นครบาลสั่งต้นสังกัดสอบข้อเท็จจริง "ดาบตำรวจ" ขึ้นเวทีม็อบแดง อุ้มยังถือว่าผิดวินัยไม่ร้ายแรง เผย ผู้ชุมนุมเสื้อแดงจำนวนลดน้อยลงเหลือเพียงหลักหมื่นคน เริ่มทยอยกลับบ้านบางส่วน ด้าน "ภาณุ" เผย จราจรขณะหางแดงรวมตัวไปบ้านนายกฯ ไม่น่าห่วง ปลื้มผู้ใช้รถใช้ถนนคนกรุง วางแผนก่อนออกเดินทาง หลีกเลี่ยงเส้นทางจราจรตามที่ตำรวจแนะนำ
วันนี้ (17 มี.ค.) เมื่อเวลา 10.30 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย ผบก.ประจำ บช.น. ในฐานะ โฆษก บช.น. กล่าวถึงสถานการณ์การชุมนุมกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชชาติ (นปช.) ว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมากลุ่มผู้ชุมนุมได้เคลื่อนตัวจากสะพานผ่านฟ้า โดยใช้เส้นทางถนนหลานหลวง ผ่านถนนเพชรบุรี เลี้ยวขวาแยกราชเทวีไปพญาไท เลี้ยวซ้ายออกพระราม1 ใช้ถนนสุขุมวิทขาออก เพื่อเดินทางไปยังบ้านของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เบื้องต้นที่กลุ่มผู้ชุมนุมออกมาบอกว่าจะแวะที่สถานทูตประเทศอังกฤษก็ไม่ได้แวะ โดยกลุ่มผู้ชุมนุมที่ล่วงหน้าไปถึงหน้าซอยสุขุมวิท 31 ซึ่งเป็นทางเข้าบ้านนายยกรัฐมนตรี ก่อนจำนวนประมาณ 500 คน กลุ่มใหญ่หัวขบวนยังอยู่บริเวณแยกเพลินจิต ท้ายขบวนอยู่ถนนอุรุพงศ์ ทำให้การจราจรบน ถนนเพชรบุรี พญาไท และพระราม 1 ติดขัด ด้านการชุมนุมบน ถนนราชดำเนิน ยังมีผู้ชุมนุมบางส่วนเฝ้าพื้นที่อยู่ และมีอีกกลุ่มหนึ่งที่มาจากเส้นทางบางนา-ตราด มีรถจักรยานยนต์ประมาณ 100 คัน รถกระบะ 60 คัน ที่รวมตัวอยู่ปากซอยอุดมสุข
พล.ต.ต.ปิยะ ยังกล่าวถึงผลการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ว่า โดยทั่วไปในการตั้งจุดตรวจจุดสกัดที่เป็นการสนธิกำลังระหว่างตำรวจ ทหารและเทศกิจทั้ง 24 จุดที่ชั้นในใกล้พื้นที่ชุมนุม และด่านทั่ว กทม. อีก 168 จุด หลังมีกระแสข่าวจะเกิดเหตุก่อความวุ่นวาย ปรากฎว่ายังไม่พบเหตุรุนแรงอะไร มีเพียงการยึดรถต้องสงสัยกรณีอุปกรณ์ไม่ครบ 25 คัน ผิด พรบ.จราจร 42 รายมีอาวุธมี 4 ราย เมาแล้วขับ 1 ราย ถือว่ายังควบคุมสถานการณ์ได้
สั่งสอบ "นายดาบ" ขึ้นเวทีหางแดง
พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวอีกว่า พบเหตุพิเศษ 2 เหตุในการชุมนุมเมื่อวานนี้(16 มี.ค.) นอกเหนือจากกิจกรรมทั่วไป โดยเรื่องแรกคือที่เวทีผ่านฟ้าในช่วงบ่าย มี ด.ต.อุบล สุวรรณกาล เจ้าหน้าตำรวจกองบินตำรวจ ได้ขึ้นเวทีปราศรัย ทางบช.น. จึงประมวลเรื่องเสนอให้ผู้บังคับบัญชาต้นสังกัดทราบแล้ว เพื่อดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริง ทั้งส่วนของการขึ้นเวทีแสดงความคิดเห็นทางการเมืองทั้งที่อยู่ในเครื่องแบบซึ่งถือว่าผิดวินัยไม่ร้ายแรง ซึ่งผู้บังคับบัญชาต้องเป็นผู้ตรวจสอบ และในส่วนของเนื้อหาถ้อยคำต่าง ๆ ที่ ด.ต.อุบล พูดบนเวทีปราศรัย หากเป็นการหมิ่นประมาทหรือดูหมิ่นประการใด ก็จะดำเนินการแยกอีกส่วนด้วย
ผู้สื่อข่าวถามว่าก่อนหน้านี้ทาง ตร. มีการปรามตำรวจที่จะขึ้นเวทีเสื้อแดง หรือไม่ พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า มีบันทึกในเรื่องการปรามตำรวจเข้าไปยุ่งกับการชุมนุมทางการเมืองทั้งที่อยู่ในเครื่องแบบมานานแล้ว รวมทั้ง ผบช.น.ก็เน้นย้ำ ว่าการแสดงความคิดเห็นทางการเมืองตำรวจต้องวางตัวเป็นกลาง โดยเฉพาะในเวลาที่สวมเครื่องแบบ หรือกำลังปฏิบัติหน้าที่โดยตรง
