00...ทันที่ที่ประสบพบเห็นตัวเป็นๆ พ.ต.อ.ฤทธิรงค์ เทพจันดา หรือ “โอ๋ สืบ 6” ในอดีต ที่วันนี้เขาเปลี่ยนชื่อเสียงเรียงนามเป็น “พ.ต.อ.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์” โดยพ่วงด้วยตำแหน่ง รอง ผบก.ปส.3 โผล่ร่วมแสดงผลงานแถลงจับ 3 ผู้ต้องหาขนยาบ้า เมื่อวันที่ 2 มี.ค.ที่ผ่านมา โดยที่ “ตำรวจอดีตดาวร้ายผู้นี้” ยืนอยู่บริเวณด้านหลัง พร้อมกับแสดงท่าทีอ่อนน้อมต่อสื่อที่พบเห็น ด้วยการยกมือไหว้สื่อ
อย่างไรก็ตาม สำหรับกรณีของ “โอ๋ สืบ 6” ถือว่าพฤติกรรมของเขายังอยู่ในความทรงจำของชาวพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย อย่างไม่รู้ลืม เมื่อเขาสั่งการถ่อยอันธพาลเข้ารุมทำร้ายประชาชนต่อหน้าต่อตาที่บริเวณเซ็นทรัลเวิลด์ โดยผลแห่งการกระทำครั้งนั้น เขาถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด ก่อนที่ สตช.ให้ไล่ออก พ.ต.ท.ฤทธิรงค์ ออกจากราชการเนื่องจากมีความผิดร้ายแรง เมื่อวันที่ 20 ก.พ.2550
แม้ “โอ๋ สืบ 6” จะต่อสู้จนสุดท้าย เขาได้กลับเข้ารับราชการในตำแหน่ง รองผู้บังคับการตำรวจปราบปรามยาเสพติด 3 พร้อมกับได้เดินหน้าแสดงผลงานการปราบปรามยาเสพติด เพื่อหวังไถ่บาปที่ได้กระทำไว้ แต่นั่นคือ ความยัปยศที่เกิดขึ้นในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
วันนี้หลังเกิดเรื่องกรณี “โอ๋ สืบ 6” จึงทำให้นึกหวาดหวั่นว่า ไม่แน่เร็วๆ นี้ หรืออีกไม่นานเกินรอ อาจเห็น “พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว” อดีต ผบช.น. และ “พล.ต.ต.เพิ่มศักดิ์ ภราดรศักดิ์” อดีต ผบก.ภ.อุดรธานี 2 นายตำรวจมือเปื้อนเลือด กลับเข้ารับราชการอีกครั้ง เพราะการต่อสู้ของเขาถือว่ายังไม่จบ แม้ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดวินัยร้ายแรง แต่ ก.ตร.ยังมีมติหักดิบ มติ ป.ป.ช.ว่าตำรวจทั้ง 2 ไม่มีความผิด ซึ่งขณะนี้ เรื่องยังค้างอยู่
ส่วนชีวิตของ “เสี่ยป๊อด” พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีต ผบ.ตร.แม้เขาจะเกษียณอายุราชการไปแล้ว แต่เขาก็คือ 1 ใน 3 ตำรวจที่ ก.ตร.อุ้มสุดตัวเช่นกัน เมื่อการันตีว่า “พัชรวาท” ไม่มีความผิดตามที่ ป.ป.ช.ชี้มูล ขณะที่โจทย์ชีวิตของเขาคิดการณ์ไกลที่จะเดินเข้าสู่ถนนการเมือง หากวันใด “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม พี่ชายร่วมสายเลือดของเขาได้เป็นใหญ่ในบ้านนี้เมืองนี้ แบบเบ็ตเสร็จ
