นครบาล เผย เจ้าหน้าที่อัดเทปเสียงปราศรัยแกนนำม็อบเสื้อแดงทุกช็อต พบเริ่มพ่นน้ำลายหมิ่น-ใส่ร้ายเสียดสีคนอื่นชัดขึ้น เตือนอย่ายุยงให้ผู้ชุมนุมทำผิดกฎหมาย หากพบต้องถูกดำเนินคดี ย้ำห้ามนำเทปเสียง “มาร์ค” ที่ตัดต่อใส่ความเผยแพร่ซ้ำเป็นข้อมูลบิดเบือน ยันส่ง จนท.ตร.เกาะติดการเคลื่อนไหวตลอดเวลา
วันนี้ (15 มี.ค.) เมื่อเวลา 10.30 น.ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล รับผิดชอบงานด้านการสอบสวนและผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย บช.น.พร้อมด้วย พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกกองบัญชาการตำรวจนครบาล ร่วมกันแถลงข่าวเตือนแกนนำผู้ชุมนุมคนเสื้อแดงที่ปราศรัยพาดพิงบุคคลอื่น รวมถึงการนำเทปตัดต่อเสียงของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี มาเผยแพร่เปิดซ้ำในกลุ่มผู้ชุมนุมทำให้เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อนเป็นการยั่วยุ
พล.ต.ต.อำนวย กล่าวว่า การชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดง ตั้งแต่วันที่ 12 มี.ค.ทาง บช.น.ได้เฝ้าฟังบันทึกทั้งภาพและเสียงไว้เป็นหลักฐานหมดแล้วทุกเวทีที่มีการปราศรัย ปรากฏว่า ช่วงวันที่ 12-13 มี.ค.ไม่ค่อยมีการพาดพิงบุคคลอื่นเท่าไร แต่ตั้งแต่วันที่ 14 มี.ค.เป็นต้นมา เริ่มมีการพูดจาหมิ่นเหม่ต่อการกระทำผิดกฎหมายชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ มีการใส่ความ หมิ่นเหม่ต่อการยุยงให้ประชาชนละเมิดกฎหมายของแผ่นดินเข้าองค์ประกอบความผิด จึงขอเตือนแกนนำผู้จะขึ้นปราศรัยบนเวทีทั้งเวทีเล็กละใหญ่ ขอให้อยู่ในกรอบรัฐธรรมนูญโดยสุจริต อย่ายุยงปลุกปั่นใส่ความผู้อื่น โดยเฉพาะกรณีที่ใส่ความบุคคลอื่นทั้งนายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี หรือบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องอีกมากมายชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ เราได้รวบรวมหลักฐานไว้หมดแล้วหากภายหลังบุคคลที่ถูกดูหมิ่นเข้ามาร้องทุกข์เพื่อให้ดำเนินคดี ส่วนกรณีความผิดอาญาแผ่นดินพูดยุยงปลุกปั่นเริ่มเห็นภาพชัดเจนขึ้น
“ไม่อยากให้การชุมนุมทุกครั้ง มีคดีขึ้นมาตามหลังแล้วมากล่าวหากันว่า 2 มาตรฐาน 3 มาตรฐาน เรามีมาตรฐานเดียว คือ ผู้กระทำผิดจะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายทุกราย จะเห็นว่าที่ผ่านมาผมพยายามจะไม่ออกมาพูดลักษณะนี้ แต่ตอนนี้เริ่มเห็นชัดแล้วว่าภาพที่ออกมาละเมิดกฎหมายจึงออกมาแจ้งเตือนก่อนทุกช็อต ทุกคนพูดถูกบันทึกเทปไว้แล้วทั้งหมด เราถอดเทปวิเคราะห์กันทั้งวันทั้งคืนหากผิดกฎหมายเราต้องดำเนินคดี เพราะบ้านเมืองต้องมีขื่อมีแปรกฎหมายต้องศักดิ์สิทธิ์ไม่เช่นนั้นบ้านเมืองจะอยู่ไม่ได้” พล.ต.ต.อำนวย กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า การปราศรัยเข้าข่ายผิดหรือผิดกฎหมายแล้ว พล.ต.ต.อำนวย กล่าวว่า ความผิดฐานหมิ่นบุคคลนี้ชัดเจนแล้ว มีการใส่ความพูดจาให้ร้ายเสียดสี เฉพาะเรื่องเทปเสียงตัดต่อของนายกรัฐมนตรีที่ได้มีการพิสูจน์กันในสภาแล้ว เอามาเผยแพร่ซ้ำถือว่าใส่ความ และยังมีอีกหลายกรณีที่ใส่ความบุคคลอื่นเราจะมีหนังสือแจ้งไปก็ขึ้นอยู่ว่าเจ้าตัวประสงค์จะดำเนินคดีหรือไม่ ที่เราเตือนคือความผิดอาญาแผ่นดินที่ไม่ต้องแจ้งใครในการยุยงปลุกปั่นอย่างครั้งก่อนที่มี 14 ราย