ส่วนที่ ด.ต.อุบล ไปร่วมนั้นผู้บังคับบัญชาต้องตรวจสอบว่าใช้เวลาราชการมาร่วมหรือไม่ รวมทั้งความเหมาะสมในการสวมเครื่องแบบขึ้นเวที ซึ่งเป็นเรื่องกฎวินัยของตำรวจ นอกจากนี้หากไปพูดให้ร้ายคนอื่นเข้าข่ายผิดกฎหมายอาญาบุคคลที่ 3 เสียหายแจ้งความดำเนินคดีก็ต้องดำเนินคดีด้วย
เจอกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 พกขวดใส่น้ำมัน
พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า เรื่องที่ 2 เวลาประมาณ 19.30 น.กลุ่มการ์ดของ นปช. ได้ควบคุมตัวนายสันติภาส คชสังข์สีห์ อายุ 36 ปี ส่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ และทหารที่ดูแลความปลอดภัยบริเวณวัดมกุฏกษัตริยารามราชวรวิหาร ตรวจสอบเบื้องต้น พบว่าชายดังกล่าวเป็นกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ได้ถือขวดน้ำขนาด 600 มล. จำนวน 2 ขวด ซึ่งบรรจุน้ำมันเบนซิน จึงควบคุมตัวส่ง สน.นางเลิ้ง โดย บก.น.1 ได้นำตัวมาสอบสวน พร้อมส่งกองบังคับการสืบสวนสอบสวนนำตัวไปขยายผลต่อไปว่ามุ่งที่จะก่อเหตุรุนแรงอะไรหรือไม่
ส่วนกรณีที่ช่วงเช้าที่แกนนำกลุ่มเสื้อแดงประกาศว่าพบวัตถุระเบิดในพื้นที่การชุมนุม ตำรวจได้ตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นกลุ่มการ์ดเองที่ตรวจพื้นที่ตัวเอง จุดแรกเป็นด้านหลังเวที และอีกจุดที่ภัตตาคารมาเรียที่อยู่ฝั่งตรงข้าม พบวัตถุระเบิดปิงปอง จึงให้พนักงานสอบสวน สน.นางเลิ้งตรวจสอบ แต่จุดดังกล่าวเป็นพื้นที่ชุมนุมหากคนอื่นจะเข้าไปต้องถูกการ์ดตรวจสอบ แต่ยังไม่มีเหตุระเบิด
เสื้อแดงเหลือหลักหมื่น เริ่มหนีกลับบ้าน
สำหรับการประเมินสถานการณ์การชุมนุม พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า ตั้งแต่วันที่ 14 มี.ค. ที่มียอดสูงสุดได้ลดลงมาจนถึงช่วงเช้าวันนี้เหลือเพียง 1 หมื่นเศษ และมีแนวโน้มผู้ชุมนุมทยอยเดินทางกลับได้สั่งการให้ด่าน 24 ชม.ที่ตั้งใกล้พื้นที่ชุมนุมคอยอำนวยความสะดวก ส่วนอื่นเริ่มมีการชุมนุมเป็นคู่ขนานมากขึ้นตามจังหวัดต่างๆ แทน เช่น จ.ขอนแก่น จ.ศรีสะเกษ จ.เชียงราย จ.เชียงใหม่ ซึ่งแยกกันดำเนินการทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมในกรุงเทพฯ ต้องยกระดับการชุมนุมเคลื่อนตัวกันมากขึ้นทำกิจกรรมหลายอย่างให้มวลชนตื่นตัวมากขึ้น เพราะหลายคนเริ่มล้า
ส่วนการชุมนุมจะยืดเยื้อแค่ไหนนั้น ทางศอ.รส. ได้มอบหมายให้ตำรวจสันติบาล และฝ่ายข่าวประเมินอยู่ ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ก็ยังมีกำลังใจดี
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่สือมวลชนต่างประเทศระบุว่าจะมีการก่อวินาศกรรมในประเทศไทย ซึ่งตำรวจมีมาตรการเตรียมการป้องกันอย่างไร พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า ตั้งแต่ 2-3 วันก่อน เรามีการเพิ่มจุดตรวจร่วมกับทหาร รวมทั้งหน่วยเคลื่อนที่เร็วของ ผบก.น.1-9 และอีก 88 สน. ที่ผ่านมาก็ยังไม่พบเหตุร้ายแรง ส่วนจุดสูงข่มฝ่ายสืบสวนก็ดำเนินการเต็มที่ การประเมินยังปลอดภัยอยู่ยกเว้นพื้นที่มีการชุมนุมถ้าไม่เกี่ยวข้องขอให้หลีกเลี่ยง