ดังนั้น เรื่องตำรวจมือเปื้อนเลือด ไม่มีความผิด และกลับเข้ารับราชการอีกครั้ง จึงเป็นเรื่องที่มีความเป็นไปได้มากๆ สำหรับตำรวจไทยยุคนี้
00...วันก่อนเมื่อเร็วๆ นี้ ได้ยินได้ฟัง เสียงร้องเรียนของชาวบ้าน ประมาณ 4-5 ราย ที่ได้บ่นเกี่ยวกับความรู้สึก ไม่ดีต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยเฉพาะที่มีชื่อเรียกสั้นๆ ว่า ตำรวจ 191 โดยเรื่องมีอยู่ว่า ครั้งที่บ้านของเขาถูกขโมยขึ้นบ้าน เขาก็นึกอะไรไม่ออก เลยต่อโทรศัพท์ไปยัง 191 เพื่อต้องการแจ้งให้ตำรวจรับทราบ หรือเพื่อรับดำเนินการแจ้งต่อไปยังตำรวจท้องที่ เพราะเขาไม่มีเบอร์โทรของตำรวจท้องที่
แต่แทนที่เขาจะได้รับคำตอบว่า “ขอบคุณครับ เดี๋ยวจะส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจไปยังบ้านเกิดเหตุนะครับ หรือ เดี๋ยวจะแจ้งให้ตำรวจท้องที่รีบไปยังที่เกิดเหตุนะครับ” แต่เขาได้ยินเต็ม 2 รูหูว่า “โทร.มาทำไมที่นี่ ไม่โทร.ไปแจ้งยามหมู่บ้านล่ะ” ทำเอาผู้โทร.ไปถึงกลับมึนงงว่า เอ้าที่ว่า “มีเหตุด่วน เหตุร้าย แจ้ง 191” ไม่ใช่หรือ
หรือว่า ....ท่านผู้การ 191 เปลี่ยนสโลแกนใหม่เป็น “เหตุด่วน เหตุร้าย ห้ามโทร.รบกวน 191”
ดังนั้น เพื่อไม่ให้ประชาชนสับสนไปมากกว่านี้ ท่านผู้การฯน่าจะไปสอบถามลูกน้อง หรือตำรวจที่มีหน้าที่รับสายว่า ทำไมจึงพูดเช่นนั้น เพราะหากปล่อยให้เรื่องเช่นนี้ เกิดขึ้นบ่อยๆ ไม่แน่วันข้างหน้า 191 อาจถูกยุบทิ้ง เพราะอยู่ไปก็ไร้ประโยชน์ ใช่ไหมครับเจ้านาย!
อย่างไรก็ตาม สำหรับกรณีของ “โอ๋ สืบ 6” ถือว่าพฤติกรรมของเขายังอยู่ในความทรงจำของชาวพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย อย่างไม่รู้ลืม เมื่อเขาสั่งการถ่อยอันธพาลเข้ารุมทำร้ายประชาชนต่อหน้าต่อตาที่บริเวณเซ็นทรัลเวิลด์ โดยผลแห่งการกระทำครั้งนั้น เขาถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด ก่อนที่ สตช.ให้ไล่ออก พ.ต.ท.ฤทธิรงค์ ออกจากราชการเนื่องจากมีความผิดร้ายแรง เมื่อวันที่ 20 ก.พ.2550
แม้ “โอ๋ สืบ 6” จะต่อสู้จนสุดท้าย เขาได้กลับเข้ารับราชการในตำแหน่ง รองผู้บังคับการตำรวจปราบปรามยาเสพติด 3 พร้อมกับได้เดินหน้าแสดงผลงานการปราบปรามยาเสพติด เพื่อหวังไถ่บาปที่ได้กระทำไว้ แต่นั่นคือ ความยัปยศที่เกิดขึ้นในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
