รวบลูกชายอธิการบดีมหาวิทยาลัยดังในจังหวัดนครปฐม ร่วมกับพวกลวงสาวไทยใหญ่กักขังเรียกค่าไถ่ เจ้าตัวอ้างทำไป เพราะต้องการเงินใช้หนี้ และเคยแต่งงานกับแม่หญิงไทยใหญ่แล้วถูกหลอกจนหมดตัว ทำให้ฝังใจมีอคติกับหญิงไทยใหญ่ทำงานสถานบันเทิง
วันนี้ (10 มี.ค.) เมื่อเวลา 12.00 น.ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ต.สุเมธ เรืองสัวสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 พ.ต.อ.วีรวิทย์ จันทร์จำเริญ รอง ผบก.น.1 ร่วมกันแถลงข่าวผลการจับกุมตัว นายธนบดี หรือ เอ็ม นิลพันธุ์ อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 30/2 ม.3 ต.ขุนแก้ว อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม และ นายยุทธนา หรือ เต้ พุฒนาค อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 67/98 ม.4 ต.ท่าตำหนัก อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม พร้อมของกลางหลายรายการ ประกอบด้วย 1.ยาสลบชนิดน้ำ 2 ขวด 2.เข็มฉีดยา 1 อัน 3.ถุงมือผ้าสีขาว 1 คู่ 4.เทปกาวสีน้ำตาล 1 ม้วน 5.ผ้าสีดำติดด้วยเทปกาว 1 ผืน 6.โทรศัพท์มือถือยี่ห้อต่าง ๆ จำนวน 5 เครื่อง 7.สร้อยคอทองคำหนัก 2 สลึง จำนวน 1 เส้น 8.พระเลี่ยมทอง 1 องค์ 9.บัตรเอทีเอ็ม 2 ใบ 10.รถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีออส สีบรอนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน กฉ 2499 นครปฐม 1 คัน และ 11.รถยนต์ยี่ห้อ เบนซ์ สีบรอนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน กฉ 5048 นครปฐม อีก 1 คัน โดยจับกุมตัวได้ที่ห้องเลขที่ 105 โรงแรมวู้ดดี้ โมเต็ล จ.นครปฐม
พล.ต.ต.สุเมธ กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องมาจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ห้วยขวาง ได้รับแจ้งจากเพื่อนของ น.ส.กิ๊ฟ ผู้เสียหาย ว่า ผู้เสียหายได้หายตัวไปตั้งแต่วันที่ 7 มี.ค.2553 ที่ผ่านมา โดยมีชายคนหนึ่งใช้เบอร์โทรศัพท์ของผู้เสียหายโทร.เข้ามาหา พร้อมกับบอกว่าผู้เสียหายถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมอยู่ที่พัทยาในข้อหาเสพยาเสพติด ให้โอนเงิน จำนนวน 200,000 บาท ไปให้เพื่อแลกกับอิสรภาพ โดยโทรเข้ามาข่มขู่หลายครั้ง เจ้าหน้าที่จึงทำการสืบสวนจนทราบว่า ก่อนที่ผู้เสียหายจะหายตัวไปได้เดินทางไปกับนายธนบดี ซึ่งมีบ้านพักอยู่ที่จ.นครปฐม จึงได้ประสานไปยังฝ่ายสืบสวนสภ.นครชัยศรี เพื่อหาเบาะแสอย่างละเอียด จนกระทั่งทราบว่านายธนบดีพักอยู่ที่โรงแรมวู๊ดดี้ จึงนำกำลังเข้าตรวจค้น
พล.ต.ต.สุเมธ กล่าวอีกว่า จากการตรวจค้นพบรถยนต์ของกลางของผู้ต้องหาจอดอยู่ด้านหน้า ภายในห้องพบผู้เสียหายนอนห่มผ้าอยู่เมื่อเปิดออกดูพบว่าถูกผูกผ้าปิดตาไว้ เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวนายธนบดีและนายยุทธนา พร้อมของกลางเอาไว้ ส่วนผู้ต้องหาอีก 1 ราย ทราบชื่อคือ นายท็อป(ไม่ทราบชื่อและนามสกุลจริง) หลบหนีไปได้
จากการสอบสวนทราบว่า นายธนบดี เป็นคนวางยาสลบผู้เสียหาย เพื่อจับตัวมากักขังและเรียกค่าไถ่ โดยระหว่างที่ผู้เสียหายถูกกักขังได้ถูกนายยุทธนาบังคับให้ใช้มือและปากสำเร็จความใคร่ให้อีกด้วย
ด้าน พล.ต.ต.วิชัย กล่าวว่า จากการตรวจสอบประวัติของนายธนบดี พบว่า เป็นบุตรชายของอธิการบดีมหาวิทยาลัยชื่อดังในจ.นครปฐม ส่วนแม่ก็รับราชการ มีฐานะดีและมีหน้ามีตาทางสังคม
ส่วน นายยุทธนา มีอาชีพทำงานก่อสร้าง หลังจากนี้ จะเร่งติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีไปให้ได้โดยเร็ว เบื้องต้นได้แจ้งข้อหา ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่น, ปล้นทรัพย์, ร่วมกันกรรโชกทรัพย์และเรียกค่าไถ่, ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่น, ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่น และต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติตามหน้าที่ ก่อนควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อไป
จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ ว่า ก่อนหน้านี้ ตนเรียนจบชั้น ป.6 จากนั้นได้เดินทางไปเรียนต่อที่ประเทศออสเตรเลีย แต่เรียนไม่จบจึงกลับมาร่วมหุ้นกับเพื่อน เปิดร้านอินเทอร์เน็ต แต่หลังจากที่เพื่อนไปเรียนต่อตนก็เปิดร้านอีกไม่กี่ปี ก่อนจะตัดสินใจขายร้าน ซึ่งตอนนี้ก็ยังไม่ได้ทำงานอะไร แต่พ่อและแม่จะให้เงินใช้เดือนละ 10,000 บาท ตนรู้จักกับผู้เสียหาย ซึ่งเป็นสาวชาวไทยใหญ่ที่สถานบันเทิงแห่งหนึ่ง โดยมีคนแนะนำให้รู้จัก จากนั้นตนและผู้เสียหายได้ติดต่อคบหากันเรื่อยมาเป็นเวลาเกือบ 1 ปี แต่ไม่ได้จริงจังถึงขั้นเรียกว่าแฟน ก่อนเกิดเหตุตนได้พาผู้เสียหายไปพักที่บ้านใน จ.นครปฐม จากนั้นก็พามาส่งที่หอพักในกรุงเทพฯ แต่ตนได้วางแผนกับนายยุทธนา ซึ่งเป็นรุ่นน้องแถวบ้านเรียกค่าไถ่ผู้เสียหาย โดยการฉีดยาสลบใส่ในกล่องน้ำผลไม้ให้ผู้เสียหายดื่ม เมื่อผู้เสียหายสลบก็พาไปกักขังที่ทาวน์เฮาส์ ใน จ.นครปฐม ซึ่งเป็นของนายท็อป
นายธนบดี กล่าวอีกว่า ระหว่างที่นำผู้เสียหายมากักขังตนจะหลบซ่อนตัวไม่ให้ผู้เสียหายเห็น เพราะกลัวจะจำหน้าได้ จะให้ นายยุทธนา กับ นายท็อป คอยเฝ้าอยู่ ส่วนตนเป็นคนโทรศัพท์ไปหาเพื่อนของผู้เสียหาย เพื่อให้โอนเงินมาให้ แต่ก็ยังไม่ได้เงิน จนกระทั่งผ่านมาหลายวันและมาถูกตำรวจจับกุมตัวในที่สุด
ส่วนสาเหตุที่ทำลงไป เพราะว่าต้องการนำเงินไปใช้หนี้เพื่อนที่ยืมมา ประกอบกับก่อนหน้านี้ตนเคยแต่งงานกับผู้หญิงที่เป็นคนไทยใหญ่แต่ถูกหลอกจนหมดตัว ทำให้รู้สึกฝังใจเรื่อยมาและอคติกับผู้หญิงไทยใหญ่โดย เฉพาะกลุ่มที่ทำงานตามสถานบันเทิง