“บิ๊กป้อม” พร้อม รปภ.ศาลฎีกา คาดไม่มีเหตุป่วน วอนคนมาฟังคำพิพากษาอยู่ในความสงบ ยังไม่ประกาศใช้กฎหมายพิเศษคุมม็อบแดง “ปณิธาน” เผย “สาทิตย์” ให้สื่อนำนักวิชาการร่วมวิเคราะห์ วอนทุกฝ่ายตั้งใจฟัง ยันพาผู้พิพากษาเก็บตัวเซฟเฮาส์เรื่องปกติ รอดูสถานการณ์หลังคำพิพากษาก่อนปรับแผน รปภ.เปา
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ให้สัมภาษณ์
วันนี้ (25 ก.พ.) ที่สภากลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวก่อนเดินทางเข้าเป็นประธานการประชุมสภากลาโหมประจำเดือนมีนาคมถึงสถานการณ์ก่อนวันพิพากษาคดียึดทรัพย์ 76,000 ล้านบาท พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้วางมาตรการเตรียมความพร้อมในการรักษาความปลอดภัย ดูแลพื้นที่โดยรอบศาลฎีกาแล้ว ซึ่งตนมองว่าในวันพรุ่งนี้ (26 ก.พ.) ที่ศาลจะมีการพิจารณาคดี ไม่น่าจะมีเหตุการณ์ใดเกิดขึ้น โดยฝ่ายทหารไม่ได้จัดเตรียมแผนงานอะไรรองรับเป็นพิเศษ ทุกอย่างเป็นหน้าที่รับผิดชอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้มีการประสานขอกำลังสนับสนุนจากกองทัพบกแล้วหากเห็นว่ามีกำลังไม่เพียงพอ
อย่างไรก็ตาม ขอร้องให้ประชาชนที่มารับฟังการพิจารณาคดีอยู่ในความสงบ ขณะที่การดูแลความปลอดภัยให้แก่องค์คณะผู้พิพากษาทั้ง 9 ท่านนั้น เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหารไม่ได้มีการจัดส่งกำลังอะไรไปดูแลเป็นพิเศษ ส่วนการนัดชุมนุมใหญ่ของกลุ่มคนเสื้อแดงในวันที่ 12 มีนาคมนี้ พล.อ.ประวิตร ระบุว่า รัฐบาลดำเนินการตามกฎหมาย แต่ไม่มีการประกาศใช้กฎหมายใดมาควบคุมสถานการณ์เป็นพิเศษ ขณะที่ในพื้นที่ต่างจังหวัด ทาง กอ.รมน.ได้มีการติดตามประเมินสถานการณ์อยู่ อย่างไรก็ตาม ขอเรียกร้องให้ประชาชนยึดหลักกฎหมายของบ้านเมือง
ขณะที่รัฐสภา นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มคนเสื้อแดงประกาศระดมพลเพื่อเข้ามาร่วมชุมนุมใหญ่ในวันที่ 12 มี.ค.ว่า ขณะนี้ในช่วงที่จะมีการพิพากษาคดียึดทรัพย์ สิ่งสำคัญคือให้ประชาชนรับรู้และเข้าใจในเรื่องที่ถูกต้อง และการวิพากษ์วิจารณ์หรือการคุยจะเปิดกว้างหลังจากที่ได้มีคำพิพากษาแล้ว ซึ่งจะมีนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี คอยดูแลและเปิดพื้นที่ให้กับสื่อต่างๆ เข้ามาแสดงความคิดเห็นร่วมกับนักวิชาการ ซึ่งเรื่องดังกล่าวคิดว่าหากทุกฝ่ายมีโอกาสฟังเหตุผลของศาล และหลังจากนั้นเปิดโอกาสให้ประชาชนได้แสดงความคิดเห็นก็จะทำให้ประชาชนส่วนใหญ่เข้าใจได้ และอยากให้ทุกฝ่ายตั้งใจฟังและให้โอกาสกระบวนการยุติธรรมในการตัดสิน
ส่วนกรณีการเก็บตัวองค์คณะผู้พิพากษาอยู่ในเซฟเฮาส์นั้น นายปณิธานกล่าวว่า เป็นมาตรการปกติ บางท่านอาจจะเดินทางไม่สะดวก บางท่านปกติไม่มีอะไร แต่ระบบที่วางไว้คือ ให้ตุลาการและประชาชนมั่นใจว่าการดูแลรักษาความปลอดภัยเป็นไปตามกติกาและมาตรฐาน ซึ่งขณะนี้มีความพร้อมในการดูแล และสายด่วน 1555 ก็ทยอยรับข้อมูลเพิ่มเติม มีการประเมินว่าสถานการณ์ขณะนี้ปกติดี ซึ่งทุกฝ่ายในขณะนี้กำลังรอฟังคำพิพากษา และหวังว่าเมื่อฟังแล้วสถานการณ์ก็จะเริ่มคลี่คลาย ขณะที่หลังจากการพิพากษาเสร็จสิ้น การรักษาความปลอดภัยขององค์คณะทั้ง 9 คนยังเหมือนเดิมหรือไม่ ก็ต้องอยู่ที่การประเมินสถานการณ์ในวันพรุ่งนี้ (26 ก.พ.) หลังจากนั้นก็มีแผนรองรับเป็นกรณีและสถานการณ์ไป ส่วนบุคคลในฝ่ายบริหาร ฝ่ายนิติบัญญัติ และฝ่ายตุลาการนั้น ถือว่าการดูแลรักษาความปลอดภัยทำครบและเต็มที่ เพราะการรักษาความปลอดภัยเราทำมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ได้มีการเพิ่มเสริมอะไร แต่ต้องทำให้ดีที่สุด ขณะนี้เชื่อมั่นได้ว่าบุคคลสำคัญในฝ่ายบริหาร ฝ่ายตุลาการ และฝ่ายนิติบัญญัติ ได้รับการดูแลอย่างดีไม่น่ามีปัญหาอะไร