xs
xsm
sm
md
lg

บุกจับสาวเจ้าของบริษัทโกงค่าตัว “อิม อชิตะ” เชิดค่าบีบีอีกเกือบ 9 หมื่น

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

ดาราสาว อิม อชิตะ เดินทางไปสน.โชคชัย เพื่อดูตัว น.ส.สินาภรณ์ วุฒิอิ่น ผู้ต้องหา
ตำรวจโชคชัย บุกรวบสาวเจ้าของบริษัท ทีวีสะบัดชัย ที่โกงเงินค่าตัวดาราสาว “อิม อชิตะ” เป็นเงินกว่า 2 แสน แถมยังเชิดเงินค่าฝากซื้อแบล็กเบอรีไปอีกเกือบ 9 หมื่น เจ้าตัวอ้างไม่ได้เชิดค่ามือถือ แต่ฝากเพื่อนซื้ออีกทอดแล้วถูกเชิดเงินไป รับมีปัญหาทะเลาะกับสามีอย่างหนัก ขอเจรจาชดใช้เดือนละ 5 พัน-1 หมื่น แต่ฝั่งดาราสาวไม่ยอมเพราะไม่มีเป็นหลักประกันให้เชื่อถือได้ ปล่อยไปตามขั้นตอนของกฎหมาย

เมื่อเวลา 18.00 น.วานนี้ (9 ม.ค.) พ.ต.ท.ปิติพงษ์ บุตรเปี่ยม รอง ผกก.จร.สน.โชคชัย รรท.ผกก.สน.โชคชัย พ.ต.ท.พรชัย ขจรกลิ่น รอง ผกก.สส.สน.โชคชัย พ.ต.ท.ธรากร เลิศพรเจริญ สว.สส.สน.โชคชัย ร.ต.ท.ปิยะพงษ์ เอนสาร รอง สว.สส.สน.โชคชัย นำกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.โชคชัย จับกุมตัว น.ส.สินาภรณ์ หรือแพร วุฒิอิ่น อายุ 22 ปี อยู่บ้านเลขที่ 83 หมู่ 8 ต.ท่าวังศาล อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลแขวงพระนครเหนือ เลขที่ 49/2553 ลงวันที่ 9 ม.ค.53 ในข้อหาฉ้อโกง โดยสามารถจับกุมตัวได้ภายในบริษัท ทีวีสะบัดชัย จำกัด เลขที่ 1/4 หมู่บ้านศุภาลัย ออร์คิด ปาร์ค ถนนสุขาภิบาล 5 แขวงออเงิน เขตสายไหม

การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 12 พ.ย.52 น.ส.อิมทพิมพ์ ธนาศาตนันท์ หรือ “อิม อชิตะ” นักแสดงสาวชื่อดัง ได้เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สน.โชคชัย ว่าถูก น.ส.สินาภรณ์ โกงเงินไป 89,400 บาท หลังจากฝากเงินจำนวนดังกล่าวไปซื้อโทรศัพท์มือถือแบล็กเบอรี จำนวน 7 เครื่อง แต่กลับถูกเชิดเงินไป จึงได้เข้ามาแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติออกหมายจับ และเข้าจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ภายในบริษัทดังกล่าว ขณะที่เจ้าตัวกำลังอุ้มลูกชายวัย 6 เดือนไว้ด้วย ก่อนควบคุมตัวมาทำการสอบปากคำที่ สน.โชคชัย

จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ โดยอ้างว่าตนไม่ได้ตั้งใจโกงเงินแต่อย่างใด แต่ได้หลังจากรับเงินมาจาก น.ส.อิมทพิมพ์ แล้วตนก็โอนไปให้เพื่อนอีกคนหนึ่งที่ชื่อ ชนิกานต์ หรือโอ๋ หรือแนน เป็นคนซื้อโทรศัพท์แทน แต่กลับถูกเพื่อนเชิดเงินหนีไปอีก ซึ่งตนก็พยายามติดต่อไปหาเพื่อนคนนี้หลายครั้ง แต่ก็ไม่รับสายและยังหายตัวไปอีก

น.ส.สินาภรณ์ ให้การต่อว่า ตนรู้จักกับเพื่อนคนนี้ได้เพราะมีคนแนะนำให้รู้จักว่าเป็นลูกของ พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ช่วย ผบ.ตร. แต่ภายหลังตนตรวจสอบแล้วกลับพบว่าไม่มีคนชื่อนี้อยู่จริง และไม่ได้เป็นลูกของนายตำรวจคนดังอีกด้วย ซึ่งตนก็ถูกเพื่อนคนดังกล่าวหลอกมาอีกทอดหนึ่ง

