สรุป 7 วันอันตรายช่วงเทศกาลปีใหม่เข้าวันที่ 5 ตายเพิ่มอีก 41 ราย จักรยานยนต์ยังเป็นพาหนะเกิดอุบัติเหตุสูงสุด เมืองท่องเที่ยวอย่างเชียงใหม่เป็นจังหวัดเกิดอุบัติเหตุสูงถึง 18 ครั้ง ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตรวม 5 วันอยู่ที่ 279 ราย บาดเจ็บรวม 3,185 ราย
วันนี้ (3 ม.ค.) นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย แถลงข่าวสถิติอุบัติเหตุท างถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ ประจำวันที่ 2 ม.ค. ซึ่งเป็นวันที่ห้าของการรณรงค์ “7 วันขับขี่ปลอดภัย เทิดไท้องค์ราชัน” เกิดอุบัติเหตุ 421 ครั้ง เพิ่มขึ้นจากปี 52 จำนวน 53 ครั้ง ร้อยละ 14.40 ผู้เสียชีวิต 41 คน เพิ่มขึ้นจากปี 52 จำนวน 19 คน ร้อยละ 86.36 ผู้บาดเจ็บ 460 คน เพิ่มขึ้นจากปี 52 จำนวน 60 คน ร้อยละ 15.00 สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด คือ เมาสุรา ร้อยละ 41.57 รองลงมา ขับรถเร็วเกินกำหนด ร้อยละ 22.09 ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด คือ รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 82.41 ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุดเป็นเวลากลางคืน ร้อยละ 62.95 โดยเฉพาะช่วงเวลา 16.01-20.00 น. ผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มวัยแรงงาน ร้อยละ 59.48
นายวิบูลย์กล่าวอีกว่า จังหวัดเชียงใหม่เป็นจังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุ จำนวน 18 ครั้ง ส่วนสุราษฎร์ธานีเป็นจังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด 4 ราย ขณะที่ตรังเป็น จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด 22 คน สำหรับจังหวัดที่ยังไม่เกิดอุบัติเหตุ มี 4 จังหวัด ได้แก่ ปทุมธานี ยโสธร สกลนคร และหนองคาย ทั้งนี้จากการเรียกตรวจยานพาหนะ 706,209 คัน มีผู้ถูกดำเนินคดี รวม 67,703 ราย คิดเป็นร้อยละ 9.59 ของการเรียกตรวจ โดยมีความผิดฐานไม่มีใบขับขี่มากที่สุด 22,095 ราย รองลงมาคือไม่สวมหมวกนิรภัย 20,288 ราย สรุปอุบัติเหตุทางถนนสะสม 5 วัน ระหว่างวันที่ 29 ธ.ค. - 2 ม.ค.53 เกิดอุบัติเหตุรวม 2,931 ครั้ง ลดลงจากปี 52 จำนวน 230 ครั้ง ร้อยละ 7.28 ผู้เสียชีวิตรวม 279 คน ลดลงจากปี 52 จำนวน 21 คน ร้อยละ 7.00 ผู้บาดเจ็บรวม 3,185 คน ลดลงจากปี 52 จำนวน 211 คน ร้อยละ 6.21 จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสูด ได้แก่ เชียงใหม่ 98 ครั้ง
นายวิบูลย์เปิดเผยอีกว่า ทางศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2553 ได้สั่งการให้ทุกจังหวัด รับแผนตั้งจุดตรวจให้สอดคล้องสภาพจราจรในพื้นที่เน้นบนถนนสายหลัก บริเวณจุดเสี่ยงต่างๆ ที่คาดว่าจะมีประชาชนเดินทางกลับเข้ากรุงเทพฯ เป็นจำนวนมาก โดยจะมีการนำอุปกรณ์ไฟสัญญาณติดตั้งตามบริเวณจุดเสี่ยง ในช่วงเวลากลางคืน
อย่างไรก็ตาม ประชาชนที่จะเดินทางกลับเข้ากรุงเทพฯ ในวันนี้ สามารถสอบถามเส้นทาง วางแผนการเดินทางที่เหมาะสม เพื่อหลีกเลี่ยงเส้นทางหลัก ที่มีสภาพการจราจรติดขัดได้ที่ สายด่วนตำรวจทางหลวง หมายเลข 1193, สายด่วนกองบังคับการตำรวจจราจร หมายเลข 1197 และหากประชาชนพบเห็นพฤติกรรมขับขี่ที่ไม่ปลอดภัย เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุของรถโดยสารสาธารณะ สามารถแจ้งได้ที่สายด่วน ศูนย์คุ้มครองผู้โดยสารสาธารณะ หมายเลข 1584 และศูนย์ปลอดภัยคมนาคมหมายเลข 1356 และสามารถติดต่อแพทย์ฉุกเฉินได้ที่หมายเลข 1669
