ผล “ศรีปทุมโพล” ชี้เยาวชนไทยเกือบครึ่งเชื่อมีเพศสัมพันธ์ในวันวาเลนไทน์เป็นเรื่องธรรมดา และยอมรับได้ จี้รัฐเพิ่มบทบาทเปลี่ยนค่านิยม
“ศรีปทุมโพล” โดยสำนักวิจัย มหาวิทยาลัยศรีปทุม ได้ทำการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนในเขตกรุงเทพมหานคร ถึงทัศนคติของประชาชนที่มีต่อวันวาเลนไทน์ จากกลุ่มตัวอย่าง จำนวน 3,000 คน ซึ่ง ดร.ปิยากร หวังมหาพร ผู้อำนวยการสำนักวิจัย มหาวิทยาลัยศรีปทุม ได้สรุปผลการสำรวจ ดังนี้
ประชาชนส่วนใหญ่เห็นว่า วันวาเลนไทน์เป็นวันสำคัญ และให้ความสำคัญทุกปี ร้อยละ 32.80, เห็นว่าเป็นวันสำคัญวันหนึ่ง แต่ไม่ค่อยให้ความสำคัญ ร้อยละ 32.00, ไม่ได้ให้ความสำคัญกับวันวาเลนไทน์ ร้อยละ 18.97, รู้ว่าเป็นวันสำคัญ แต่ไม่เคยให้ความสำคัญ ร้อยละ 16.17 และไม่แสดงความคิดเห็น ร้อยละ 0.07
เมื่อถามว่า วันวาเลนไทน์ให้ความสำคัญกับใคร อย่างไร ส่วนใหญ่ตอบว่าให้ความสำคัญกับแฟนหรือคนรัก โดยการให้ของขวัญ เช่น ดอกกุหลาบ ช็อกโกแลต ของมีค่า ร้อยละ 24.63,รองลงมาร้อยละ 19.87 ให้ความสำคัญกับแฟนหรือคนรัก โดยการไปสถานที่ที่ประทับใจ เช่น สถานที่ท่องเที่ยว ร้านอาหาร, อันดับ 3 ร้อยละ 18.00 ไม่ให้ความสำคัญกับใครเลย เพราะไม่ได้ให้ความสำคัญกับวันวาเลนไทน์, อันดับ 4 ร้อยละ 10.33 ให้ความสำคัญกับพ่อแม่ หรือพี่น้อง โดยการไปสถานที่ที่ประทับใจ เช่น สถานที่ท่องเที่ยว ร้านอาหาร, อันดับ 5 ร้อยละ 7.10 ให้ความสำคัญกับคนรอบข้าง โดยการให้ของขวัญ เช่น ดอกกุหลาบ ช็อกโกแลต ของมีค่า
อันดับ 6 ร้อยละ 5.97 ให้ความสำคัญกับคนที่แอบชอบ โดยการให้ของขวัญ เช่น ดอกกุหลาบ ช็อกโกแล็ต ของมีค่า, อันดับ 7 ร้อยละ 5.90 ให้ความสำคัญกับคนรอบข้าง โดยการไปสถานที่ที่ประทับใจ เช่น สถานที่ท่องเที่ยว ร้านอาหาร, อันดับ 8 ร้อยละ 5.60 ให้ความสำคัญกับพ่อแม่ หรือพี่น้อง โดยการให้ของขวัญ เช่น ดอกกุหลาบ ช็อกโกแลต ของมีค่า, อันดับ 9 ร้อยละ 2.40 ให้ความสำคัญกับคนที่แอบชอบ โดยการไปสถานที่ที่ประทับใจ เช่น สถานที่ท่องเที่ยว ร้านอาหาร และอันดับสุดท้าย ไม่แสดงความคิดเห็น
ส่วนเมื่อถามว่าคิดอย่างไรกับประโยค “เด็กที่คบหากัน มักจะเสียตัวในวันวาเลนไทน์” ประชาชนส่วนใหญ่คิดว่าเป็นความจริง เพราะเป็นโอกาสของเด็กผู้ชายในการขอมีเพศสัมพันธ์กับแฟนในวันวาเลนไทน์ แต่ยอมรับไม่ได้เพราะเด็กควรจะมีความรับผิดชอบมากกว่านี้ก่อนมีเพศสัมพันธ์ เพราะอาจนำไปสู่การตั้งครรภ์ที่ไม่พึงประสงค์ ร้อยละ 39.43, รองลงมา ร้อยละ 26.77 คิดว่าเป็นความจริง เพราะ เด็กสมัยนี้มีเพศสัมพันธ์เร็ว และยอมรับได้ เพราะยุคสมัยได้เปลี่ยนไปแล้ว, อันดับ 3 ร้อยละ 15.30 คิดว่าเป็นความจริงและยอมรับได้ เพราะ เป็นเรื่องธรรมดาของวัยรุ่นสมัยนี้, อันดับ 4 ร้อยละ 11.40 คิดว่าไม่เป็นความจริง เพราะเป็นการกล่าวหาเด็กผู้หญิงแบบเหมารวมว่าไม่มีความรักนวลสงวนตัว, อันดับ 5 ร้อยละ 6.90 คิดว่าไม่เป็นความจริง เพราะเป็นการกล่าวหาว่าเด็กคิดแต่เรื่องการมีเพศสัมพันธ์ และอันดับสุดท้าย ไม่แสดงความคิดเห็น ร้อยละ 0.20
แต่หากจำแนกตามอายุในข้อคำถามนี้จะพบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามอายุไม่เกิน 20 ปี ส่วนใหญ่คิดว่าคิดว่าเป็นความจริง เพราะเป็นโอกาสของเด็กผู้ชายในการขอมีเพศสัมพันธ์กับแฟนในวันวาเลนไทน์ แต่ยอมรับไม่ได้เพราะเด็กควรจะมีความรับผิดชอบมากกว่านี้ก่อนมีเพศสัมพันธ์ เพราะอาจจะนำไปสู่การตั้งครรภ์ที่ไม่พึงประสงค์ ร้อยละ 29.70 รองลงมาคือ คิดว่าเป็นความจริง เพราะเด็กสมัยนี้มีเพศสัมพันธ์เร็ว และยอมรับได้ เพราะยุคสมัยได้เปลี่ยนไปแล้ว ร้อยละ 27.33 และคิดว่าเป็นความจริง ยอมรับได้ เพราะเป็นเรื่องธรรมดาของวัยรุ่นสมัยนี้ ร้อยละ 19.41 ส่วนผู้ตอบแบบสอบถาม อายุ 21-30 ปี ส่วนใหญ่คิดว่าเป็นความจริง เพราะ เป็นโอกาสของเด็กผู้ชายในการขอมีเพศสัมพันธ์กับแฟนในวันวาเลนไทน์ แต่ยอมรับไม่ได้เพราะเด็กควรจะมีความรับผิดชอบมากกว่านี้ก่อนมีเพศสัมพันธ์ เพราะอาจจะนำไปสู่การตั้งครรภ์ที่ไม่พึงประสงค์ ร้อยละ 37.90 รองลงมาคือ คิดว่าเป็นความจริง เพราะเด็กสมัยนี้มีเพศสัมพันธ์เร็ว และยอมรับได้ เพราะยุคสมัยได้เปลี่ยนไปแล้ว ร้อยละ 29.83 และ คิดว่าเป็นความจริง ยอมรับได้ เพราะเป็นเรื่องธรรมดาของวัยรุ่นสมัยนี้ ร้อยละ 14.69
ส่วนผู้ตอบแบบสอบถาม อายุ 31-40 ปี ส่วนใหญ่คิดว่าเป็นความจริง เพราะเป็นโอกาสของเด็กผู้ชายในการขอมีเพศสัมพันธ์กับแฟนในวันวาเลนไทน์ แต่ยอมรับไม่ได้เพราะเด็กควรจะมีความรับผิดชอบมากกว่านี้ก่อนมีเพศสัมพันธ์ เพราะอาจจะนำไปสู่การตั้งครรภ์ที่ไม่พึงประสงค์ ร้อยละ 43.03 รองลงมาคือ คิดว่าเป็นความจริง เพราะเด็กสมัยนี้มีเพศสัมพันธ์เร็ว และยอมรับได้ เพราะยุคสมัยได้เปลี่ยนไปแล้ว ร้อยละ 23.94 และ คิดว่าเป็นความจริง ยอมรับได้ เพราะเป็นเรื่องธรรมดาของวัยรุ่นสมัยนี้ ร้อยละ 15.45, ผู้ตอบแบบสอบถาม อายุ 41-50 ปี ส่วนใหญ่คิดว่าคิดว่าเป็นความจริง เพราะ เป็นโอกาสของเด็กผู้ชายในการขอมีเพศสัมพันธ์กับแฟนในวันวาเลนไทน์ แต่ยอมรับไม่ได้เพราะเด็กควรจะมีความรับผิดชอบมากกว่านี้ก่อนมีเพศสัมพันธ์ เพราะอาจจะนำไปสู่การตั้งครรภ์ที่ไม่พึงประสงค์ ร้อยละ 49.14 รองลงมาคือ คิดว่าเป็นความจริง เพราะ เด็กสมัยนี้มีเพศสัมพันธ์เร็ว และยอมรับได้ เพราะยุคสมัยได้เปลี่ยนไปแล้ว ร้อยละ 21.26 และ คิดว่าเป็นความจริง ยอมรับได้ เพราะเป็นเรื่องธรรมดาของวัยรุ่นสมัยนี้ ร้อยละ 13.79,
ผู้ตอบแบบสอบถาม อายุ 51-60 ปี ส่วนใหญ่คิดว่าเป็นความจริง เพราะเป็นโอกาสของเด็กผู้ชายในการขอมีเพศสัมพันธ์กับแฟนในวันวาเลนไทน์ แต่ยอมรับไม่ได้เพราะเด็กควรจะมีความรับผิดชอบมากกว่านี้ก่อนมีเพศสัมพันธ์ เพราะอาจจะนำไปสู่การตั้งครรภ์ที่ไม่พึงประสงค์ ร้อยละ 42.54 รองลงมาคือ คิดว่าเป็นความจริง เพราะเด็กสมัยนี้มีเพศสัมพันธ์เร็ว และยอมรับได้ เพราะยุคสมัยได้เปลี่ยนไปแล้ว ร้อยละ 26.12 และ คิดว่าเป็นความจริง ยอมรับได้ เพราะเป็นเรื่องธรรมดาของวัยรุ่นสมัยนี้ ร้อยละ 12.69 และผู้ตอบแบบสอบถาม อายุ 60 ปีขึ้นไป ส่วนใหญ่คิดว่าคิดว่าเป็นความจริง เพราะ เป็นโอกาสของเด็กผู้ชายในการขอมีเพศสัมพันธ์กับแฟนในวันวาเลนไทน์ แต่ยอมรับไม่ได้เพราะเด็กควรจะมีความรับผิดชอบมากกว่านี้ก่อนมีเพศสัมพันธ์ เพราะอาจจะนำไปสู่การตั้งครรภ์ที่ไม่พึงประสงค์ ร้อยละ 58.97 รองลงมาคือ คิดว่าเป็นความจริง เพราะ เด็กสมัยนี้มีเพศสัมพันธ์เร็ว และยอมรับได้ เพราะยุคสมัยได้เปลี่ยนไปแล้ว ร้อยละ 15.38 และ คิดว่าไม่เป็นความจริง เพราะเป็นการกล่าวหาเด็กผู้หญิงแบบเหมารวมว่าไม่มีความรักนวลสงวนตัว ร้อยละ 12.82
สำหรับบทบาทของรัฐบาลที่จะสามารถยื่นมือเข้ามาช่วยเรื่องมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร ประชาชนส่วนใหญ่เห็นว่า ต้องปลูกฝังค่านิยมการรักนวลสงวนตัวอย่างต่อเนื่อง ร้อยละ 27.97, รองลงมา ร้อยละ 25.33 เห็นว่า ให้สถานศึกษาให้ความรู้เกี่ยวกับเพศศึกษาเพื่อป้องกันอันตรายที่เกิดจากเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร, อันดับ 3 ร้อยละ 16.57 เห็นว่ารัฐบาลควรส่งเสริมให้ครอบครัวมีบทบาทเข้ามาช่วยในการดูแลเรื่องนี้มากขึ้น, อันดับ 4 ร้อยละ 13.00เห็นว่าต้องขอความร่วมมือจากสื่อช่วยรณรงค์เรื่องนี้ เช่น ส่งเสริมให้สื่อไม่นำเสนอข่าวที่ล่อแหลม, อันดับ 5 ร้อยละ 11.23 เห็นว่าต้องผลักดันให้องค์กรที่กำกับดูแลปัญหาเยาวชน เช่น กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์, กระทรวงวัฒนธรรม ทำงานให้เห็นเป็นรูปธรรมมากขึ้น, อันดับ 6 ร้อยละ 5.80 เห็นว่ารัฐบาลควรกำหนดให้ประเด็นปัญหาเด็กและเยาวชนเป็นวาระแห่งชาติ และอันดับสุดท้าย ความคิดเห็นอื่นนอกเหนือจากนี้ ร้อยละ 0.10
