผมก็ต้องทนต่อไปไม่เป็นไร ก็ต้องออกมาเตือนอีกว่าการชุมนุมอาจต่อเนื่องไปอีก แต่ผมก็ได้เตรียมการบันทึกเสียงอย่างการนำคลิปเสียงนายกที่มีการพิสูจน์โดยผู้เชี่ยวชาญว่าเป็นการตัดต่อเสียง แล้วยังนำมาเปิดทำให้คนที่ฟังเข้าใจผิดได้ โดยทราบว่าทางนายกฯ จะมอบหมายให้ทนายมาดำเนินความเราก็พร้อมพยานหลักฐานเตรียมไว้หมดแล้ว ข้อหาหลักคือการหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 326 และ 328 อัตราโทษจำคุไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 2 แสนบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ ก็เตือนอีกว่าให้อยู่ในกรอบกฎหมายไม่ละเมิดสิทธิ์ผู้อื่น” พล.ต.ต.อำนวย กล่าว
ให้โอกาส “ไอ้กี้ร์” มอบตัว
ส่วนกรณีนายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง แกนนำเสื้อแดง ที่มีหมายจับแต่ทางตำรวจยังไม่จับกุมดำเนินคดีนั้น พล.ต.ต.อำนวย กล่าวชี้แจงว่า นายอริสมันต์เคยแจ้งมายังตำรวจว่าวันที่ 1 เม.ย.นี้จะเข้ามอบตัวด้วยตนเอง และหมายจับที่ทางกองบังคับปราบปรามออกก็ยังไม่ได้ส่งมาที่ บช.น. ตำรวจมีประสบการณ์ในเรื่องการชุมนุมหากบุกเข้าไปจับผลที่ตามมาจะไม่คุ้มกับการจับคนเพียงหนึ่งคน เมื่อแจ้งความประสงค์ว่าจะไปมอบตัวก็ต้องให้โอกาส เพียงแต่การเข้ามาร่วมการชุมนุมขออย่าให้ใช้ความรุนแรงหรือละเมิดกฎหมาย
พล.ต.ต.อำนวย กล่าวว่า ทั้งนี้จะเห็นว่าผู้ชุมนุมมีจำนวนน้อยลงควรจะคืนพื้นที่ อีกทั้งปลายเดือนนี้ก็จะมีการจัดงานกาชาดที่สวนอัมพร ซึ่งขณะนี้ พล.ต.ต.วิชัย ก็เข้าไปเจรจา ขอคืนพื้นที่เพื่อจัดงานก็ยังไม่ทราบผล เมื่อผู้ชุมนุมน้อยลงก็ควรพื้นที่ให้คนกรุงเทพฯ ถึงจะถือว่าไม่ละเมิดสิทธิ์ผู้อื่น
ส่ง ตร.เดินเท้าเช็กทุกซอก-มุม หวั่นมือที่ 3 ป่วน
ทางด้าน พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 ในฐานะหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการส่วนหน้าสะพานผ่านฟ้าฯ ถนนราชดำเนิน เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้ฝ่ายสืบสวนทั้งในและนอกเครื่องแบบลงพื้นที่เดินเท้าตรวจตราดูแลความสงบเรียบร้อยรักษาความปลอดภัยในซอยเปลี่ยว ซอยย่อยรอบบริเวณพื้นที่การชุมนุมของกลุ่ม นปช. ครอบคลุมพื้นที่ สน.ชนะสงคราม สน.นางเลิ้ง และ สน.พระราชวัง รวม 26 ซอย ซึ่งเป็นจุดเสี่ยงที่ต้องตรวจเข้มเป็นพิเศษป้องกันการแทรกแซงของมือที่ 3 เข้ามาสร้างสถานการณ์ให้เกิดความรุนแรงได้
ภายหลังตรวจพบมีการซุกซ่อนอาวุธเข้ามาในพื้นที่ชุมนุม โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ส่งกำลังตำรวจเข้าสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ในรอบที่ 2 จำนวน 19 กองร้อย 2,850 นาย และรอบที่ 3 อีก 18 กองร้อย 2,700 นาย รวม 5,500 นายลงพื้นที่ดูแลความปลอดภัยกลุ่มผู้ชุมนุมคนเสื้อแดง เวทีสะพานผ่านฟ้าลีลาศและถนนราชดำเนิน ตลอดช่วงกลางวันกลางคืน เพิ่มความเข้มตรวจจุดล่อแหลมต่างๆ รวมทั้งตามซอกซอมากขึ้น ป้องกันอาชญากรรมจากกลุ่มมือที่ 3 ที่จ้องจะสร้างสถานการณ์ความรุนแรงให้เกิดขึ้น
สำหรับซอยย่อยที่กำหนดเป็นพื้นที่เฝ้าระวังรอบบริเวณที่มีการชุมนุม 26 ซอยนั้นประกอบด้วย ถนนบริพัตร ซอยดำเนินกลางใต้ ซอยวัดปรินายก ถนนกะออม ซอยคลองถมวัดโสมนัส ซอยข้างวัดราชนัดดา ซอยสำราญราษฎร์ ซอยดำเนินกลางเหนือ ซอยพระศุลี ตรอกสิน ตรอกมหรรณพ ตรอกมาศ ตรอกเสถียร ตรอกสาเก ถนนข้าวสาร ถนนตะนาว ถนนตานี แยกคอกวัด ถนนรามบุตรี ตรอกมะยม ถนนสิบสามห้าง ตรอกบ้านพานถม ซอยพิพิธโภคัย ตรอกบ้านหล่อ ซอยข้างวัดสตรีทศเทพ ซอยดำเนินกลางเหนือ