ใกล้วันพิพากษาคดียึดทรัพย์ กลุ่มผู้ไม่หวังดียิ่งก่อเหตุไม่หยุด ล่าสุดวางกล่องน้ำผลไม้ซุกระเบิดซีโฟร์พร้อมต่อวงจรเตรียมบึ้มในรั้วศาลฎีกา โชคดี รปภ.ไปพบ แจ้งตำรวจใช้ปืนยิงน้ำทำลายได้ทัน
วันนี้ (14 ก.พ.) เมื่อเวลา 09.30 น. ร.ต.ท.จำรัส ดอกไม้เทศ พนักงานสอบสวน (สบ1) สน.ชนะสงคราม รับแจ้งพบวัตถุต้องสงสัยภายในรั้วศาลฎีกา ฝั่งตรงข้ามคลองหลอด แขวงชนะสงคราม เขตพระนคร กทม. จึงประสานเจ้าหน้าที่กลุ่มงานตรวจพิสูจน์และเก็บกู้วัตถุระเบิด บก.ตปพ. และเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) รุดไปตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุบริเวณใต้ต้นคูนริมรั้วศาลฎีกา เจ้าหน้าที่พบถุงพลาสติกสีชมพู ภายในมีกล่องน้ำผลไม้ยี่ห้อมาลี ขนาด 1 ลิตรวางอยู่ ตรวจสอบคาดว่าภายในอาจมีวัตถุระเบิด เจ้าหน้าที่จึงรีบกันประชาชนในละแวกใกล้เคียงออกจากบริเวณดังกล่าว พร้อมกั้นเชือกไว้เป็นพื้นที่หวงห้าม จากนั้นชุดปฏิบัติการเก็บกู้วัตถุระเบิดได้ใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เข้าทำการตรวจสอบให้แน่ชัดอีกครั้ง ก่อนตัดสินใจใช้ปืนฉีดน้ำแรงดันสูงฉีดใส่วัตถุต้องสงสัยที่พบ จนเกิดเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวขึ้นจำนวน 1 ครั้ง
เมื่อเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้เข้าไปตรวจสอบวัตถุดังกล่าวอีกครั้งก็พบว่า ภายในกล่องน้ำผลไม้เป็นระเบิดโซีโฟร์ ขนาดประมาณ 3 ปอนด์ และมีสายไฟกับแผงวงจรสวิตช์อยู่ที่ตำแหน่ง on พร้อมทำงานคาดว่าน่าจุดระเบิดด้วยโทรศัพท์มือถือ หรือรีโมตคอนโทรล ที่อยู่ใกล้กับศาลฎีกา จากนั้นเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้จึงได้เก็บและวัตถุดังกล่าวรวมทั้งสะเก็ดระเบิดไปตรวจสอบ
จากการสอบสวน นายประคอง มหาเนตร เจ้าหน้าที่ รปภ.ประจำศาลฎีกา กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุตนและเพื่อน รปภ.ได้เข้าเวรเดินตรวจตราโดยรอบบริเวณศาล ระหว่างที่เดินมาถึงรั้วฝั่งตรงข้ามคลองหลอด สังเกตเห็นถุงพลาสติกสีชมพูวางอยู่ใต้ต้นคูณจึงเดินเข้าไปดู ตนเห็นถุงพลาสติกดังกล่าวมัดปากถุงอย่างแน่นหนาจึงแกะออกดู เมื่อแกะออกก็พบกล่องน้ำผลไม้ขนาด 1 ลิตร แต่มีน้ำหนักผิดปกติเมื่อพลิกดูใต้กล่องก็พบว่ามีสายไฟโผล่ออกมาจึงรีบวางไว้ที่เดิมและแจ้งให้เจ้าหน้าที่มาตรวจสอบ
นายประคองกล่าวอีกว่า ปกติแล้วริมรั้วภายนอกศาลฎีกาจะมีผู้คนเดินไปมาค่อนข้างพลุกพล่าน บางครั้งก็จะนั่งพักข้างรั้วและทิ้งขวดน้ำและถุงพลาสติกเอาไว้จำนวนมาก แต่ขณะที่ตนเข้าเวรก็ไม่ได้สังเกตเห็นสิ่งผิดปกติใดๆ เป็นไปได้ว่าคนร้ายอาจจะนำถุงพลาสติกที่ใส่ระเบิดมาวางไว้โดยการยื่นมาจากริมรั้วด้านข้างฝั่งคลองหลอด