โดย ดร.ปิยากร หวังมหาพร ผู้อำนวยการสำนักวิจัย มหาวิทยาลัยศรีปทุม ได้ให้ความคิดเห็นเพิ่มเติมในประเด็นนี้ว่า ประชาชนส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับวันวาเลนไทน์ว่าเป็นวันที่สำคัญ และมักจะให้ความสำคัญกับแฟนหรือคนรัก โดยการให้ของขวัญ เช่น ดอกกุหลาบ ช็อกโกแลต และของมีค่า เพื่อเป็นการแสดงความรักให้แก่กัน ชี้ให้เห็นว่าคนส่วนใหญ่มักจะให้ความสำคัญกับแฟนหรือคนรักในวันวาเลนไทน์ เนื่องจากอิทธิพลของวัฒนธรรมตะวันตก วันนี้จึงเป็นวันที่หนุ่มสาวมักจะทำอะไรๆให้กัน ซื้อของให้กัน หรือไปเที่ยวกันอย่างเป็นส่วนตัวตามประสาคู่รัก และนำมาซึ่งประโยคที่มักได้ยินว่า “คนที่คบหากัน มักจะเสียตัวให้กันในวันวาเลนไทน์” และเมื่อถามความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับประโยคดังกล่าว ประชาชนส่วนใหญ่โดยเฉพาะประชาชนที่อายุไม่เกิน 20 ปีมากถึงร้อยละ 46.74 คิดว่าเป็นความจริง ด้วยเหตุผลที่ว่าเด็กสมัยนี้มีเพศสัมพันธ์เร็ว และยอมรับในเรื่องนี้ได้ คิดว่ายุคสมัยได้เปลี่ยนไปแล้ว และเป็นเรื่องธรรมดาของวัยรุ่นสมัยนี้ โดยมีประชาชนในวัยดังกล่าวเพียงร้อยละ 29.70 ที่ เห็นว่าเป็นเรื่องจริง แต่ยอมรับเรื่องนี้ไม่ได้ ด้วยเหตุผลที่ว่าเด็กควรจะมีความรับผิดชอบมากกว่านี้ก่อนจะมีเพศสัมพันธ์เพราะอาจจะนำไปสู่การตั้งครรภ์ที่ไม่พึงประสงค์ ดังนั้น จึงน่าเป็นห่วงอย่างยิ่งว่าวัยรุ่นไทยสมัยนี้เห็นการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควรเป็นเรื่องธรรมดา ซึ่งน่าจะมาจากการรับวัฒนธรรมของตะวันตกเข้ามามากเกินไป
อย่างไรก็ตาม ประเด็นการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควรในความคิดของประชาชนที่มีอายุสูงขึ้นตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป กลับพบว่าการกระทำดังกล่าวเป็นเรื่องที่รับไม่ได้ ในการแก้ปัญหาดังกล่าว ประชาชนวอนทุกภาคส่วน โดยเฉพาะรัฐบาลควรเร่งปลูกฝังค่านิยมการรักนวลสงวนตัวอย่างต่อเนื่อง สถานศึกษาให้ความรู้เกี่ยวกับเพศศึกษา ครอบครัวซึ่งใกล้ชิดกับเยาวชนควรมีบทบาทให้มากขึ้น ความร่วมมือจากสื่อมวลชนไม่เสนอข่าวที่ล่อแหลม และส่วนราชการที่รับผิดชอบเรื่องเยาวชนควรตระหนักและให้ความสำคัญกับเรื่องการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควรอันจะนำไปสู่ปัญหาสังคมอื่นๆ ให้จริงจังและเป็นรูปธรรมมากขึ้น