เร่งหาข้อมูลยิงเอ็ม 79 ราบ 1 เพิ่ม
ส่วนความคืบหน้ากรณียิงระเบิดเอ็ม 79 เข้าไปยัง ร.1 พัน1 รอ. นั้น พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผบช.น. ลงมาดูเรื่องนี้ด้วยตนเองทั้งกรณีที่ ท้องที่ สน.พหลโยธิน ยังไม่มีข้อมูลเพิ่มเติมกำลังตรวจสอบเพิ่มเติม แต่มีข้อสันนิษฐานเพิ่มขึ้นนอกจากจุดสูง จุดพื้นราบก็สามารถดำเนินการได้ เพราะรัศมีอาวุธ 400 เมตรโดยรอบจึงต้องสำรวจพื้นที่เพิ่มเติมด้วย
ส่วนพยานก็มีการสอบเจ้าหน้าที่ลูกจ้าง พนักงานบริษัทที่อยู่ใกล้เคียงเพิ่มได้รับความร่วมมืออย่างดี แต่ทั้ง 2 จุดจะเป็นกลุ่มเดียวกันหรือไม่ยังตอบไม่ได้
ผู้สื่อข่าวถามว่าการที่กลุ่มผู้ชุมนุมบุกเทเลือดหน้าพรรคประชาธิปปัตย์จะมีการดำเนินการอย่างไร พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า ขอชี้แจงว่า พรบ.ความมั่นคงที่ใช้อยู่มีวัตถุประสงค์เพื่อยังยั้งไม่ให้สถานการณ์รุนแรง ต่างจากการใช้กฎหมายอาญาที่หากฝ่าฝืนจะผิดกฎหมายทันที หลายกรณีจะดูแลสถานการณ์ให้เรียบร้อยเป็นหลัก อาจมีการผ่อนปรนเช่นหน้าทำเนียบรัฐบาล แม้ว่าอาจมีการปะทะกันเล็กน้อยแต่ก็ควบคุมได้
จราจรหน้าบ้านนายกฯ ไม่มีปัญหา
ขณะเดียวกัน ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล(นปช.) พล.ต.ต.ภาณุ เกิดลาภผล รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล รับผิดชอบงานจราจร กล่าวถึงภาพรวมการจราจรในช่วงเช้าที่ผ่านมาว่า ไม่มีอะไรน่าห่วงแม้ผู้ชุมนุมยังคงปิดการจราจรถนนราชดำเนินก็ตาม เนื่องจากผู้ใช้รถใช้ถนนส่วนใหญ่ปรับตัวกับสภาพจราจรขณะนี้ได้แล้วและเผื่อเวลาในการเดินทางชั่วโมงเร่งด่วนมากขึ้น รวมถึงมีการวางแผนการเดินทางก่อนและหลีกเลี่ยงไปใช้เส้นทางอื่นแทนเส้นทางที่ปิดการจราจร ส่วนเส้นทางที่มีการปิดซ่อมปรับปรุงสะพานข้ามแยกดินแดง วงศ์สว่าง และแยกคลองตัน มีปริมาณรถหนาแน่นแต่ยังเคลื่อนตัวได้ติดขัดในบางช่วง
พล.ต.ต.ภาณุ กล่าวถึงการจัดการจราจรกรณีผู้ชุมนุมคนเสื้อแดงเคลื่อนขบวนไปยังบ้านพักนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ภายใน ซอยสุขุมวิท 31 ว่า กองบังคับการตำรวจจราจรได้ประชาสัมพันธ์ชี้แจงให้ประชาชนหลีกเลี่ยงเส้นทางดังกล่าวแล้ว รวมถึงเส้นทางบริเวณ ถนนพระราม 1 และ ถนนพระราม 4 เนื่องจากผู้ชุมนุมเคลื่อนขบวนพาดผ่านออกจากสะพานผ่านฟ้าลีลาศ มุ่งหน้า ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ เข้า ถนนสุขุมวิท และอีกเส้นทางเคลื่อนจาก ถนนหลานหลวง ผ่าน ถนนราชเทวี โดยใช้ 2 เส้นทางดังกล่าวทั้งขาไปและขากลับ
" ตำรวจนครบาลได้จัดกำลังจราจรดูแลตลอดเส้นทาง มีทั้งตำรวจจราจรพื้นที่และจราจรจากกองบังคับการตำรวจจราจร ตามประกบทั้งหัวและท้ายขบวน เพื่อป้องกันขบวนแตก ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อถนนเส้นอื่นได้ จากการประเมินสถานการณ์ที่ผ่านมา เชื่อว่า จะไม่เกิดเหตุการณ์รุนแรงใดๆ และตั้งแต่เช้าจนถึงขณะนี้เหตุการณ์ยังปกติ ส่วนจำนวนผู้ชุมนุมนั้น คาดว่า จะมีจำนวนใกล้เคียงกับวานนี้ ด้านกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้สนธิกับเจ้าหน้าที่ทหาร รวมแล้วมีไม่ต่ำกว่า1,500 นาย ตรึงกำลังโดยรอบบ้านพักนายกฯ " พล.ต.ต.ภาณุ กล่าวในที่สุด