นศ.คณะพยาบาลศาสตร์ วิทยาลัยนครราชสีมา เข้าแจ้งความดำเนินคดี อธิการบดีวิทยาลัยนครราชสีมา โฆษณาชวนเชื่อสถาบันผ่านการรับรองจากสภาพยาบาลแล้ว แต่สุดท้ายปฏิเสธ อ้างสถาบันยังไม่ผ่านมาตรฐานสภาพยาบาลต้องปิดปรับปรุงหลักสูตรก่อน ทั้งที่เด็กนักศึกษาจ่ายต่อเทอม 4.5 หมื่นบาทไปแล้ว พร้อมวอนให้รับผิดชอบแต่ไม่ใยดี
วันนี้ ( 3 ก.พ.) ที่ กองปราบปราม เมื่อเวลา 10.30 น. นางลีน่า จังจรรจา ประธานมูลนิธิ ลีน่า จัง ได้พา น.ส.กุลธิดา โพธิ์ศรีวงษ์ พร้อมด้วยคณะนักศึกษาคณะพยาบาลศาสตร์ ชั้นปีที่ 1 วิทยาลัยนครราชสีมา รวม 41 คน เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.ประเสริฐ พัฒนาดี ผกก.3 บก.ป. เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับ ร.อ.นพ.ศรัณย์ อินทกุล อธิการบดีวิทยาลัยนครราชสีมา ในข้อหาฉ้อโกง โดยนำโบว์ชัวร์ใบสมัครของวิทยาลัยฯ ใบเสร็จค่าเล่าเรียน มอบให้พนักงานสอบสวนไว้เป็นหลักฐาน
น.ส.กุลธิดา กล่าวว่า ตนกับเพื่อนนักศึกษาได้สมัครเข้าเรียนที่วิทยาลัยฯดังกล่าวเมื่อปีการศึกษา 2552 เนื่องจากได้รับการแนะแนวจากทางคณะพยาบาลศาสตร์ของวิทยาลัยแห่งนี้ ว่า ได้รับการรับรองจากสภาการพยาบาลเรียบร้อยแล้ว เมื่อจบการศึกษาสามารถเป็นพยาบาลวิชาชีพในหน่วยงานของรัฐและเอกชนได้ แต่หลังจากพวกตนจ่ายเงินค่าเล่าเรียนเทอมละ 45,000 บาทไปแล้ว ต่อมาภายหลังจึงทราบว่าตั้งแต่ปี 2550-2552 ทางสภาการพยาบาลได้แจ้งให้วิทยาลัยฯ ไม่ให้รับนักศึกษาในปีการศึกษา 2552 เนื่องจากวิทยาลัยฯ ไม่ผ่านการตรวจสอบมาตรฐานจากสภาการพยาบาลโดยจะต้องปิดปรับปรุงและพัฒนาหลักสูตรให้ได้มาตรฐานเสียก่อน จึงสามารถอนุญาตให้เปิดการเรียนการสอนได้อีกครั้ง
น.ส.กุลธิดา กล่าวต่อว่า เมื่อทราบเรื่องพวกตนก็รู้อนาคตแล้วว่า หากจบหลักสูตรพยาบาลศาสตร์บัณฑิตจากวิทยาลัยฯ นี้แล้วไม่สามารถทำงานตามสถานพยาบาลได้ จึงรวมตัวไปสอบถามอธิการบดี และให้แสดงความรับผิดชอบ แต่กลับถูกเมินเฉยอย่างไม่ใยดี ทั้งนี้หากทางวิทยาลัยจะถ่ายโอนนักศึกษาไปยังสถานศึกษาแห่งใหม่ พวกตนไม่อาจยอมรับได้ จึงตัดสินใจเข้าปรึกษากับนางลีน่า ก่อนจะรวมตัวกันเพื่อร้องขอความช่วยเหลือและความเป็นธรรมกับนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รมว.สาธารณสุข
“เรื่องที่เกิดขึ้นทางวิทยาลัยฯ ทราบดีอยู่แล้วว่าไม่อาจเปิดรับนักศึกษาปีการศึกษานี้ได้ แต่กลับโฆษณาให้พวกหนูมาสมัครเข้าเรียนจึงเท่ากับเป็นการหลอกลวง ซึ่งหนูกับเพื่อนๆ อีกหลายคนกู้เงินจาก กองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา หรือ กยศ.ซึ่งจะต้องชำระคืนให้กับรัฐบาลเมื่อจบการศึกษา โดยยอดเงินที่กู้ 95,000 บาท จ่ายเป็นค่าเทอม ๆ ละ 45,000 บาท และยังมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ อีกด้วย ถ้าจบการศึกษามาแล้วไม่สามารถทำงานได้จะหาเงินจากไหนมาใช้คืนหนี้ก้อนนี้” น.ส.กุลธิดา กล่าว