วันนี้หลังเกิดเรื่องกรณี “โอ๋ สืบ 6” จึงทำให้นึกหวาดหวั่นว่า ไม่แน่เร็วๆ นี้ หรืออีกไม่นานเกินรอ อาจเห็น “พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว” อดีต ผบช.น. และ “พล.ต.ต.เพิ่มศักดิ์ ภราดรศักดิ์” อดีต ผบก.ภ.อุดรธานี 2 นายตำรวจมือเปื้อนเลือด กลับเข้ารับราชการอีกครั้ง เพราะการต่อสู้ของเขาถือว่ายังไม่จบ แม้ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดวินัยร้ายแรง แต่ ก.ตร.ยังมีมติหักดิบ มติ ป.ป.ช.ว่าตำรวจทั้ง 2 ไม่มีความผิด ซึ่งขณะนี้ เรื่องยังค้างอยู่
ส่วนชีวิตของ “เสี่ยป๊อด” พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีต ผบ.ตร.แม้เขาจะเกษียณอายุราชการไปแล้ว แต่เขาก็คือ 1 ใน 3 ตำรวจที่ ก.ตร.อุ้มสุดตัวเช่นกัน เมื่อการันตีว่า “พัชรวาท” ไม่มีความผิดตามที่ ป.ป.ช.ชี้มูล ขณะที่โจทย์ชีวิตของเขาคิดการณ์ไกลที่จะเดินเข้าสู่ถนนการเมือง หากวันใด “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม พี่ชายร่วมสายเลือดของเขาได้เป็นใหญ่ในบ้านนี้เมืองนี้ แบบเบ็ตเสร็จ
ดังนั้น เรื่องตำรวจมือเปื้อนเลือด ไม่มีความผิด และกลับเข้ารับราชการอีกครั้ง จึงเป็นเรื่องที่มีความเป็นไปได้มากๆ สำหรับตำรวจไทยยุคนี้
00...วันก่อนเมื่อเร็วๆ นี้ ได้ยินได้ฟัง เสียงร้องเรียนของชาวบ้าน ประมาณ 4-5 ราย ที่ได้บ่นเกี่ยวกับความรู้สึก ไม่ดีต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยเฉพาะที่มีชื่อเรียกสั้นๆ ว่า ตำรวจ 191 โดยเรื่องมีอยู่ว่า ครั้งที่บ้านของเขาถูกขโมยขึ้นบ้าน เขาก็นึกอะไรไม่ออก เลยต่อโทรศัพท์ไปยัง 191 เพื่อต้องการแจ้งให้ตำรวจรับทราบ หรือเพื่อรับดำเนินการแจ้งต่อไปยังตำรวจท้องที่ เพราะเขาไม่มีเบอร์โทรของตำรวจท้องที่
แต่แทนที่เขาจะได้รับคำตอบว่า “ขอบคุณครับ เดี๋ยวจะส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจไปยังบ้านเกิดเหตุนะครับ หรือ เดี๋ยวจะแจ้งให้ตำรวจท้องที่รีบไปยังที่เกิดเหตุนะครับ” แต่เขาได้ยินเต็ม 2 รูหูว่า “โทร.มาทำไมที่นี่ ไม่โทร.ไปแจ้งยามหมู่บ้านล่ะ” ทำเอาผู้โทร.ไปถึงกลับมึนงงว่า เอ้าที่ว่า “มีเหตุด่วน เหตุร้าย แจ้ง 191” ไม่ใช่หรือ
หรือว่า ....ท่านผู้การ 191 เปลี่ยนสโลแกนใหม่เป็น “เหตุด่วน เหตุร้าย ห้ามโทร.รบกวน 191”
ดังนั้น เพื่อไม่ให้ประชาชนสับสนไปมากกว่านี้ ท่านผู้การฯน่าจะไปสอบถามลูกน้อง หรือตำรวจที่มีหน้าที่รับสายว่า ทำไมจึงพูดเช่นนั้น เพราะหากปล่อยให้เรื่องเช่นนี้ เกิดขึ้นบ่อยๆ ไม่แน่วันข้างหน้า 191 อาจถูกยุบทิ้ง เพราะอยู่ไปก็ไร้ประโยชน์ ใช่ไหมครับเจ้านาย!
