ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เตรียมขออนุมัติจาก รรท.ผบ.ตร.เพื่อขอโอนคดี “เคทอง” จากนครบาลมาดำเนินการเอง ทั้งคดีครอบครองอาวุธปืน และข่มขู่ให้ประชาชนเกิดความกลัว เชื่อเจ้าตัวยังกบดานอยู่ในประเทศ
วันนี้ (4 มี.ค.) ที่ กองปราบปราม เมื่อเวลา 14.00 น.พล.ต.ท.ไถง ปราศจากศัตรู ผบช.ก.เรียกประชุมคณะทำงานของ บก.ป.โดยมี พ.ต.อ.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ รักษาราชการแทน ผบก.ป.เข้าร่วมประชุม
พล.ต.ท.ไถง กล่าวก่อนเข้าประชุมว่ามาติดตามเรื่องที่มอบหมายให้ กองปราบปรามสืบสวนติดตามกลุ่มบุคคลเป้าหมายในคดีความมั่นคง ซึ่งดำเนินการมาตั้งแต่ 2 สัปดาห์ที่แล้ว เมื่อมีสิ่งบอกเหตุ หรือการกระทำผิดก็จะดำเนินการทันที
พล.ต.ท.ไถง กล่าวต่อว่า เมื่อวันที่ 3 มีนาคม ที่ผ่านมา ทางกำลังกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) เข้าตรวจยึดเซิร์ฟเวอร์ที่ นายพรวัฒน์ ทองสมบูรณ์ หรือ “เคทอง” คนสนิทของ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก ออกมาปล่อยข่าวผ่านวิดีโอคลิปมีการเผยแพร่ข้อความอันเป็นเท็จ ซึ่งเราพบว่าเซิร์ฟเวอร์ที่ถูกใช้งานดังกล่าวเป็นของ ร.ท.หญิง กัญญาภัทร ชูประทีป สังกัดกองบัญชาการทหารพัฒนา โดยขณะนี้อยู่ระหว่างประสานไปยังต้นสังกัด เพื่อเข้าให้การกับพนักงานสอบสวนขยายผลว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับนายพรวัฒน์ หรือไม่ รวมทั้งยังมีความเกี่ยวพันกับบุคคลใดอีกหรือไม่
“ตามปกติแล้วผู้ที่เปิดเซิร์ฟเวอร์ก็จะต้องตรวจสอบว่าผู้ที่มาขอใช้บริการนั้นเขาทำอะไรในสิ่งที่ไม่ถูกต้องไม่ได้ตรงนี้มีกฎหมายรองรับ ซึ่งเราจะตรวจสอบต่อไป หากพบว่าเขาจงใจ หรือสนับสนุนในการปล่อยให้มีการปล่อยคลิปดังกล่าวเผยแพร่ทางอินเทอร์เน็ตก็จะต้องดำเนินคดีด้วย โดยทางตำรวจตั้งประเด็นการดำเนินการไว้อย่างนั้น ส่วนถ้อยคำในคลิปทั้งหมดไม่สามารถนำมาเผยแพร่หรือใช้ทางอินเทอร์เน็ตได้ และจะอ้างว่าเป็นการแจ้งเตือนไม่ได้ เพราะเนื้อหาและสิ่งที่พูดนั้นมากกว่าแค่การเตือน” ผบช.ก.กล่าว
พล.ต.ท.ไถง กล่าวต่อว่า ขณะนี้กำลังพิจารณาเสนอ พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รักษาการ ผบ.ตร.ลงนามคำสั่งขอรับโอนคดีทั้งหมดของนายพรวัฒน์ มาจาก บช.น.โดยต้องแยกเป็น 2 ส่วน คือ คดีครอบครองกระสุนปืน หลังจากตำรวจ สน.ลาดกระบัง ได้เข้าตรวจค้นบ้านพักของ นายพรวัฒน์ ซึ่งก็พบตัวภรรยาเขา อีกส่วนคือ การกระทำความผิดในข้อหาทำให้ปรากฏให้แก่ประชาชนด้วยวิธีอื่นใดโดยมิใช่การกระทำตามความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็น หรือติชมโดยสุจริต เพื่อให้เกิดความปั่นป่วนในหมู่ประชาชนถึงขนาดที่จะก่อให้เกิดความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร และข้อหาขู่เข็ญให้ผู้อื่นเกิดความกลัวหรือตกใจ หลังจากมีการเผยแพร่คลิปดังกล่าวซึ่งในส่วนนี้ทาง บช.ก.ดำเนินการไปแล้ว ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550