ด้าน พ.ต.อ.ประเสริฐ ได้สั่งการให้ พ.ต.ท.สวิก นุชเจริญผล พนักงานสอบสวน (สบ 3) กก.3 บก.ป. รับเรื่องและสอบปากคำตัวแทนผู้เสียหายไว้แล้ว ก่อนจะนำเรื่องเสนอผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป
วันนี้ ( 3 ก.พ.) ที่ กองปราบปราม เมื่อเวลา 10.30 น. นางลีน่า จังจรรจา ประธานมูลนิธิ ลีน่า จัง ได้พา น.ส.กุลธิดา โพธิ์ศรีวงษ์ พร้อมด้วยคณะนักศึกษาคณะพยาบาลศาสตร์ ชั้นปีที่ 1 วิทยาลัยนครราชสีมา รวม 41 คน เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.ประเสริฐ พัฒนาดี ผกก.3 บก.ป. เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับ ร.อ.นพ.ศรัณย์ อินทกุล อธิการบดีวิทยาลัยนครราชสีมา ในข้อหาฉ้อโกง โดยนำโบว์ชัวร์ใบสมัครของวิทยาลัยฯ ใบเสร็จค่าเล่าเรียน มอบให้พนักงานสอบสวนไว้เป็นหลักฐาน
น.ส.กุลธิดา กล่าวว่า ตนกับเพื่อนนักศึกษาได้สมัครเข้าเรียนที่วิทยาลัยฯดังกล่าวเมื่อปีการศึกษา 2552 เนื่องจากได้รับการแนะแนวจากทางคณะพยาบาลศาสตร์ของวิทยาลัยแห่งนี้ ว่า ได้รับการรับรองจากสภาการพยาบาลเรียบร้อยแล้ว เมื่อจบการศึกษาสามารถเป็นพยาบาลวิชาชีพในหน่วยงานของรัฐและเอกชนได้ แต่หลังจากพวกตนจ่ายเงินค่าเล่าเรียนเทอมละ 45,000 บาทไปแล้ว ต่อมาภายหลังจึงทราบว่าตั้งแต่ปี 2550-2552 ทางสภาการพยาบาลได้แจ้งให้วิทยาลัยฯ ไม่ให้รับนักศึกษาในปีการศึกษา 2552 เนื่องจากวิทยาลัยฯ ไม่ผ่านการตรวจสอบมาตรฐานจากสภาการพยาบาลโดยจะต้องปิดปรับปรุงและพัฒนาหลักสูตรให้ได้มาตรฐานเสียก่อน จึงสามารถอนุญาตให้เปิดการเรียนการสอนได้อีกครั้ง
น.ส.กุลธิดา กล่าวต่อว่า เมื่อทราบเรื่องพวกตนก็รู้อนาคตแล้วว่า หากจบหลักสูตรพยาบาลศาสตร์บัณฑิตจากวิทยาลัยฯ นี้แล้วไม่สามารถทำงานตามสถานพยาบาลได้ จึงรวมตัวไปสอบถามอธิการบดี และให้แสดงความรับผิดชอบ แต่กลับถูกเมินเฉยอย่างไม่ใยดี ทั้งนี้หากทางวิทยาลัยจะถ่ายโอนนักศึกษาไปยังสถานศึกษาแห่งใหม่ พวกตนไม่อาจยอมรับได้ จึงตัดสินใจเข้าปรึกษากับนางลีน่า ก่อนจะรวมตัวกันเพื่อร้องขอความช่วยเหลือและความเป็นธรรมกับนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รมว.สาธารณสุข
“เรื่องที่เกิดขึ้นทางวิทยาลัยฯ ทราบดีอยู่แล้วว่าไม่อาจเปิดรับนักศึกษาปีการศึกษานี้ได้ แต่กลับโฆษณาให้พวกหนูมาสมัครเข้าเรียนจึงเท่ากับเป็นการหลอกลวง ซึ่งหนูกับเพื่อนๆ อีกหลายคนกู้เงินจาก กองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา หรือ กยศ.ซึ่งจะต้องชำระคืนให้กับรัฐบาลเมื่อจบการศึกษา โดยยอดเงินที่กู้ 95,000 บาท จ่ายเป็นค่าเทอม ๆ ละ 45,000 บาท และยังมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ อีกด้วย ถ้าจบการศึกษามาแล้วไม่สามารถทำงานได้จะหาเงินจากไหนมาใช้คืนหนี้ก้อนนี้” น.ส.กุลธิดา กล่าว
ด้าน พ.ต.อ.ประเสริฐ ได้สั่งการให้ พ.ต.ท.สวิก นุชเจริญผล พนักงานสอบสวน (สบ 3) กก.3 บก.ป. รับเรื่องและสอบปากคำตัวแทนผู้เสียหายไว้แล้ว ก่อนจะนำเรื่องเสนอผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป