ตร.เปิดตัว “ศูนย์ปฏิบัติการ” ติดตามสถานการณ์ชุมนุม ทั้งกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดอีก 38 แห่งหลังสังคมจับตาหวั่นเหตุรุนแรง เน้นประชาสัมพันธ์สิทธิการชุมนุม ป้องกันวางแผนรับมือเผชิญเหตุ พร้อมบันทึกภาพนิ่ง-เคลื่อนไหวรายงานตรงได้ภายใน 12 ชั่วโมง
วันนี้ (6 ก.พ.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงการเปิดศูนย์ปฏิบัติการเฉพาะ เพื่อติดตามสถานการณ์การชุมนุมว่า การชุมนุมของกลุ่มต่างๆ ในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ อาจจะก่อให้เกิดผลกระทบต่อความสงบเรียบร้อย และความมั่นคงปลอดภัย พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รักษาราชการแทน ผบ.ตร. จึงได้มีคำสั่งให้ ทุกกองบัญชาการ และทุกกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัด เปิด “ศูนย์ปฏิบัติการ” ขึ้นเป็นการเฉพาะ เพื่อควบคุม อำนวยการ และสั่งการติดตามตรวจสอบสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มต่างๆ อย่างต่อเนื่องเริ่มตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป โดยในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก็ได้มีการเปิดศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติขึ้นในวันนี้เช่นเดียวกัน
พล.ต.ท.พงศพัศ กล่าวอีกวว่า สำหรับจังหวัดเป้าหมาย ที่กำหนดให้ตำรวจในแต่ละพื้นที่ได้เข้าไปดูแลและติดตามความเคลื่อนไหวอย่างใกล้ชิด มีทั้งสิ้น 38 จังหวัด ภาคเหนือ มี 10 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา แม่ฮ่องสอน น่าน พิษณุโลก กำแพงเพชร และ นครสวรรค์ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มี 17 จังหวัด ได้แก่ อุดรธานี ขอนแก่น นครราชสีมา อุบลราชธานี ศรีสะเกษ สกลนคร มหาสารคาม ยโสธร ร้อยเอ็ด เลย สุรินทร์ กาฬสินธุ์ หนองบัวลำภู หนองคาย นครพนม มุกดาหาร และ ชัยภูมิ ภาคกลางและตะวันออก มี 9 จังหวัด ได้แก่ สิงห์บุรี ลพบุรี นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี ฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรี ชลบุรี และ จันทบุรี ภาคใต้ มี 2 จังหวัด ได้แก่ พัทลุง และ นครศรีธรรมราช
พล.ต.ท.พงศพัศ ยังกล่าวถึงหน้าที่ของศูนย์ปฏิบัติการเพื่อติดตามสถานการณ์การชุมนุมว่า นอกจากการสำรวจพื้นที่เป้าหมายและติด ตามความเคลื่อนไหวต่างๆ แล้ว ศูนย์ปฏิบัติการจะมุ่งเน้นในการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนและกลุ่มผู้ชุมนุมได้เข้าใจถึงสิทธิเสรีภาพในการชุมนุม ตลอดจนความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการชุมนุมที่อาจนำไปสู่ความรุนแรง ซึ่งไม่มีใครต้องการให้เกิดขึ้น พร้อมทั้งจัดทำแผนเผชิญเหตุ และฝึกซ้อมการปฏิบัติของกำลังพลพร้อมอุปกรณ์เครื่องมือเครื่องใช้ ทั้งในเขตพื้นที่ กทม. และในจังหวัดเป้าหมายทั้ง 38 จังหวัด โดยให้แล้วเสร็จก่อนวันที่ 16 ก.พ.นี้
“ในการชุมนุมและปราศรัยทุกครั้งและในทุกพื้นที่นั้น ตำรวจจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด เพื่อให้ทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยจะมีการบันทึกเทปคำปราศรัย รวมทั้งบันทึกภาพนิ่ง และภาพเคลื่อนไหวไว้ทุกครั้ง หากต่อมาพบว่าการชุมนุมและการปราศรัยเป็นการกระทำที่เข้าข่ายผิดกฎหมาย ก็จะดำเนินการตามอำนาจหน้าที่โดยทันที และทุกหน่วยจะต้องรายงานให้รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้ทราบภายใน 12 ชั่วโมง หลังจากการชุมนุมหรือการปราศรัยยุติลง” โฆษก ตร.กล่าว
วันนี้ (6 ก.พ.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงการเปิดศูนย์ปฏิบัติการเฉพาะ เพื่อติดตามสถานการณ์การชุมนุมว่า การชุมนุมของกลุ่มต่างๆ ในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ อาจจะก่อให้เกิดผลกระทบต่อความสงบเรียบร้อย และความมั่นคงปลอดภัย พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รักษาราชการแทน ผบ.ตร. จึงได้มีคำสั่งให้ ทุกกองบัญชาการ และทุกกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัด เปิด “ศูนย์ปฏิบัติการ” ขึ้นเป็นการเฉพาะ เพื่อควบคุม อำนวยการ และสั่งการติดตามตรวจสอบสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มต่างๆ อย่างต่อเนื่องเริ่มตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป โดยในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก็ได้มีการเปิดศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติขึ้นในวันนี้เช่นเดียวกัน
พล.ต.ท.พงศพัศ กล่าวอีกวว่า สำหรับจังหวัดเป้าหมาย ที่กำหนดให้ตำรวจในแต่ละพื้นที่ได้เข้าไปดูแลและติดตามความเคลื่อนไหวอย่างใกล้ชิด มีทั้งสิ้น 38 จังหวัด ภาคเหนือ มี 10 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา แม่ฮ่องสอน น่าน พิษณุโลก กำแพงเพชร และ นครสวรรค์ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มี 17 จังหวัด ได้แก่ อุดรธานี ขอนแก่น นครราชสีมา อุบลราชธานี ศรีสะเกษ สกลนคร มหาสารคาม ยโสธร ร้อยเอ็ด เลย สุรินทร์ กาฬสินธุ์ หนองบัวลำภู หนองคาย นครพนม มุกดาหาร และ ชัยภูมิ ภาคกลางและตะวันออก มี 9 จังหวัด ได้แก่ สิงห์บุรี ลพบุรี นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี ฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรี ชลบุรี และ จันทบุรี ภาคใต้ มี 2 จังหวัด ได้แก่ พัทลุง และ นครศรีธรรมราช
พล.ต.ท.พงศพัศ ยังกล่าวถึงหน้าที่ของศูนย์ปฏิบัติการเพื่อติดตามสถานการณ์การชุมนุมว่า นอกจากการสำรวจพื้นที่เป้าหมายและติด ตามความเคลื่อนไหวต่างๆ แล้ว ศูนย์ปฏิบัติการจะมุ่งเน้นในการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนและกลุ่มผู้ชุมนุมได้เข้าใจถึงสิทธิเสรีภาพในการชุมนุม ตลอดจนความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการชุมนุมที่อาจนำไปสู่ความรุนแรง ซึ่งไม่มีใครต้องการให้เกิดขึ้น พร้อมทั้งจัดทำแผนเผชิญเหตุ และฝึกซ้อมการปฏิบัติของกำลังพลพร้อมอุปกรณ์เครื่องมือเครื่องใช้ ทั้งในเขตพื้นที่ กทม. และในจังหวัดเป้าหมายทั้ง 38 จังหวัด โดยให้แล้วเสร็จก่อนวันที่ 16 ก.พ.นี้
“ในการชุมนุมและปราศรัยทุกครั้งและในทุกพื้นที่นั้น ตำรวจจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด เพื่อให้ทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยจะมีการบันทึกเทปคำปราศรัย รวมทั้งบันทึกภาพนิ่ง และภาพเคลื่อนไหวไว้ทุกครั้ง หากต่อมาพบว่าการชุมนุมและการปราศรัยเป็นการกระทำที่เข้าข่ายผิดกฎหมาย ก็จะดำเนินการตามอำนาจหน้าที่โดยทันที และทุกหน่วยจะต้องรายงานให้รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้ทราบภายใน 12 ชั่วโมง หลังจากการชุมนุมหรือการปราศรัยยุติลง” โฆษก ตร.กล่าว