“ขณะนี้ได้จัดชุดสืบสวนเฝ้าติดตามตัวนายเคทองอยู่ ซึ่งน่าจะอยู่ในประเทศ อย่างไรก็ดี การดำเนินการทั้งหมดได้รายงานให้ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งรับผิดชอบดูแลงานด้านความมั่นคง ทราบเป็นระยะๆ ซึ่งท่านได้กำชับเพียงว่าให้ดำเนินการอย่างตรงไปตรงมาและให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย” พล.ต.ท.ไถง กล่าว
วันเดียวกันที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) พล.ต.ต.สุรพล หอมชื่นชม ผบก.ปอท. เปิดเผยถึงความคืบหน้าภายหลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจยึดเครื่องคอมพิวเตอร์เซิร์ฟเวอร์ของนายพรวัฒน์ ทองธนบูรณ์ หรือฉายา เคทอง คนสนิทของ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือเสธแดง ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก เมื่อคืนที่ผ่านมาว่า ทางเจ้าหน้าที่ได้เรียกตัว ร.ท.หญิง กัลยาพัฒน์ ชูประทีป ทหารสังกัดกองบัญชาการทหารพัฒนา และนายณัฐวุฒิ บุญยืนมั่น ซึ่งเป็นเจ้าของเซิร์ฟเวอร์ ดังกล่าวมาทำการสอบปากคำแล้ว
จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า นายพรวัฒน์ ได้เช่าระบบดังกล่าวเป็นเวลามากว่า 1 ปี แล้ว ซึ่งขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ได้นำเครื่องเซิร์ฟเวอร์คอมพิวเตอร์ ส่งไปยังกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือ ไอซีที เพื่อตรวจสอบ และยืนยันหากพบว่าใครมีส่วนเกี่ยวข้องก็จะเรียกตัวมาสอบปากคำ ซึ่งในส่วนของทาง ปอท. จะดำเนินคดีในส่วนของ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ จากการเผยแพร่คลิปดังกล่าว ส่วนความผิดทางคดีอาญาทาง บช.น. จะเป็นผู้ดำเนินการต่อไป
ด้านนายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ในวันนี้ได้เดินทางเข้าพบเจ้าหน้าที่เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ โดยตนไม่ทราบว่านายพรวัฒน์ หรือ เคทอง ได้เข้ามาเช่าระบบเมื่อใด เนื่องจากก่อนหน้านี้คนที่ขอใช้เซิร์ฟเวอร์ดังกล่าวคือ นางสลักจิตร แสงเมือง หรือ ยุ้ย ซึ่งเป็นนักข่าวของกลุ่มคนเสื้อแดง โดยขอเปิดใช้เครื่องเซิร์ฟเวอร์เมื่อประมาณเดือน เม.ย.52 แต่ปัจจุบันตนทราบว่า นางสลักจิตร ได้เสียชีวิตแล้วเมื่อเดือน ก.พ. ที่ผ่านมา ส่วนเรื่องที่ นายพรวัฒน์ หรือเคทอง มาใช้เซิร์ฟเวอร์ดังกล่าวต่อจากนางสลักจิตร ได้อย่างไรตนไม่ทราบ ซึ่งตนเพิ่งจะทราบก็เมื่อตอนที่เป็นข่าว
ด้าน พ.ต.อ.พิสิษฐ์ เปาอินทร์ รอง ผบก.ปอท เปิดเผยว่า ทางเจ้าหน้าที่จะดำเนินการใน 2 ส่วน คือ ด้านหลักฐานจะส่งเครื่องเซิร์ฟเวอร์ไปยังกระทรวงไอซีที โดนมีเจ้าหน้าที่ของปอท.ไปร่วมตรวจพิสูจน์ ส่วนอีกด้านเจ้าหน้าที่จะทำการคัดลอกข้อมูลของเครื่องเซอเวอร์ดังกล่าว เพื่อหาความเชื่อมโยงระหว่างเคทอง กับบุคคลที่เกี่ยวข้องมาดำเนินคดีต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับเซิร์ฟเวอร์ ดังกล่าว มี ร.ท.หญิงกัลยาพัฒน์ ร่วมกับ นายณัฐวุฒิ ยืนมั่น เป็นเจ้าของ โดยทำการเช่าพื้นที่จาก กสท.เดือนละ 15,000 บาท และทั้ง 2 ได้นำพื้นที่มาแบ่งออกเป็น 32 ห้องสัญญาณ เพื่อให้เช่า และนายพรวัฒน์ หรือเคทอง ได้เช่าในราคา 1,000 บาทต่อเดือน และเช่ามาแล้วประมาณ 1 ปี