รวบชาวอิหร่านลักลอบขนยาไอซ์ 2.5 กิโลกรัม มูลค่ากว่า 10 ล้านบาท ซุกกระเป๋าเดินทางเข้าสนามบินสุวรรณภูมิ เจ้าตัวอ้างเพิ่งมาไทยครั้งแรกไม่รู้ข้างในซ่อนยาไว้ แถต่อกระเป๋าเป็นของเพื่อนฝากให้นำเข้า แล้วจะมีคนโทร.มาบอกให้หิ้วไปส่งแมนชั่นย่านประตูน้ำ
วันนี้ (10 ก.พ.) เมื่อเวลา 11.00 น.ที่กรมศุลกากร นายสมชัย สัจพงษ์ อธิบดีกรมศุลกากร นายวิศาล วุฒิศักดิ์ศิลป์ รองอธิบดีกรมศุลกากรด้านการปราบปราม นายเสรี ไทยจงรักษ์ ผอ.สำนักสืบสวนปราบปราม และนายวรพัฒน์ เชาว์วิศิษฐ ผอ.ส่วนสืบสวนปราบปราม 3 ร่วมกันแถลงข่าวจับกุม นายโนรูซี โมจบาทา อายุ 34 ปี สัญชาติอิหร่าน พร้อมของกลางยาไอซ์ น้ำหนักรวม 2.5 กิโลกรัม มูลค่า 10 ล้านบาท กระเป๋าเดินทางดัดแปลงด้านข้างไว้สำหรับซุกซ่อนยาไอซ์ จำนวน 1 ใบ
นายสมชัย เปิดเผยว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากสำนักสืบสวนและปราบปราม ประจำท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้ทำการสืบทราบว่า จะมีกลุ่มชาวอิหร่านลักลอบขนยาเสพติดเข้ามาในประเทศทางท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จึงได้วางแผนจับกุม จนกระทั่งวานนี้ (9 ก.พ.) เจ้าหน้าที่พบนายโนรูซีเดินทางมาจากเมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยสายการบินเอมิเรตส์แอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ อีเค 418/9.02.53 ซึ่งมีลักษณะตรงตามข้อมูลที่สืบทราบมาได้ จึงทำการตรวจค้นสัมภาระอย่างละเอียด
นายสมชัย กล่าวต่อไปว่า จากการตรวจสอบกระเป๋าเดินทางพบว่า บริเวณขอบกระเป๋าด้านข้างมีการดัดแปลงขึ้นมาเป็นพิเศษจนหนาผิดปกติ จึงใช้เหล็กแหลมเจาะตรวจสอบ ซึ่งพบว่ามีวัตถุเป็นเกล็ดชนิดสีขาวไหลออกมา เจ้าหน้าที่จึงเปิดผ้าบุกระเป๋าออกดูพบแผ่นโลหะวางไว้อีกชั้นหนึ่ง และเมื่อเอาแผ่นโลหะออกมาก็พบยาไอซ์ซุกซ่อนอยู่ในถุงพลาสติกใสห่อด้วยกระดาษคาร์บอนทับอีกชั้นหนึ่ง น้ำหนักรวม 2.5 กิโลกรัม มูลค่าประมาณ 10 ล้านบาท จึงยึดไว้เป็นของกลาง ก่อนควบคุมตัวมาสอบปากคำ
จากการสอบสวนนายโนรูซี อ้างว่าทำงานเป็นช่างตัดเย็บเสื้อผ้า เพิ่งจะเดินทางเข้ามาประเทศไทยเป็นครั้งแรกเพื่อหาดูแบบเสื้อผ้าไปตัดเย็บขายที่ดูไบ ส่วนกระเป๋าใบดังกล่าวนั้นมีเพื่อนฝากให้นำเข้ามาประเทศไทยด้วย และเมื่อมาถึงประเทศไทยจะมีคนโทรศัพท์มาบอกให้ตนเอากระเป๋าไปส่งให้ชาวอิหร่านด้วยกันที่แมนชั่นแห่งหนึ่งย่านประตูน้ำ โดยไม่รู้ว่าภายในกระเป๋ามียาไอซ์ซุกซ่อนอยู่ แต่จากการตรวจสอบพบว่าเจ้าตัวเคยเดินทางจากดูไบไปประเทศมาเลเซียมาแล้วครั้งหนึ่ง ซึ่งเชื่อว่าน่าจะเป็นการนำยาไอซ์เข้าไปจำหน่ายเช่นกัน
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหามียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (ยาไอซ์) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย และนำเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาตต่อนายโนรูซี ก่อนควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน บช.ปส.ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