ด้าน พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ เปิดเผยว่า เบื้องต้นหลังจากเกิดเหตุตนได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบแล้ว และได้ให้พนักงานสอบสวนเร่งสอบปากคำพยาน พร้อมทั้งให้ชุดเก็บกู้ทำการเก็บวัตถุดังกล่าวและสะเก็ดระเบิดไปตรวจสอบอย่างละเอียดแล้ว จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าเป็นระเบิดซีโฟร์พร้อมที่จะทำงานแต่เจ้าหน้าที่เก็บกู้ได้ทัน ส่วนกล้องวงจรปิดอยู่ระหว่างการตรวจสอบเพื่อนำมาเป็นหลักฐานในการติดตามตัวคนร้าย อย่างไรก็ตามยังไม่สามารถสรุปสาเหตุการลอบวางระเบิดที่แน่ชัดได้
ส่วนความคืบหน้า กรณีคนร้ายลอบยิงระเบิดเอ็ม 79 เข้าไปภายในมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร (พาณิชยการพระนคร) ถ.พระราม 5 ริงคลองผดุงกรุงเกษม แขวงดุสิต เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กทม. ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับทำเนียบรัฐบาล เมื่อกลางดึกที่ผ่านมา ล่าสุดวันนี้ (14 ก.พ.) เมื่อเวลา 09.00 น. พล.ต.ต.สุเมธ เรืองสวัสดิ์ รองผบช.น. พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 พ.ต.อ.วีรวิทย์ จันทร์จำเริญ รองผบก.น.1 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กลุ่มงานตรวจพิสูจน์และเก็บกู้วัตถุระเบิด บก.ตปพ. และเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) และเจ้าหน้าที่ตำรวจสน.นางเลิ้ง ได้เดินทางเข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ
จากการตรวจสอบที่บริเวณบริเวณซุ้มศาลาหัวลำโพง 2472 ในรั้วมหาวิทยาลัย พบว่าบนหลังคามีร่องรอยเป็นรูโหว่ ได้รับความเสียหาย นอกจากนี้ยังมีรถยนต์ 4 คัน และผนังตึกได้รับความเสียหายอีกด้วย ซึ่งจากการตรวจสอบสะเก็ดระเบิดคาดว่าเป็นระเบิดชนิด เอ็ม 79 นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้ยังได้ทำการตรวจหาวิถีกระสุน โดยห้ามไม่ให้บุคคลที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าไปในบริเวณที่เกิดเหตุอย่างเด็ดขาด
หลังจากทางเจ้าหน้าที่ได้เข้าทำการตรวจสอบที่เกิดเหตุระเบิดเสร็จสิ้นแล้ว พล.ต.ต.สุเมธ เรืองสวัสดิ์ รองผบช.น. และ พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 ที่เดินทางมาตรวจสอบที่เกิดเหตุด้วย ไม่ได้ให้สัมภาษณ์ใดๆ กับผู้สื่อข่าว ซึ่งเจ้าหน้าที่จากกองพิสูจน์หลักฐานสามารถเก็บหลักฐานเป็นสะเก็ดระเบิดได้เป็นจำนวนมาก ซึ่งคาดว่าสะเก็ดระเบิดดังกล่าว น่าจะเป็นชนิด M79 ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจจากกลุ่มงานตรวจสอบที่เกิดเหตุ กองพิสูจน์หลักฐาน ยังต้องรอเจ้าหน้าที่ฝ่ายขีปนวิถี เข้าร่วมทำการตรวจสอบหาวิถีแนวระเบิดต่อไป