ดีเอสไอเตรียมเรียกสถาบันการเงินเจ้าหนี้บริษัทเพรซิเดนส์ฯทั้ง 10 แห่ง เข้าให้ข้อมูลการอนุมัติวงเงินกู้ก่อให้เกิดหนี้สูญ 30,000 บาท หากไม่ยินยอมจะออกหมายเรียกมาให้ปากคำ
วันนี้ (8 ก.พ.) นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวถึงความคืบหน้าการสอบสวนกรณีผู้บริหารสถาบันการเงิน 10 แห่ง ที่อนุมัติปล่อยกู้ให้กับบริษัท เพรซิเดนส์ อะกริ เทรดดิ้ง จำกัด ซึ่งก่อให้เกิดหนี้สูญ 30,000 ล้านบาท ว่าในวันที่ 10 ก.พ.นี้ ดีเอสไอได้เชิญผู้แทนจากสถาบันการเงินเจ้าหนี้บริษัท เพรซิเดนส์ฯ ทั้ง 10 แห่ง มาประชุมเพื่อขอความร่วมมือในการเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการอนุมัติวงเงินกู้ยืมจนก่อให้เกิดหนี้สูญ หากสถาบันการเงินไม่ยินยอมให้ข้อมูล ดีเอสไอจะออกหมายเรียกให้แต่ละธนาคารจัดส่งเอกสารและพยานบุคคลมาให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวน ส่วนกรณีที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระบุถึงวงเงินกู้ที่เป็นหนี้สูญของบริษัทเพรสซิเดนท์ฯมีไม่ถึง 10,000 ล้านบาทนั้น ทางดีเอสไอเองมีข้อมูลในการคำนวณมูลค่าความเสียหายจากการทำนิติกรรม ซึ่งพบความเสียหายสูงถึง 30,000 ล้านบาท แต่ทางฝั่งธนาคารคงมองตัวเลขความเสียหายภายหลังการเจรจาปรับลดหนี้ ทำให้มูลค่าหนี้ลดลงจนเหลือไม่ถึง 10,000 ล้านบาท
นายธาริตยังกล่าวถึงกรณีนายบัณฑูร ชุณหสวัสดิกุล ผู้ถือหุ้นธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ยื่นฟ้องคณะผู้บริหารธนาคารฐานปล่อยกู้ 450 ล้านบาท โดยมิชอบให้กับบริษัท กาแฟผงไทย ซึ่งมีนายประยุทธ มหากิจศิริ เป็นกรรมการผู้จัดการ ทั้งที่ทราบดีว่าบริษัทได้หยุดประกอบกิจการและได้ขายเครื่องจักรและอุปกรณ์ไปตั้งแต่ปี 2535 ว่า ผู้เสียหายสามารถนำหลักฐานเข้าร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดีเอสไอตรวจสอบการอนุมัติปล่อยเงินกู้ของธนาคารได้ และหากคดีนี้ไม่มีเจ้าทุกข์เข้าร้องทุกข์ ดีเอสไอก็สามารถสอบสวนได้เอง เพราะเป็นคดีความผิดตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และความผิดเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจสถาบันการเงิน ซึ่งเป็นความผิดตามกฎหมายแนบท้าย พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ หากผลการสอบสวนพบการปล่อยกู้เป็นการกระทำโดยไม่สุจริต ก่อให้เกิดความเสียหายกับธนาคารและผู้ถือหุ้น ผู้บริหารธนาคารและผู้ดำเนินการเกี่ยวกับการอนุมัติเงินกู้ต้องรับผิดร่วมกัน