น.ส.สินาภรณ์ กล่าวด้วยว่า สำหรับบริษัท ทีวีสะบัดชัย นั้น ตนกับสามีคือ นายชัชวัสส์ บุญงาม อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 119 หมู่ 6 ถนนประชาธิปไตย แขวงบางขุนพรหม เขตพระนคร ได้ร่วมกันเปิดขึ้นมาเอง ซึ่งก่อนหน้านี้สามีตนเคยเป็นลูกน้องในบริษัท อลาดิน ณ บางกอก ผลิตรายการวันหยุดสุดขีด หลังจากนั้นก็ลาออกมาเปิดบริษัทเอง ทำรายการโอ้โหเมืองไทย และป่าไม้สีรุ้ง

“แต่เมื่อช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา ฉันทะเลาะกับสามีอย่างหนัก และเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เขาก็กลับมาที่บริษัทพร้อมกับตำรวจ สน.สำราญราษฎร์ และลูกน้องที่แต่งชุดตำรวจอีก 2 คน มาขนของออกไปจากบริษัทจนหมด และทิ้งเงินไว้ให้ฉันแค่ 1,000 บาท โดยไม่บอกอะไรเลย และก็ไม่สามารถติดต่อเขามีได้อีกเลย ก่อนที่ตำรวจจะเข้ามาจับฉัน” น.ส.สินาภรณื กล่าว

ต่อมาเวลา 20.30 น. น.ส.อิมทพิมพ์ หรืออิม อชิตะ ได้เดินทางมาที่ สน.โชคชัย เพื่อดูตัวผู้ต้องหา โดยเมื่อผู้ต้องหาพบเจอหน้าดาราสาวคนดังก็เอ่ยปากขอเจรจาเรื่องเงินทันทีว่ายินดีจะชดใช้ให้เดือนละ 5,000 บาท หรือ 10,000 บาท แต่ฝั่งดาราสาวไม่ยอมเนื่องจากไม่มีอะไรเป็นหลักประกันให้เชื่อถือได้ หลังจากนั้เจ้าหน้าที่จึงนำตัวผู้ต้องหาส่ง ร.ต.ท.กิตติพงศ์ ทรัพย์สิน พนักงานสอบสวน (สบ 1) สน.โชคชัย ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

น.ส.อิมทพิมพ์ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ผู้ต้องหาได้ว่าจ้างให้ตนไปทำถ่ายรายการ “โอ้โห เมืองไทย” ทั้งหมด 10 ตอน โดยจะให้ค่าตอบแทนเป็นเงินจำนวน 220,000 บาท ซึ่งหลังจากถ่ายทำเสร็จผู้ต้องหาก็ได้จ่ายเช็คมาให้ ตนก็นำไปขึ้นเงินแต่ปรากฏว่าเช็คเด้ง ไม่สามารถขึ้นเงินได้ จึงไปแจ้งความไว้ที่ สน.โคกคราม ต่อมาผู้ต้องหาก็เอาโทรศัพท์มือถือแบล็กเบอรีมาเสนอขายให้ตนในราคาถูก ซึ่งตนก็รับซื้อไว้ หลังจากนั้นเพื่อนๆ ก็ฝากซื้ออีก ตนจึงสั่งซื้อเพิ่ม 7 เครื่อง พร้อมทั้งโอนเงินเข้าบัญชีของผู้ต้องหาไปจำนวน 89,400 บาท แต่หลังจากนั้นกลับหายเงียบไปเลย

น.ส.อิมทพิมพ์ กล่าวต่อว่า ตนก็เคยไปทวงเงินค่ามือถือแล้ว แต่ผู้ต้องหากลับอ้างว่าฝากเงินให้เพื่อนอีกคนไปซื้อมือถือ แต่ถูกเพื่อนเชิดเงินหนีไปแล้ว และหลังจากนั้นก็ทวงถามเรื่องเงินค่าตัวที่ไปถ่ายรายการมา แต่ผู้ต้องหากับสามีก็โยนกันไปมาไม่ยอมจ่าย และช่วงหลังก็พยายามติดต่ออีกหลายครั้งแต่กลับไม่สามารถติดต่อได้เลย ซึ่งหลังจากนี้ตนก็จะปล่อยให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
นายชัชวัสส์ บุญงาม สามีของ น.ส.สินาภรณ์ ที่ร่วมกันเปิดบริษัท
กำลังโหลดความคิดเห็น