รณรงค์ลดอุบัติเหตุเทศกาลปีใหม่ 7 วันอันตราย เข้าวันที่ 4 ตายเพิ่มอีก 70 ราย สาเหตุซ้ำซากเมาสุรา ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มวัยแรงงาน ยอดรวม 4 วันเสียชีวิตแล้ว 238 ราย บาดเจ็บร่วม 2,7000 ราย จ.ยโสธร ปลอดอุบัติเหตุไร้เจ็บ-ตาย อยุธยา-จันทบุรี นำลิ่วยอดตาย 10 ศพ
วันนี้ (2 ม.ค.) ที่ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ นายอุทัยรัตน์ ชัยประเสริฐ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม แถลงข่าวสถิติอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ ว่า สถิติอุบัติเหตุทางถนนประจำวันที่ 1 ม.ค. ซึ่งเป็นวันที่สี่ของการรณรงค์ “7 วันขับขี่ปลอดภัย เทิดไท้องค์ราชัน” เกิดอุบัติเหตุ รวม 686 ครั้ง เพิ่มขึ้นจากปี 52 จำนวน 222 ครั้ง ร้อยละ 47.84 เสียชีวิต 70 ราย เพิ่มขึ้นจากปี 52 จำนวน18 ราย ร้อยละ 34.62 บาดเจ็บ 737 ราย เพิ่มขึ้นจากปี 52 จำนวน 245 ราย ร้อยละ 49.80 สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ เมาสุรา ร้อยละ 50 ขับรถเร็วเกินกำหนดร้อยละ 20.70 ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 84.90 อุบัติเหตุส่วนใหญ่เกิดในเส้นทางตรง ร้อยละ 59.33 ช่วงที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด เป็นเวลากลางคืน โดยเฉพาะช่วงเวลา 16.01-20.00 น. ผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มวัยแรงงาน ร้อยละ 58.36 จากการเรียกตรวจยานพาหนะ 715,516 คัน มีผู้ถูกดำเนินคดี รวม 69,515 ราย โดยมีความผิดฐาน ไม่มีใบขับขี่มากที่สุด 23,006 ราย ไม่สวมหมวกนิรภัย 21,195 ราย
นายอุทัยรัตน์กล่าวอีกว่า จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด คือ ภูเก็ต 33 ครั้ง รองลงมา นครศรีธรรมราช 29 ครั้ง จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ พระนครศรีอยุธยา 4 ราย จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด ได้แก่ ภูเก็ต 35 ราย สำหรับสถิติอุบัติเหตุทางถนนสะสม 4 วัน ระหว่างวันที่ 29 ธ.ค.52 - 1 ม.ค.53 เกิดอุบัติเหตุรวม 2,510 ครั้ง ลดลงจากปี 52 จำนวน 283 ครั้ง ร้อยละ 10.13 ผู้เสียชีวิตรวม 238 คน ลดลงจากปี 52 (จำนวน 40 คน ร้อยละ 14.39 ผู้บาดเจ็บรวม 2,725 คน ลดลงจากปี 52 จำนวน 271 คน ร้อยละ 9.05 ส่วนจ.อยุธยา และ จ.จันทบุรี มียอดผู้เสียชีวิตมากที่สุดถึง 10 ศพ จังหวัดที่ไม่เกิดอุบัติเหตุและไม่มีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตในช่วง 4 วัน คือ ยโสธร
นายอุทัยรัตน์กล่าวอีกต่อว่า สำหรับการเตรียมความพร้อมรองรับการเดินทางกลับของประชาชน ขอให้แต่ละจังหวัดพิจารณาปรับแผนการตั้งจุดตรวจให้สอดคล้องกับสภาพปัญหาในแต่ละพื้นที่ รวมทั้งติดตามสภาพการจราจรอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะจังหวัดที่มีเส้นทางสายหลักจากภูมิภาคต่างๆ เพื่ออำนวยความสะดวกและความปลอดภัยในการเดินทาง