ส่วนเรื่องสัญญาประกันของ บช.น. พล.ต.ต.อำนวย กล่าวว่า หมดอายุไปตั้งแต่เดือนเมษายนปีที่แล้ว ที่ยังค้างประกัน คือ คดีที่พัทยาที่ประกันกับศาล เพราะฉะนั้นหากผู้ต้องหากระทำผิดทางตำรวจภูธรภาค 2 จะนำข้อมูลจาก บช.น.ไป เพื่อเสนอต่อศาลว่าผิดสัญญาประกันหรือไม่
ด้าน พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวถึงสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงว่า ในช่วงเช้าที่ผ่านมามีการเคลื่อนขบวนใหญ่จากสะพานผ่านฟ้าฯ ไปยัง ราบ11 จำนวนมากด้วยรถกระบะ รถจักรยายนต์ และรถ 6 ล้อถึงราบ11 เรียบร้อยแล้วตั้งเวทีปราศรัยชั่วคราวบริเวณด้านหน้าปิดการจราจรสองฝั่ง เหตุการณ์ปกติไม่มีความรุนแรง ซึ่งมีกำลังทหารและตำรวจจราจรคอยดูแลอยู่ใกล้ชิด ส่วนพื้นที่ที่มีการชุมนุมบริเวณถนนราชดำเนินนั้นมีกองกำลังคนเสื้อแดงและการ์ดบางส่วนดูแลพื้นที่อยู่เหตุการณ์ปกติไม่มีอะไรรุนแรง
“ตำรวจเป็นห่วงการกระทบกระทั่งกันระหว่างเส้นทางเดินได้ประสาน สน.ท้องที่ กองบังคับการตำรวจจราจร และกองบังคับการสืบสวนนครบาลในการ ติดตามเกาะติดกลุ่มผู้ชุมนุมอย่างใกล้ชิด ตำรวจจราจรจะประจำทุกแยกที่ต้องใช้เส้นทาง โดยกลุ่มผู้ชุมนุมใช้เส้นทางถนนพิษณุโลก ถนนหลานหลวง วิ่งตรงผ่านไปแยกอุรุพงษ์ เข้าราชเทวี เลี้ยวซ้ายพญาไท ไปอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิใช้เส้นทางถนนพหลโยธิน ระหว่างเส้นทางยังไม่มีเหตุกระทบกระทั่งกัน” โฆษกนครบาล กล่าวและว่า
อย่างไรก็ตาม การดาวกระจายไปจุดอื่นๆ นั้น ยังไม่มีรายงาน แต่เพื่อความไม่ประมาท ผบช.น.ได้สั่งกำลังทั้งหมดไปดูแลความเรียบร้อยแล้ว ตามที่คาดว่าผู้ชุมนุมจะเดินทางไป แต่ยังไม่ชัดเจนว่า จะไปที่ใดบ้าง เนื่องจากสังเกตว่า กลุ่มผู้ชุมนุมนำรถ 6 ล้อติดเครื่องเสียงไป 6 คัน ก็อาจเดินทางไปที่อื่นจึงไม่ประมาท มีการสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเกาะติดกลุ่มชุมนุม โดยมีกองกำลังอีกส่วนหนึ่งพร้อมที่เข้าไปช่วยเหลือ และให้ตำรวจไปดูแลสถานที่สำคัญใกล้เคียงเส้นทาง เช่น กระทรวงต่างประเทศ บริษัท คิงพาวเวอร์ เป็นต้น
พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวอีกว่า ชุดพื้นที่เร็วของกองบังคับการตำรวจนครบาล 1 และ 2 เกาะติดสถาการณ์ผู้ชุมนุมตลอดทาง รวมถึงฝ่ายสืบสวนทำการบันทึกภาพนิ่ง และภาพเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง ส่วนที่ราบ 11 ใช้กำลังเจ้าหน้าที่ปจ.ดูแลรอบนอกจำนวน 4 กองร้อย มีการตั้ง ศปก.ส่วนหน้าที่ร้านอาหารบางบัว
ทั้งนี้ จากการรายงานมียอดผู้ชุมนุมประมาณ 3 หมื่นกว่าคน รถกระบะประมาณ 2 พันคัน ส่วนการชุมนุมเมื่อคืนที่สะพานผ่านฟ้า สันติบาลรายงานยอดผู้ชุมนุมสูงสุดจำนวน 9 หมื่นกว่าคน โดยคิดจากหลักพื้นที่ต่อ 1 ตารางเมตร สามารถจุคน ยืนได้ 4 คน คนนั่งแบบสบายๆ จำนวน 2 คน ส่วนกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่เพิ่มตรึงกำลังไว้ 44 กองร้อย โดยมีทหารและพลเรือนอีกส่วนหนึ่งร่วม
