xs
xsm
sm
md
lg

“ไถง” ตั้งทีมสืบสวนสอบสวนลุยคดีม็อบการเมืองโดยเฉพาะ

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

 พล.ต.ท.ไถง ปราศจากศัตรู ผบช.ก.
ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง สั่งแต่งตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน ติดตามการดำเนินกิจกรรมในทางการเมืองของกลุ่มมวลชนต่างๆ ระบุหากพบมีการกระทำความผิดให้ทำการสืบสวนแสวงหาข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายทันที

วันนี้ (18 ก.พ.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.ไถง ปราศจากศัตรู ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) ลงนามคำสั่งที่ 40/2553 เรื่องแต่งตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน เพื่อทำการสืบสวน ติดตาม การดำเนินกิจกรรมในทางการเมืองของกลุ่มมวลชนต่างๆ หากพบว่ามีการกระทำความผิดให้ทำการสืบสวนแสวงหาข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย ซึ่งคำสั่งลงวันที่ 17 กุมภาพันธ์ โดยมอบหมายให้ พ.ต.อ.สุพิศาล ภักดีนฤนาท รักษาราชการแทนผู้บังคับการกองบังคับการปราบปราม (รรท.ผบก.ป.) รับผิดชอบ กำกับดูแล การสืบสวนสอบสวน ซึ่งแบ่งเป็น 3 ชุด

ทั้งนี้ พนักงานสืบสวนสอบสวนชุดที่ 1 มี พ.ต.อ.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต รองผบก.ป. เป็นหัวหน้าคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน พ.ต.ท.มนตรี เทศขัน รองผกก.3 บก.ปคม. พ.ต.ท.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ รองผกก.1 บก.ป. เป็นพนักงานสืบสวนสอบสวน พร้อมคณะรวม 12 คน ขณะที่พนักงานสืบสวนสอบสวนชุดที่ 2 ประกอบด้วย พนักงานสืบสวนสอบสวน 12 คน มี พ.ต.อ.สำราญ ยินดีอารมณ์ รอง ผบก.ป. เป็นหัวหน้า มี พ.ต.ท.อดินันท์ ชัยนันท์ รอง ผกก. 1 บก.ป. พ.ต.ท.โกมล สืบจากลี พนักงานสอบสวน (สบ 3) กก.3บก.ปคบ. เป็นพนักงานสืบสวนสอบสวน ขณะเดียวกัน ชุดที่ 3 มี พ.ต.อ.สานิตย์ มหถาวร รอง ผบก.ป.เป็นหัวหน้า พ.ต.ท.สุมรภูมิ ไทยเขียว รอง ผกก.1 บก.ป. พ.ต.ท.ประเจต ภาพสมุทร พงส.(สบ 3) กก.4 บก.ปคบ. เป็นพนักงานสืบสวนสอบสวน รวมทั้งชุด 12 คน

ทั้งนี้ คำสั่งดังกล่าวระบุให้คณะพนักงานสืบสวนสอบสวนมีอำนาจหน้าที่ 1.สืบสวนติดตาม การดำเนินกิจกรรมในทางการเมืองของกลุ่มมวลชนต่างๆ หากพบว่ามีการกระทำความผิด ให้ทำการสืบสวนแสวงหาข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดี 2.ให้มีอำนาจหน้าที่รับคำร้องทุกข์กล่าวโทษ เมื่อมีหน่วยงานหรือบุคคลใดร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีอาญากับผู้กระทำความผิดเนื่องจากสถานการณ์ดังกล่าวและทำการสืบสวนสอบสวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา พ.ศ.2499 ประมวลระเบียบการตำรวจเกี่ยวกับคดี ลักษณะที่ 8 การสอบสวน และระเบียบที่เกี่ยวข้องให้เสร็จภายในกำหนด ทั้งนี้ เรื่องนี้ถือเป็นเหตุพิเศษต้องรายงานโดยด่วนและเคร่งครัด และให้หัวหน้าพนักงานสอบสวนทุกชุดรายงานผลการสืบสวนให้ บช.ก.ทราบทุกวันที่ 10, 20 และ 30 ของเดือน

