นครบาลสนธิกำลังทหารภาค 1 เพิ่มจุกตรวจ 5 จุดคุมเข้มรอบทำเนียบ-สถานที่ราชการตลอด 24 ชั่วโมง หลังถูกมือมืดวางระเบิด ด้าน ผบช.น.ตรวจศาลฎีกาไม่พบสิ่งผิดปกติ ชี้เหตุรุนแรงขึ้นเรื่อยๆเพราะมีคนจ้อผ่านสื่อชี้นำ
วันนี้ (15 ก.พ.) เมื่อเวลา 22.00 น.ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 ปล่อยแถวสนธิกำลังตั้งจุดตรวจร่วมระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาลและทหารจากกองทัพภาคที่ 1 จำนวน 44 นาย หลังเกิดเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดสถานที่สำคัญ โดยมีตำรวจชุดเคลื่อนที่เร็วปะ-ฉะ-ดะ 35 นาย พร้อมรถจักรยานยนต์ 26 คัน และสายสืบจำนวน 80 นาย เพื่อเป็นการป้องกันและเผ้าระวังเหตุไม่สงบ โดยเริ่มตั้งแต่เวลา 22.00-06.00 น.ทุกวัน ก่อนดำเนินตามแผนปฏิบัติการของสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในวันที่ 21 ก.พ.
พล.ต.ท.สัณฐาน กล่าวว่า ซึ่งแผนดังกล่าวเกิดขึ้นหลังเกิดปัญหาผู้ไม่หวังดีก่อความไม่สงบ นำไปสู่ความไม่มั่นคงของประชาชน การชุมนุมที่รุนแรงเกินสิทธิตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด ทำให้สถานการณ์มีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ มีการตรวจพบระเบิด และกระสุนปืนจากผู้ไม่หวังดี รวมทั้งการออกมาให้สัมภาษณ์ชี้นำให้เกิดเหตุรุนแรงของคนบางกลุ่ม รวมทั้งเหตุระเบิดที่เพิ่งเกิดขึ้น 2 ครั้งในวันเดียว
พล.ต.ท.สัณฐาน กล่าวต่อว่า ทาง บช.น.จึงได้กำหนดแผนในการตั้งด่านตรวจสกัดปราบปรามดูแลความสงบในพื้นที่ใน กรุงเทพ เน้นการตรวจค้นผู้ต้องสงสัยและอาวุธ ในรัศมี 400 เมตรโดยรอบทำเนียบรัฐบาล และสถานที่สำคัญต่างๆ โดยเพิ่มจุดตรวจจำนวน 5 จุดในสถานที่สำคัญเพื่อดูแลตลอด 24 ชั่วโมง จำนวน 5 จุด คือ กระทรวงการต่างประเทศ องค์การสหประชาชาติ ทำเนียบรัฐบาล รัฐสภาและศาลฎีกา
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศดูแลความสงบเรียบร้อยบริเวณหน้าศาลฎีกา หลังเกิดเหตุคนร้ายลอบนำระเบิดซีโฟร์มาวางไว้เมื่อวันที่ 14 ก.พ.ที่ผ่านมาว่า ตำรวจนครบาลได้นำแผงรั้วเหล็กมากั้นโดยรอบศาลฎีกา และนำสปอร์ตไลท์มาติดตั้งเพื่อให้แสงสว่างโดยรอบ
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า นอกจากนี้มีการตั้งด่านตรวจเข้มซึ่งมีการสนธิกำลังระหว่างตำรวจและทหาร โดยเมื่อเวลา 23.00 น.ที่ผ่านมา พล.ต.ท.สัณฐาน ได้เข้าตรวจความเรียบร้อยบริเวณจุดตรวจหน้าศาลฎีกาด้วยตนเอง ซึ่งสถานการณ์โดยรวมยังไม่พบสิ่งผิดปกติแต่อย่างใด
วันนี้ (15 ก.พ.) เมื่อเวลา 22.00 น.ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 ปล่อยแถวสนธิกำลังตั้งจุดตรวจร่วมระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาลและทหารจากกองทัพภาคที่ 1 จำนวน 44 นาย หลังเกิดเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดสถานที่สำคัญ โดยมีตำรวจชุดเคลื่อนที่เร็วปะ-ฉะ-ดะ 35 นาย พร้อมรถจักรยานยนต์ 26 คัน และสายสืบจำนวน 80 นาย เพื่อเป็นการป้องกันและเผ้าระวังเหตุไม่สงบ โดยเริ่มตั้งแต่เวลา 22.00-06.00 น.ทุกวัน ก่อนดำเนินตามแผนปฏิบัติการของสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในวันที่ 21 ก.พ.
พล.ต.ท.สัณฐาน กล่าวว่า ซึ่งแผนดังกล่าวเกิดขึ้นหลังเกิดปัญหาผู้ไม่หวังดีก่อความไม่สงบ นำไปสู่ความไม่มั่นคงของประชาชน การชุมนุมที่รุนแรงเกินสิทธิตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด ทำให้สถานการณ์มีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ มีการตรวจพบระเบิด และกระสุนปืนจากผู้ไม่หวังดี รวมทั้งการออกมาให้สัมภาษณ์ชี้นำให้เกิดเหตุรุนแรงของคนบางกลุ่ม รวมทั้งเหตุระเบิดที่เพิ่งเกิดขึ้น 2 ครั้งในวันเดียว
พล.ต.ท.สัณฐาน กล่าวต่อว่า ทาง บช.น.จึงได้กำหนดแผนในการตั้งด่านตรวจสกัดปราบปรามดูแลความสงบในพื้นที่ใน กรุงเทพ เน้นการตรวจค้นผู้ต้องสงสัยและอาวุธ ในรัศมี 400 เมตรโดยรอบทำเนียบรัฐบาล และสถานที่สำคัญต่างๆ โดยเพิ่มจุดตรวจจำนวน 5 จุดในสถานที่สำคัญเพื่อดูแลตลอด 24 ชั่วโมง จำนวน 5 จุด คือ กระทรวงการต่างประเทศ องค์การสหประชาชาติ ทำเนียบรัฐบาล รัฐสภาและศาลฎีกา
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศดูแลความสงบเรียบร้อยบริเวณหน้าศาลฎีกา หลังเกิดเหตุคนร้ายลอบนำระเบิดซีโฟร์มาวางไว้เมื่อวันที่ 14 ก.พ.ที่ผ่านมาว่า ตำรวจนครบาลได้นำแผงรั้วเหล็กมากั้นโดยรอบศาลฎีกา และนำสปอร์ตไลท์มาติดตั้งเพื่อให้แสงสว่างโดยรอบ
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า นอกจากนี้มีการตั้งด่านตรวจเข้มซึ่งมีการสนธิกำลังระหว่างตำรวจและทหาร โดยเมื่อเวลา 23.00 น.ที่ผ่านมา พล.ต.ท.สัณฐาน ได้เข้าตรวจความเรียบร้อยบริเวณจุดตรวจหน้าศาลฎีกาด้วยตนเอง ซึ่งสถานการณ์โดยรวมยังไม่พบสิ่งผิดปกติแต่อย่างใด
