อาจารย์เมืองปทุม แจ้งความดำเนินคดี “ตุ้ย เอ็กซเรย์” หมอดูตาทิพย์ชื่อดัง หลอกโอนเงินซื้อซีดีบริจาคทำบุญใหญ่ถวายพ่อหลวง 1.1 ล้านบาท ในวันที่ 5 ธันวา 51 แต่ถึงกำหนดหมอดูตาทิพย์เบี้ยวไม่ทำตามสัญญา แถมชักปืนขู่ กลัวสูญเงินฟรีและไม่ปลอดภัยจึงร้องขอความเป็นธรรม
วันนี้ (11 ก.พ.) ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 11.00 น. นางลีน่า จังจรรจา ประธานมูลนิธิลีน่าจัง ได้พานางสุทธิพร อรุณ อายุ 52 ปี อาจารย์โรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.ปทุมธานี อยู่บ้านเลขที่ 23 ถนนรังสิต-นครนายก ซอย 13 แยก 11 ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี เข้าพบ พ.ต.อ.พรศักดิ์ สุรสิทธิ์ ผกก.1 บก.ป. เพื่อแจ้งความดำเนินคดีต่อนายจักรินทร์ โกศัยดิลก หรือ “ตุ้ย เอ็กซเรย์” หรืออาจารย์ตุ้ย เจ้าของฉายา “คนตาทิพย์” ซึ่งเคยเอกซเรย์กรรมให้บรรดาคนดังในแวดวงต่างๆ และมีผลงานหนังสือชื่อ “เอกซเรย์กรรม” และ “คนส่งวิญญาณ” ในข้อหาฉ้อโกง หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ และข้อหาข่มขู่ทำให้ตกใจกลัว โดยนำแผ่นซีดีเพลง “ชุดดวงใจพ่อ” ภาพถ่าย สลิป การโอนเงินเข้าบัญชีธนาคาร และเอกสารที่เกี่ยวข้อง มอบให้พนักงานสอบสวนไว้เป็นหลักฐาน
นางสุทธิพรกล่าวว่า รู้จักกับอาจารย์ตุ้ย จากรายการโทรทัศน์ทางเคเบิลทีวีแห่งหนึ่งที่มีการทิ้งหมายเลขโทรศัพท์ติดต่อเอาไว้ ต่อมาช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน 2551 ตนมีปัญหาด้านการเงินจึงโทรศัพท์ไปปรึกษากับอาจารย์ตุ้ย พร้อมกับนำเช็คจำนวน 6 ฉบับ มูลค่า 9 แสนบาท ที่ไม่สามารถขึ้นเงินได้ไปปรึกษาจนได้รับคำแนะนำให้สะเดาะเคราะห์ และยังได้รับการแนะนำให้ไปดูดวงที่สำนักงานอาจารย์ตุ้ย ชั้น 4 ห้างสรรพสินค้าอิมพีเรียลลาดพร้าว หลังจากนั้นไม่กี่วันอาจารย์ตุ้ย ได้เดินทางมาหาตนที่บ้านพักชักชวนให้ร่วมทำบุญใหญ่โดยซื้อแผ่นซีดีเพลงชุด “ดวงใจพ่อ” ที่ขับร้องโดยอาจาย์ตุ้ย และ น.ส.พิมพ์วรัชญ์ โกศัยดิลก พี่สาวของอาจารย์ตุ้ย ในราคาแผ่น 199 บาท ซึ่งโครงการดังกล่าวมีกำหนดจะทำออกจำหน่ายจำนวน 1 ล้านแผ่น เพื่อนำรายได้จำนวน 99 ล้านบาท ขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายเป็นพระราชกุศล
นางสุทธิพรกล่าวต่อไปว่า เมื่อตนเห็นว่าเป็นงานบุญครั้งใหญ่ และเป็นโอกาสดีที่จะได้มีส่วนร่วม จึงบอกบุญต่อกับเพื่อนบ้านอีกกว่า 10 ราย ให้มาร่วมทำบุญ จากนั้นอาจารย์ตุ้ย ก็มาหาตนที่บ้านพักและที่โรงเรียนอีก 2 ครั้ง นอกจากนี้ยังโทรศัพท์มาหาอีกนับครั้งไม่ถ้วน ซึ่งแต่ละครั้งอาจารย์ตุ้ย จะเล่าถึงความคืบหน้าเรื่องการทำซีดีเพลงออกจำหน่าย และปัญหาอุปสรรคด้านการเงินที่ทำให้การผลิตซีดีเกิดความติดขัด ตนจึงให้เงินสนับสนุนไปหลายครั้ง รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 1.1 ล้านบาท ส่วนรายอื่นๆ บริจาคกันหลักพันถึงหลักหมื่นบาท
“อาจารย์ตุ้ยชักชวนให้ร่วมทำบุญโดยตั้งเป้าไว้จำนวน 99 ล้านบาท หากทำบุญกันน้อยก็จะครบจำนวนช้า ฉันเห็นว่าเป็นการทำบุญใหญ่อยากจะได้บุญกันเยอะ ๆ ก็รู้สึกงกบุญกันใหญ่ ใครมีมากก็ให้เยอะ บางคนนั้นราคาซีดีไม่ถึง 200 บาท แต่ให้เงิน 1,000 บาท โดยไม่เอาเงินทอนเพราะคิดว่าเป็นการทำบุญร่วมกัน” นางสุทธิพรกล่าว
