นครบาลตั้งทีมสืบ 2 ชุด หาพยานหลักฐาน-เร่งตามจับคนร้าย ลอบวางระเบิดซีโฟร์ภายในรั้วศาลฎีกา บึ้มพาณิชย์พระนคร ยังไม่ชัดเป็นคนร้ายกลุ่มเดียวกันก่อเหตุ “สัณฐาน” สั่งเพิ่มกำลังสายตรวจ และชุด ปะ-ฉะ-ดะ ช่วย รปภ.สถานที่สำคัญที่เกี่ยวข้องทางการเมืองให้เข้ม
วันนี้ (15 ก.พ.) เมื่อเวลา 10.30 น.ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 เปิดเผยความคืบหน้ากรณีที่เกิดเหตุระเบิดขึ้นภายในมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล วิทยาเขตพณิชยการพระนคร แขวงดุสิต เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กทม. ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 13 ก.พ.53 และเหตุการณ์ที่คนร้ายลอบวางระเบิดซีโฟร์ ภายในรั้วศาลฏีกาฝั่งตรงข้ามคลองหลอด แขวงชนะสงคราม เขตพระนคร กทม. แต่เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้สามารถยิงทำลายได้ทัน เมื่อวันที่ 14 ก.พ.ที่ผ่านมาว่า สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้ง 2 จุด ขณะนี้อยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวนโดยได้ตั้งคณะทำงานออกเป็น 2 ชุด ชุดแรกได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.วีรวิทย์ จันทร์จำเริญ รอง ผบก.น.1 เป็นหัวหน้าชุด ดูแลเรื่องการสืบสวนสอบสวนหาพยานหลักฐานทางคดี ชุดที่ 2 ให้ พ.ต.อ.สุรพงษ์ ชัยจันทร์ รอง ผบก.น.1 เป็นหัวหน้าชุด ดูแลเรื่องการสืบสวนสอบสวนหาตัวคนร้าย
พล.ต.ต.วิชัย กล่าวอีกว่า คดีที่เกิดเหตุระเบิดข้างทำเนียบรัฐบาลขณะนี้ได้สอบปากคำพยานไปแล้ว 5 ปาก และคดีลอบวางระเบิดที่ศาลฏีกาได้สอบปากคำพยานไปแล้ว 4 ปาก ซึ่งเป็นรปภ.และแม่ค้าที่อยู่ใกล้กับศาลฎีกา คาดว่าน่าจะได้เบาะแสที่เป็นประโยชน์ในการติดตามจับกุมตัวคนร้าย
ส่วนระเบิดที่คนร้ายนำไปวางไว้ภายในรั้วศาลฎีกานั้น มีการตั้งเวลาเอาไว้และน่าจะใช้วิธีการจุดชนวนด้วยรีโมตคอนโทรล อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ทั้ง 2 จุดที่เกิดขึ้นจะมีความเชื่อมโยงกันหรือไม่ และคนร้ายจะเป็นกลุ่มใดนั้นตนยังไม่สามารถระบุได้ ต้องรอผลการสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานให้ชัดเจนก่อน หลังจากที่เกิดเหตุดังกล่าวขึ้นก็ยังไม่มีใครร้องขอกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจให้เข้าไปดูแลความปลอดภัยเพิ่มเติม
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงมาตรการการรักษาความปลอดภัยหลังจากที่เกิดเหตุ ผบก.น.1 กล่าวว่า หลังจากที่เกิดเหตุทั้ง 2 จุด ทาง พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผบช.น.ได้สั่งการให้เพิ่มกำลังดูแลความสงบเรียบร้อย เพิ่มกำลังสายตรวจ โดยให้ตำรวจ สวป.ที่ออกเวรแล้วมาช่วย และยังให้ชุดเคลื่อนที่เร็ว ปะ-ฉะ-ดะ มาช่วยตรวจในเวลากลางคืนด้วย โดยเริ่มออกตรวจตั้งแต่ช่วงหัวค่ำจนถึงตอนเช้า โดยใช้รถสายตรวจ 26 คัน
