ศาลอาญาพิพากษาจำคุกคนละกว่า 1,000 ปี “กก.บริษัท กรีนแพลนเนท-ร่วมรวยโอคาเน่” แก๊งแชร์ลูกโซ่ โฆษณาลวงประชาชน 734 ราย ลงทุนขายตรงอาหารเสริม สั่งปรับ 2 บริษัทร่วม 200 ล้าน และให้คืนเงินผู้เสียหาย 42 ล้านเศษ กก.บริษัท กรีนแพลนเนท หอบโฉนดกว่า 5 ล้านประกันตัว ที่เหลือนอนคุก
วันนี้ (29 ม.ค.) ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาในคดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 1 เป็นโจทก์ฟ้อง นายธนกฤต หรือสุพจน์ หรือบวร ฉัตรทันนิเทศ อายุ 50 ปี กรรมการบริษัท ร่วมรวย โอคาเน่ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด, นายกิตติพงษ์ เมธาธรรม อายุ 55 ปี และนางอัมพร วสุวัต อายุ 63 ปี ทั้งสองเป็นกรรมการบริษัท กรีน แพลนเนท 108 คอร์ปอเรชั่น จำกัด, บริษัท ร่วมรวย โอคาเน่ และบริษัท กรีน แพลนเนท 108 ร่วมเป็นจำเลยที่ 1-5 ในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน
คดีนี้โจทก์ฟ้องเมื่อวันที่ 6 พ.ค.48 ระบุความผิดจำเลยสรุปว่า ระหว่างวันที่ 30 ก.ย.46 - 10 ก.พ.48 จำเลยทั้งห้ากับพวกที่ยังไม่ได้ตัวมาฟ้อง ได้กระทำผิดกฎหมายหลายกรรม ด้วยการโฆษณาแจกจ่ายเอกสาร เผยแพร่ข่าวและโฆษณาทางอินเตอร์เน็ตโดยมีเจตนาทุจริตหลอกลวงประชาชน ทั้งใน กทม.และต่างจังหวัด ให้สมัครเป็นสมาชิกขายตรงสินค้าและผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ยาแผนโบราณ ครีมบำรุงผิว และชุดผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด กับบริษัท กรีน แพลนเนทฯ จำเลยที่ 5 โดยมีบริษัทร่วมรวย โอคาเน่ฯ จำเลยที่ 4 เป็นผู้บริหารจัดการผลประโยชน์ จนมีประชาชน 734 ราย หลงเชื่อและเสียค่าสมัครสมาชิกรายละ 200 บาท รวมทั้งต้องซื้อสินค้าคนละ 18,000 บาท โดยระบุว่าถ้าเป็นสมาชิกครบ 1 ปี จะได้รับผลประโยชน์ตอบแทนเป็นเงินสดคนละ 1.1 ล้านบาท หรือรถยนต์ 1 คัน และหากหาสมาชิกใหม่ได้จะได้รับตอบแทนคนละ 1,000 บาท และเมื่อสมัครป็นสมาชิกแล้วภายใน 4-6 เดือน จะได้รับเงินโอนให้อีกคนละ 4,000 บาท แต่เมื่อพวกจำเลยได้รับจากสมาชิกกลับนำเงินไปฝากในธนาคารต่าง ๆ แล้วฉ้อโกงไปเป็นของตนเองโดยทุจริต ต่อมาพนักงานสอบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ จับกุมพวกจำเลยได้และแจ้งข้อหาดำเนินคดีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 , 343, 83, 91, 32, 33 และ พ.ร.ก.กู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 มาตรา 4, 5, 9, 12 และอื่นๆ ท้ายฟ้องอัยการขอให้พวกจำเลยคืนเงินต้นเงินกู้ที่ร่วมกันฉ้อโกงผู้เสียหาย 42,103,826 บาท รวมทั้งดอกเบี้ย 15 ต่อปี รวมทั้งคืนเงินของกลางจำนวน 15,968,497 บาท จำเลยทั้งห้าให้การปฏิเสธโดยตลอด
ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานนำสืบทั้งสองฝ่ายแล้วเห็นว่า จำเลยกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343 วรรคแรก ประกอบมาตรา 83 และ พ.ร.ก.กู้ยืมเงินฯ มาตรา 4 วรรคหนึ่ง, มาตรา 5 และ 12 อันเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรม ซึ่ง พ.ร.ก.กู้ยืมเงิน ฯ มาตรา 12 อันป็นบทหนักสุด โดยนายธนกฤต กรรมการบริษัทร่วมรวยฯ จำเลยที่ 1 และบริษัทร่วมรวย โอคาเน่ฯ จำเลยที่ 4 กระทำผิดรวม 539 กระทง ให้จำคุกจำเลยที่ 1 กระทงละ 5 ปี และปรับบริษัทจำเลยที่ 4 กระทงละ 500,000 บาท
ส่วนนายกิตติพงษ์ และนางอัมพร กรรมการบริษัท กรีน แพลนเนท ฯ จำเลยที่ 2-3 และ บริษัท กรีน แพลนเนทฯ จำเลยที่ 5 กระทำผิดรวม 587 กระทง ให้จำคุกจำเลยที่ 2-3 กระทงละ 5 ปี และปรับ บริษัทจำเลยที่ 5 กระทงละ 500,000 บาท ทางนำสืบเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้างเห็นควรลดโทษให้จำเลยทั้งห้าคนละ 2 ใน 5 คงจำคุกจำเลยที่ 1-3 กระทงละ 3 ปี และปรับบริษัทจำเลยที่ 4-5 กระทงละ 300,000 บาท
รวมจำคุกนายธนกฤต กรรมการบริษัท ร่วมรวยฯ จำเลยที่ 1 ไว้ 1,617 ปี ปรับบริษัท ร่วมรวย โอคาเน่ฯ จำเลยที่ 4 จำนวน 161,700,000 บาท และให้จำคุกนายกิตติพงษ์ และนางอัมพร กรรมการบริษัท กรีน แพลนเนทฯ จำเลยที่ 2-3 คนละ 1,761 ปี ปรับบริษัท กรีน แพลนเนทฯ จำเลยที่ 5 จำนวน 176,100,000 บาท แต่ความผิดดังกล่าวมีอัตราโทษจำคุกสูงสุดไม่เกิน 20 ปี ซึ่งตามกฎหมายให้จำคุกจำเลยได้ไม่เกิน 20 ปี จึงให้จำคุกจำเลยที่ 1-3 ไว้คนละ 20 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 (2) นอกจากนี้ ให้พวกจำเลยคืนเงินของกลางจำนวน 15,968,497 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 รวมทั้งคืนเงินแก่ผู้เสียหายจำนวน 42,103,826 บาท
ภายหลัง ญาตินางอัมพร จำเลยที่ 3 ได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เป็นโฉนดที่ดิน อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ จำนวน 7 โฉนด มูลค่า 5,400,000 บาท ขอประกันตัว ศาลพิจารณาแล้วให้จำเลยประกันตัวไปโดยตีราคาประกัน 5 ล้านบาทถ้วน ส่วนนายธนกฤต กรรมการบริษัทร่วมรวย ฯ จำเลยที่ 1 และนายกิตติพงษ์ กรรมการบริษัท กรีน แพลนเนทฯ จำเลยที่ 2 ไม่มีผู้ใดยื่นประกัน จึงถูกนำตัวไปคุมขังไว้ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