นางสุทธิพรกล่าวอีกว่า ต่อมาตนได้สอบถามอาจารย์ตุ้ยว่า รวบรวมเงินได้ครบจำนวน 99 ล้านบาทแล้วหรือไม่เพราะอาจารย์ตุ้ย ระบุว่าจะนำเงินขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายในวันที่ 5 ธันวาคม 2551 แต่ที่ผ่านมาไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจน ตนจึงหยุดให้การช่วยเหลือด้านการเงิน พร้อมทั้งให้ทนายความไปทวงถามเงินที่ให้ไปก่อนหน้านี้ ซึ่งได้รับการผ่อนชำระคืนหลายครั้ง กระทั่งเมื่อถึงกำหนดวันที่อาจารย์ตุ้ย อ้างว่าจะนำเงินทูลเกล้าฯถวายตนก็ติดตามตรวจสอบโดยให้ทนายความไปสอบถามยังสำนักงานของอาจารย์ตุ้ย และสอบถามเจ้าหน้าที่ทางโทรศัพท์ซึ่งได้รับคำตอบว่ายังไม่มีการถวายเงิน
นางสุทธิพรกล่าวว่า ต่อมาเมื่อวันที่ 20 มกราคมที่ผ่านมา ตนจึงไปทวงเงินคืนด้วยตนเอง โดยเข้าไปที่ห้องทำงานของอาจารย์ตุ้ย และเมื่อเอ่ยปากถึงเรื่องนี้ อาจารย์ตุ้ยได้แสดงอาการไม่พอใจ พร้อมกับหยิบปืนที่อยู่ในลิ้นชักออกมาวางบนโต๊ะทำงาน รวมทั้งลุกขึ้นยืนบอกกับตนว่า “ไม่อยากคุยเรื่องนี้แล้ว” ก่อนจะหยิบปืนเหน็บใส่เอวแล้วเดินหนีไป ทำให้ตนรู้สึกกลัวจึงกลับออกมา จากนั้นได้เข้าแจ้งความไว้ที่ สน.โชคชัย เมื่อวันที่ 25 มกราคมที่ผ่านมา แต่ยังเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรมจึงปรึกษากับนางลีน่า ก่อนพากันเข้าแจ้งความที่ บก.ป.ในครั้งนี้
เบื้องต้น พ.ต.อ.พรศักดิ์ สั่งการให้ พ.ต.ต.มาโนชญ์ สวนดอกไม้ พนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป.รับเรื่องและสอบปากคำผู้กล่าวหาไว้แล้วก่อนนำเรื่องเสนอผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป
วันนี้ (11 ก.พ.) ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 11.00 น. นางลีน่า จังจรรจา ประธานมูลนิธิลีน่าจัง ได้พานางสุทธิพร อรุณ อายุ 52 ปี อาจารย์โรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.ปทุมธานี อยู่บ้านเลขที่ 23 ถนนรังสิต-นครนายก ซอย 13 แยก 11 ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี เข้าพบ พ.ต.อ.พรศักดิ์ สุรสิทธิ์ ผกก.1 บก.ป. เพื่อแจ้งความดำเนินคดีต่อนายจักรินทร์ โกศัยดิลก หรือ “ตุ้ย เอ็กซเรย์” หรืออาจารย์ตุ้ย เจ้าของฉายา “คนตาทิพย์” ซึ่งเคยเอกซเรย์กรรมให้บรรดาคนดังในแวดวงต่างๆ และมีผลงานหนังสือชื่อ “เอกซเรย์กรรม” และ “คนส่งวิญญาณ” ในข้อหาฉ้อโกง หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ และข้อหาข่มขู่ทำให้ตกใจกลัว โดยนำแผ่นซีดีเพลง “ชุดดวงใจพ่อ” ภาพถ่าย สลิป การโอนเงินเข้าบัญชีธนาคาร และเอกสารที่เกี่ยวข้อง มอบให้พนักงานสอบสวนไว้เป็นหลักฐาน
นางสุทธิพรกล่าวว่า รู้จักกับอาจารย์ตุ้ย จากรายการโทรทัศน์ทางเคเบิลทีวีแห่งหนึ่งที่มีการทิ้งหมายเลขโทรศัพท์ติดต่อเอาไว้ ต่อมาช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน 2551 ตนมีปัญหาด้านการเงินจึงโทรศัพท์ไปปรึกษากับอาจารย์ตุ้ย พร้อมกับนำเช็คจำนวน 6 ฉบับ มูลค่า 9 แสนบาท ที่ไม่สามารถขึ้นเงินได้ไปปรึกษาจนได้รับคำแนะนำให้สะเดาะเคราะห์ และยังได้รับการแนะนำให้ไปดูดวงที่สำนักงานอาจารย์ตุ้ย ชั้น 4 ห้างสรรพสินค้าอิมพีเรียลลาดพร้าว หลังจากนั้นไม่กี่วันอาจารย์ตุ้ย ได้เดินทางมาหาตนที่บ้านพักชักชวนให้ร่วมทำบุญใหญ่โดยซื้อแผ่นซีดีเพลงชุด “ดวงใจพ่อ” ที่ขับร้องโดยอาจาย์ตุ้ย และ น.ส.พิมพ์วรัชญ์ โกศัยดิลก พี่สาวของอาจารย์ตุ้ย ในราคาแผ่น 199 บาท ซึ่งโครงการดังกล่าวมีกำหนดจะทำออกจำหน่ายจำนวน 1 ล้านแผ่น เพื่อนำรายได้จำนวน 99 ล้านบาท ขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายเป็นพระราชกุศล
นางสุทธิพรกล่าวต่อไปว่า เมื่อตนเห็นว่าเป็นงานบุญครั้งใหญ่ และเป็นโอกาสดีที่จะได้มีส่วนร่วม จึงบอกบุญต่อกับเพื่อนบ้านอีกกว่า 10 ราย ให้มาร่วมทำบุญ จากนั้นอาจารย์ตุ้ย ก็มาหาตนที่บ้านพักและที่โรงเรียนอีก 2 ครั้ง นอกจากนี้ยังโทรศัพท์มาหาอีกนับครั้งไม่ถ้วน ซึ่งแต่ละครั้งอาจารย์ตุ้ย จะเล่าถึงความคืบหน้าเรื่องการทำซีดีเพลงออกจำหน่าย และปัญหาอุปสรรคด้านการเงินที่ทำให้การผลิตซีดีเกิดความติดขัด ตนจึงให้เงินสนับสนุนไปหลายครั้ง รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 1.1 ล้านบาท ส่วนรายอื่นๆ บริจาคกันหลักพันถึงหลักหมื่นบาท
“อาจารย์ตุ้ยชักชวนให้ร่วมทำบุญโดยตั้งเป้าไว้จำนวน 99 ล้านบาท หากทำบุญกันน้อยก็จะครบจำนวนช้า ฉันเห็นว่าเป็นการทำบุญใหญ่อยากจะได้บุญกันเยอะ ๆ ก็รู้สึกงกบุญกันใหญ่ ใครมีมากก็ให้เยอะ บางคนนั้นราคาซีดีไม่ถึง 200 บาท แต่ให้เงิน 1,000 บาท โดยไม่เอาเงินทอนเพราะคิดว่าเป็นการทำบุญร่วมกัน” นางสุทธิพรกล่าว
นางสุทธิพรกล่าวอีกว่า ต่อมาตนได้สอบถามอาจารย์ตุ้ยว่า รวบรวมเงินได้ครบจำนวน 99 ล้านบาทแล้วหรือไม่เพราะอาจารย์ตุ้ย ระบุว่าจะนำเงินขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายในวันที่ 5 ธันวาคม 2551 แต่ที่ผ่านมาไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจน ตนจึงหยุดให้การช่วยเหลือด้านการเงิน พร้อมทั้งให้ทนายความไปทวงถามเงินที่ให้ไปก่อนหน้านี้ ซึ่งได้รับการผ่อนชำระคืนหลายครั้ง กระทั่งเมื่อถึงกำหนดวันที่อาจารย์ตุ้ย อ้างว่าจะนำเงินทูลเกล้าฯถวายตนก็ติดตามตรวจสอบโดยให้ทนายความไปสอบถามยังสำนักงานของอาจารย์ตุ้ย และสอบถามเจ้าหน้าที่ทางโทรศัพท์ซึ่งได้รับคำตอบว่ายังไม่มีการถวายเงิน
นางสุทธิพรกล่าวว่า ต่อมาเมื่อวันที่ 20 มกราคมที่ผ่านมา ตนจึงไปทวงเงินคืนด้วยตนเอง โดยเข้าไปที่ห้องทำงานของอาจารย์ตุ้ย และเมื่อเอ่ยปากถึงเรื่องนี้ อาจารย์ตุ้ยได้แสดงอาการไม่พอใจ พร้อมกับหยิบปืนที่อยู่ในลิ้นชักออกมาวางบนโต๊ะทำงาน รวมทั้งลุกขึ้นยืนบอกกับตนว่า “ไม่อยากคุยเรื่องนี้แล้ว” ก่อนจะหยิบปืนเหน็บใส่เอวแล้วเดินหนีไป ทำให้ตนรู้สึกกลัวจึงกลับออกมา จากนั้นได้เข้าแจ้งความไว้ที่ สน.โชคชัย เมื่อวันที่ 25 มกราคมที่ผ่านมา แต่ยังเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรมจึงปรึกษากับนางลีน่า ก่อนพากันเข้าแจ้งความที่ บก.ป.ในครั้งนี้
เบื้องต้น พ.ต.อ.พรศักดิ์ สั่งการให้ พ.ต.ต.มาโนชญ์ สวนดอกไม้ พนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป.รับเรื่องและสอบปากคำผู้กล่าวหาไว้แล้วก่อนนำเรื่องเสนอผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป
