สมาชิกสภาเทศบาลตำบลท่าสัก อุตรดิตถ์ เข้าร้องทุกข์ต่อดีเอสไอให้ตรวจสอบความไม่โปร่งใสจัดซื้อจัดจ้างรถยนต์บรรทุกน้ำดับเพลิงแบบอเนกประสงค์ เนื่องจากพบมีการเอื้อประโยชน์ต่อพรรคพวกตัวเอง
วันนี้ (10 มี.ค.) เมื่อเวลา 11.00 น.ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ กลุ่มสมาชิกสภาเทศบาลตำบลท่าสัก อำเภอพิชัย จังหวัดอุตรดิตถ์ เดินทางมาร้องทุกข์ต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ ให้ดำเนินการเอาผิดกรณีนายชาตรี สว่างทรัพย์ นายกเทศบาล กับคณะกรรมการตรวจการจ้าง ได้ส่อเจตนาร่วมกันทุจริตการจัดซื้อจัดจ้างรถยนต์บรรทุกน้ำดับเพลิงแบบอเนกประสงค์
ตัวแทนสมาชิกสภาเทศบาลตำบลท่าสัก เปิดเผยว่า นายชาตรี สว่างทรัพย์ ได้ประกาศสอบราคาจัดซื้อจัดจ้างรถยนต์บรรทุกน้ำดับเพลิง โดยประกาศก่อนที่หมดวาระการส่งชื่อบริษัทเพียง 10 วัน ต่อมาปรากฏว่า บริษัท จินดาทรัพย์เอ็นจิเนียริ่ง เป็นบริษัทที่ชนะการประกวดราคา ซึ่งตรวจพบว่า เป็นบริษัทที่หลานชาย นายชาตรี เป็นผู้จัดหามาตั้งแต่ต้น และได้มีการทำสัญญากันในวันที่ 6 สิงหาคม 2551 และต่อมาได้มีการส่งมอบรถในอีก 2 วันต่อมา ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องผิดปกติมาก และมีข้อสังเกตอีกว่า บริษัทรถใหญ่ๆ อีกหลายบริษัท ไม่ได้มีการส่งมอบรถเร็วขนาดนี้มาก่อน อีกทั้งบริษัท จินดาทรัพย์เอ็นจิเนียริ่ง เป็นเพียงแค่บริษัทเล็กที่จดทะเบียนบริษัทไว้ 1 ล้านบาท
ตัวแทนสมาชิกสภาเทศบาล กล่าวต่อไปว่า ขั้นตอนต่อมาจะมีคณะกรรมการตรวจรับพัสดุ ซึ่งจะมีการตรวจสภาพของรถว่าผ่านหรือไม่อย่างใด โดยในครั้งที่ 1 วันที่ 22 สิงหาคม 2551 ผลปรากฎว่าตรวจไม่ผ่าน เนื่องจากพบว่าเครื่องยนต์เป็นเครื่องตกรุ่นไม่น้อยกว่า 5 ปี ซึ่งผิดกับประกาศเอกสารสอบราคาซื้อที่ระบุว่าต้องเป็นรถใหม่ล่าสุดของยี่ห้อรถ ต่อมาคณะกรรมการตรวจรับได้แจ้งให้บริษัท จินดาทรัพย์นำไปแก้ไขและได้มีการตรวจรับอีกครั้ง ซึ่งก็ไม่ได้ผ่านเกณฑ์แต่อย่างใด
ต่อมา นายชาตรี สว่างทรัพย์ ได้รับการเลือกตั้งเข้ามาในตำแหน่งเดิมที่หมดวาระลงไปอีกครั้ง มีการพูดจาหว่านล้อมให้คณะกรรมการหลงเชื่อในกรณีต่าง ๆ ว่า รถดังกล่าวมิได้มีการผิดสเปกตามเอกสารทุกอย่าง อย่างไรก็ตาม นายชาตรี ได้แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจรับขึ้นมาชุดใหม่ โดยแต่งตั้งคนของตัวเอง จนครั้งนี้เองที่คณะกรรมการตรวจรับเห็นชอบให้ผ่าน แต่กลับไม่ได้เอาผลการตรวจสอบครั้งที่ 1และ ครั้งที่ 2 มาพิจารณา กลับรีบเร่งเบิกจ่ายเงินให้กับบริษัท จินดาทรัพย์เอ็นจิเนียริ่ง
อย่างไรก็ตาม สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ได้มีหนังสือลับเรียกเงินคืนแล้ว แต่กลุ่มตนเห็นว่าจะต้องมีการดำเนินการหาผู้กระทำผิดกฎหมาย เพราะถือว่าจงใจรับรองเอกสารอันเป็นเท็จ เพื่อที่จะเบิกจ่ายเงินให้กับบริษัท จินดาทรัพย์เอ็นจิเนียริ่ง ซึ่งถือว่าทำให้รัฐสูญเสียประโยชน์ อันเป็นเงินของประชาชนอีกด้วย อีกทั้งนายชาตรี เป็นนักการเมืองท้องถิ่นที่มีผู้รู้จักกว้างขวางในจังหวัดมากมาย จึงอาจไม่มีใครเข้าไปตรวจสอบจึงได้มาร้องทุกข์ต่อดีเอสไอให้ดำเนินการหาผู้กระทำผิดในกรณีดังกล่าว