วันนี้ (15 มี.ค.) เมื่อเวลา 10.30 น.ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล รับผิดชอบงานด้านการสอบสวนและผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย บช.น.พร้อมด้วย พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกกองบัญชาการตำรวจนครบาล ร่วมกันแถลงข่าวเตือนแกนนำผู้ชุมนุมคนเสื้อแดงที่ปราศรัยพาดพิงบุคคลอื่น รวมถึงการนำเทปตัดต่อเสียงของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี มาเผยแพร่เปิดซ้ำในกลุ่มผู้ชุมนุมทำให้เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อนเป็นการยั่วยุ
พล.ต.ต.อำนวย กล่าวว่า การชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดง ตั้งแต่วันที่ 12 มี.ค.ทาง บช.น.ได้เฝ้าฟังบันทึกทั้งภาพและเสียงไว้เป็นหลักฐานหมดแล้วทุกเวทีที่มีการปราศรัย ปรากฏว่า ช่วงวันที่ 12-13 มี.ค.ไม่ค่อยมีการพาดพิงบุคคลอื่นเท่าไร แต่ตั้งแต่วันที่ 14 มี.ค.เป็นต้นมา เริ่มมีการพูดจาหมิ่นเหม่ต่อการกระทำผิดกฎหมายชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ มีการใส่ความ หมิ่นเหม่ต่อการยุยงให้ประชาชนละเมิดกฎหมายของแผ่นดินเข้าองค์ประกอบความผิด จึงขอเตือนแกนนำผู้จะขึ้นปราศรัยบนเวทีทั้งเวทีเล็กละใหญ่ ขอให้อยู่ในกรอบรัฐธรรมนูญโดยสุจริต อย่ายุยงปลุกปั่นใส่ความผู้อื่น โดยเฉพาะกรณีที่ใส่ความบุคคลอื่นทั้งนายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี หรือบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องอีกมากมายชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ เราได้รวบรวมหลักฐานไว้หมดแล้วหากภายหลังบุคคลที่ถูกดูหมิ่นเข้ามาร้องทุกข์เพื่อให้ดำเนินคดี ส่วนกรณีความผิดอาญาแผ่นดินพูดยุยงปลุกปั่นเริ่มเห็นภาพชัดเจนขึ้น
“ไม่อยากให้การชุมนุมทุกครั้ง มีคดีขึ้นมาตามหลังแล้วมากล่าวหากันว่า 2 มาตรฐาน 3 มาตรฐาน เรามีมาตรฐานเดียว คือ ผู้กระทำผิดจะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายทุกราย จะเห็นว่าที่ผ่านมาผมพยายามจะไม่ออกมาพูดลักษณะนี้ แต่ตอนนี้เริ่มเห็นชัดแล้วว่าภาพที่ออกมาละเมิดกฎหมายจึงออกมาแจ้งเตือนก่อนทุกช็อต ทุกคนพูดถูกบันทึกเทปไว้แล้วทั้งหมด เราถอดเทปวิเคราะห์กันทั้งวันทั้งคืนหากผิดกฎหมายเราต้องดำเนินคดี เพราะบ้านเมืองต้องมีขื่อมีแปรกฎหมายต้องศักดิ์สิทธิ์ไม่เช่นนั้นบ้านเมืองจะอยู่ไม่ได้” พล.ต.ต.อำนวย กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า การปราศรัยเข้าข่ายผิดหรือผิดกฎหมายแล้ว พล.ต.ต.อำนวย กล่าวว่า ความผิดฐานหมิ่นบุคคลนี้ชัดเจนแล้ว มีการใส่ความพูดจาให้ร้ายเสียดสี เฉพาะเรื่องเทปเสียงตัดต่อของนายกรัฐมนตรีที่ได้มีการพิสูจน์กันในสภาแล้ว เอามาเผยแพร่ซ้ำถือว่าใส่ความ และยังมีอีกหลายกรณีที่ใส่ความบุคคลอื่นเราจะมีหนังสือแจ้งไปก็ขึ้นอยู่ว่าเจ้าตัวประสงค์จะดำเนินคดีหรือไม่ ที่เราเตือนคือความผิดอาญาแผ่นดินที่ไม่ต้องแจ้งใครในการยุยงปลุกปั่นอย่างครั้งก่อนที่มี 14 ราย