วันนี้ (10 ก.พ.) เมื่อเวลา 11.00 น.ที่กรมศุลกากร นายสมชัย สัจพงษ์ อธิบดีกรมศุลกากร นายวิศาล วุฒิศักดิ์ศิลป์ รองอธิบดีกรมศุลกากรด้านการปราบปราม นายเสรี ไทยจงรักษ์ ผอ.สำนักสืบสวนปราบปราม และนายวรพัฒน์ เชาว์วิศิษฐ ผอ.ส่วนสืบสวนปราบปราม 3 ร่วมกันแถลงข่าวจับกุม นายโนรูซี โมจบาทา อายุ 34 ปี สัญชาติอิหร่าน พร้อมของกลางยาไอซ์ น้ำหนักรวม 2.5 กิโลกรัม มูลค่า 10 ล้านบาท กระเป๋าเดินทางดัดแปลงด้านข้างไว้สำหรับซุกซ่อนยาไอซ์ จำนวน 1 ใบ
นายสมชัย เปิดเผยว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากสำนักสืบสวนและปราบปราม ประจำท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้ทำการสืบทราบว่า จะมีกลุ่มชาวอิหร่านลักลอบขนยาเสพติดเข้ามาในประเทศทางท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จึงได้วางแผนจับกุม จนกระทั่งวานนี้ (9 ก.พ.) เจ้าหน้าที่พบนายโนรูซีเดินทางมาจากเมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยสายการบินเอมิเรตส์แอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ อีเค 418/9.02.53 ซึ่งมีลักษณะตรงตามข้อมูลที่สืบทราบมาได้ จึงทำการตรวจค้นสัมภาระอย่างละเอียด
นายสมชัย กล่าวต่อไปว่า จากการตรวจสอบกระเป๋าเดินทางพบว่า บริเวณขอบกระเป๋าด้านข้างมีการดัดแปลงขึ้นมาเป็นพิเศษจนหนาผิดปกติ จึงใช้เหล็กแหลมเจาะตรวจสอบ ซึ่งพบว่ามีวัตถุเป็นเกล็ดชนิดสีขาวไหลออกมา เจ้าหน้าที่จึงเปิดผ้าบุกระเป๋าออกดูพบแผ่นโลหะวางไว้อีกชั้นหนึ่ง และเมื่อเอาแผ่นโลหะออกมาก็พบยาไอซ์ซุกซ่อนอยู่ในถุงพลาสติกใสห่อด้วยกระดาษคาร์บอนทับอีกชั้นหนึ่ง น้ำหนักรวม 2.5 กิโลกรัม มูลค่าประมาณ 10 ล้านบาท จึงยึดไว้เป็นของกลาง ก่อนควบคุมตัวมาสอบปากคำ
จากการสอบสวนนายโนรูซี อ้างว่าทำงานเป็นช่างตัดเย็บเสื้อผ้า เพิ่งจะเดินทางเข้ามาประเทศไทยเป็นครั้งแรกเพื่อหาดูแบบเสื้อผ้าไปตัดเย็บขายที่ดูไบ ส่วนกระเป๋าใบดังกล่าวนั้นมีเพื่อนฝากให้นำเข้ามาประเทศไทยด้วย และเมื่อมาถึงประเทศไทยจะมีคนโทรศัพท์มาบอกให้ตนเอากระเป๋าไปส่งให้ชาวอิหร่านด้วยกันที่แมนชั่นแห่งหนึ่งย่านประตูน้ำ โดยไม่รู้ว่าภายในกระเป๋ามียาไอซ์ซุกซ่อนอยู่ แต่จากการตรวจสอบพบว่าเจ้าตัวเคยเดินทางจากดูไบไปประเทศมาเลเซียมาแล้วครั้งหนึ่ง ซึ่งเชื่อว่าน่าจะเป็นการนำยาไอซ์เข้าไปจำหน่ายเช่นกัน
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหามียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (ยาไอซ์) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย และนำเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาตต่อนายโนรูซี ก่อนควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน บช.ปส.ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