ต่อมา ที่ กองปราบปราม เมื่อเวลา 10.00 น.พล.ต.ท.ไถง ปราศจากศัตรู ผบช.ก.ได้เรียกประชุมคณะพนักงานสอบสวน นำโดย พ.ต.อ.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ รักษาการ ผบก.ป. พ.ต.อ.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต พ.ต.อ.ศานิตย์ มหถาวร พ.ต.อ.สำราญ ยินดีอารมณ์ รอง ผบก.ป. ที่ บช.ก. มีคำสั่งแต่งตั้งขึ้นเพื่อรองรับนโยบายของคณะกรรมการติดตามสถานการณ์ความมั่นคง หรือ คตม. ในการเฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวทางการเมืองของทุกกลุ่ม รวมทั้งดำเนินคดีต่างๆที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงที่เป็นผลสืบเนื่องมาจากการเคลื่อนไหวทางการเมืองที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต โดยเฉพาะในช่วงที่จะมีการพิจารณาคดียึดทรัพย์ 76,000 ล้านบาท ของ นช.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี

พล.ต.ท.ไถง กล่าวภายหลังการประชุมว่า ที่ต้องตั้งคณะพนักงานสอบสวนขึ้นมาดูแลคดีความมั่นคงก็เพราะมีหลายเรื่องเป็นเหตุที่เกิดขึ้นพร้อมกันและเป็นเรื่องเดียวกันซึ่งแต่ละท้องที่ก็จะส่งมอบให้กองปราบปรามดำเนินการทุกครั้ง ครั้งนี้จึงเตรียมพนักงานสอบสวนรอไว้เหตุเกิดที่ไหนเมื่อไรก็พร้อมทำงานได้ทันที

เมื่อถามว่าแสดงว่ามีสัญญาณว่าจะเกิดความรุนแรงขึ้น พล.ต.ท.ไถง กล่าวว่า ไม่ถึงขนาดนั้น แต่เป็นการเตรียมความพร้อมไว้เพราะที่เคยปฏิบัติมานั้นจะตั้งพนักงานสอบสวนก็ต่อเมื่อมีเหตุเกิดขึ้นแล้ว แต่ครั้งนี้จะมีการเตรียมการโดยใช้หลักพฤติกรรมศาสตร์มาตรวจสอบ เก็บข้อมูลก่อนเกิดเหตุไว้ทั้งหมด เมื่อเกิดเหตุแล้วเราสามารถนำเรื่องเหล่านั้นขึ้นมาพิจารณาได้

“ผมกำชับว่าให้ปฏิบัติตามกฎหมายโดยเคร่งครัด ไม่เลือกฝ่าย ไม่เลือกสี ให้ทำตามหน้าที่ ใครทำผิดตรงไหนก็ดำเนินการไปทุกเรื่อง ส่วนสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ตั้ง ศปก.ตร.เข้าดูแลงานทั้งหมดในเรื่องนี้ ส่วนหนึ่งคือการเฝ้าฝังเหตุการณ์ทั้งหลายซึ่งจะมาสนับสนุนการงานทำงานของพนักงานสอบสวนกองปราบปราม” ผบช.ก.กล่าว

ส่วนคดีที่คณะพนักงานสอบสวนชุดนี้จะดำเนินการนั้น พล.ต.ท.ไถง กล่าวว่า จะทำการสอบสวนเฉพาะคดีที่เกี่ยวกับความมั่นคงของรัฐเท่านั้น โดยจะมีกรอบระยะเวลาการทำงานประมาณ 30 วัน ตั้งแต่วันที่ 17 ก.พ.เป็นต้นไป หลังจากพ้นกำหนดแล้วถ้าไม่มีเหตุการณ์อะไรก็จะกลับไปทำงานตามปกติ ส่วนการเฝ้าฟังการปราศรัยต่างๆนั้นเป็นหน้าที่ของแต่ละกองบัญชาการที่รับผิดชอบแต่ละพื้นที่ โดยภาพรวม ศปก.ตร.และสันติบาลจะเป็นผู้รับผิดชอบ ซึ่งจะเป็นข้อมูลหลักที่คณะพนักงานสอบสวนชุดนี้จะนำมาพิจารณาหากเกิดเหตุการณ์ใดๆขึ้น อย่างไรก็ตามคณะทำงานชุดนี้ได้ตรวจสอบกลุ่มบุคคลที่ร่วมชุมนุมย้อนหลังไประยะหนึ่งเพื่อนำมากำหนดกลุ่มบุคคลไว้หากเกิดเหตุในอนาคตก็จะสามารถนำมาพิจารณาได้ว่าเป็นผู้ที่เกี่ยวข้องหรือทำให้เกิดเหตุดังกล่าวหรือไม่
กำลังโหลดความคิดเห็น