ส่วนเรื่องสัญญาประกันของ บช.น. พล.ต.ต.อำนวย กล่าวว่า หมดอายุไปตั้งแต่เดือนเมษายนปีที่แล้ว ที่ยังค้างประกัน คือ คดีที่พัทยาที่ประกันกับศาล เพราะฉะนั้นหากผู้ต้องหากระทำผิดทางตำรวจภูธรภาค 2 จะนำข้อมูลจาก บช.น.ไป เพื่อเสนอต่อศาลว่าผิดสัญญาประกันหรือไม่
ด้าน พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวถึงสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงว่า ในช่วงเช้าที่ผ่านมามีการเคลื่อนขบวนใหญ่จากสะพานผ่านฟ้าฯ ไปยัง ราบ11 จำนวนมากด้วยรถกระบะ รถจักรยายนต์ และรถ 6 ล้อถึงราบ11 เรียบร้อยแล้วตั้งเวทีปราศรัยชั่วคราวบริเวณด้านหน้าปิดการจราจรสองฝั่ง เหตุการณ์ปกติไม่มีความรุนแรง ซึ่งมีกำลังทหารและตำรวจจราจรคอยดูแลอยู่ใกล้ชิด ส่วนพื้นที่ที่มีการชุมนุมบริเวณถนนราชดำเนินนั้นมีกองกำลังคนเสื้อแดงและการ์ดบางส่วนดูแลพื้นที่อยู่เหตุการณ์ปกติไม่มีอะไรรุนแรง
“ตำรวจเป็นห่วงการกระทบกระทั่งกันระหว่างเส้นทางเดินได้ประสาน สน.ท้องที่ กองบังคับการตำรวจจราจร และกองบังคับการสืบสวนนครบาลในการ ติดตามเกาะติดกลุ่มผู้ชุมนุมอย่างใกล้ชิด ตำรวจจราจรจะประจำทุกแยกที่ต้องใช้เส้นทาง โดยกลุ่มผู้ชุมนุมใช้เส้นทางถนนพิษณุโลก ถนนหลานหลวง วิ่งตรงผ่านไปแยกอุรุพงษ์ เข้าราชเทวี เลี้ยวซ้ายพญาไท ไปอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิใช้เส้นทางถนนพหลโยธิน ระหว่างเส้นทางยังไม่มีเหตุกระทบกระทั่งกัน” โฆษกนครบาล กล่าวและว่า
อย่างไรก็ตาม การดาวกระจายไปจุดอื่นๆ นั้น ยังไม่มีรายงาน แต่เพื่อความไม่ประมาท ผบช.น.ได้สั่งกำลังทั้งหมดไปดูแลความเรียบร้อยแล้ว ตามที่คาดว่าผู้ชุมนุมจะเดินทางไป แต่ยังไม่ชัดเจนว่า จะไปที่ใดบ้าง เนื่องจากสังเกตว่า กลุ่มผู้ชุมนุมนำรถ 6 ล้อติดเครื่องเสียงไป 6 คัน ก็อาจเดินทางไปที่อื่นจึงไม่ประมาท มีการสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเกาะติดกลุ่มชุมนุม โดยมีกองกำลังอีกส่วนหนึ่งพร้อมที่เข้าไปช่วยเหลือ และให้ตำรวจไปดูแลสถานที่สำคัญใกล้เคียงเส้นทาง เช่น กระทรวงต่างประเทศ บริษัท คิงพาวเวอร์ เป็นต้น
พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวอีกว่า ชุดพื้นที่เร็วของกองบังคับการตำรวจนครบาล 1 และ 2 เกาะติดสถาการณ์ผู้ชุมนุมตลอดทาง รวมถึงฝ่ายสืบสวนทำการบันทึกภาพนิ่ง และภาพเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง ส่วนที่ราบ 11 ใช้กำลังเจ้าหน้าที่ปจ.ดูแลรอบนอกจำนวน 4 กองร้อย มีการตั้ง ศปก.ส่วนหน้าที่ร้านอาหารบางบัว
ทั้งนี้ จากการรายงานมียอดผู้ชุมนุมประมาณ 3 หมื่นกว่าคน รถกระบะประมาณ 2 พันคัน ส่วนการชุมนุมเมื่อคืนที่สะพานผ่านฟ้า สันติบาลรายงานยอดผู้ชุมนุมสูงสุดจำนวน 9 หมื่นกว่าคน โดยคิดจากหลักพื้นที่ต่อ 1 ตารางเมตร สามารถจุคน ยืนได้ 4 คน คนนั่งแบบสบายๆ จำนวน 2 คน ส่วนกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่เพิ่มตรึงกำลังไว้ 44 กองร้อย โดยมีทหารและพลเรือนอีกส่วนหนึ่งร่วม