นอกจากนี้ยังสั่งการให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนนอกเครื่องแบบอีกกว่า 80 คน ซุ่มดูตามจุดเสี่ยงต่างๆ พร้อมทั้งให้กำลังตำรวจ บก.น.3 จัดกำลังเจ้าหน้าที่ปจ.ดูแลความปลอดภัยตามสถานที่สำคัญต่างๆ โดยเฉพาะสถานที่ที่มีความเกี่ยวข้องกับเรื่องของการเมือง โดยในวันนี้จะมีการประชุมเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องเพื่อคลี่คลายคดีที่เกิดขึ้น
ต่อมาเมื่อเวลา 11.00 น.พ.ต.ท.ภูเบศ เส้นขาว รอง ผกก.สส.สน.นางเลิ้ง กล่าวถึงความคืบหน้าคดีคนร้ายลอบยิงระเบิด M 79 ภายในมหาวิทยาลัยราชมงคล วิทยาเขตพาณิชย์พระนคร เมื่อคืนกลางดึกวันที่ 13 ก.พ.ที่ผ่านมาว่า เจ้าหน้าที่ได้สอบปากคำพยานแวดล้อม ประกอบด้วยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย นักการภารโรง และเจ้าหน้าที่ของพาณิชย์พระนครฯ ที่อยู่ใกล้เคียงบริเวณจุดเกิดเหตุแล้ว โดยทุกคนต่างให้การว่า ขณะเกิดเหตุเป็นเวลากลางคืนจึงทำให้ไม่มีใครเห็นเหตุการณ์อย่างชัดเจน ได้ยินเพียงแต่เสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวเท่านั้น ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ก็ได้ประสานขอกล้องวงจรปิดจากมหาวิทยาลัยฯ เพื่อส่งให้ บช.น.ทำการตรวจสอบไปแล้ว
พ.ต.ท.ภูเบศ กล่าวอีกว่า ส่วนการสืบหาพยานหลักฐานจากที่เกิดเหตุนั้น เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจสอบเสร็จสิ้นไปตั้งแต่เมื่อวานนี้ (14 ก.พ.) แล้ว ฝากถึงประชาชนหากใครมีข้อมูลเบาะแสของคนร้าย ก็ให้ประสานเข้ามาให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส่วนการสืบสวนติดตามจับกุมตัวคนร้ายนั้น คงไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ เพราะจะต้องรายงานต่อผู้บังคับบัญชาโดยตรง เพื่อดำเนินการติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป
ด้าน พ.ต.อ.ขิง แขวงวิเศษชัยชาญ ผกก.สน.ชนะสงคราม กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีคนร้ายลอบวางระเบิดซีโฟร์ศาลฎีกา สนามหลวงว่า วันนี้ พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผบช.น. ได้เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมกำชับการทำงานอย่างรัดกุมรอบคอบ โดยขณะนี้พยานหลักฐานต่างๆในคดีทั้งหมด ทางพนักงานสอบสวนได้นำมอบให้ที่ประชุมเพื่อรายงานผู้บังคับบัญชารับทราบแล้ว แต่ไม่สามารถเปิดเผยในรายละเอียดได้
พ.ต.อ.ขิง กล่าวต่อว่า ในส่วนของการประชุมนั้น ผบช.น.ได้สั่งให้ตำรวจปจ. เข้ามาดูแลในเรื่องของการรักษาความปลอดภัย และคอยตรวจตราบริเวณโดยรอบศาลฎีกา รวมทั้งสถานที่สำคัญต่างๆ ซึ่งชุดตำรวจปจ.นี้ จะแบ่งออกเป็น 2 ชุด ผลัดกันดูแลความปลอดภัยในช่วงเช้า และช่วงเย็น นอกจากนี้ยังได้สั่งการให้ไม่ให้ร้านค้าแผงลอยต่างๆ ตั้งขายของบริเวณรอบศาลฎีกา เพื่อความปลอดภัยของสถานที่ราชการและผู้ค้าเอง โดยเรื่องนี้ทาง บช.น.จะประชาสัมพันธ์ให้ทราบอีกครั้ง