ตำรวจราษฎร์บูรณะ รวบลูกเนรคุณดักชิงทรัพย์แม่โดยสวมหมวกไหมพรมปิดบังใบหน้าใช้เก้าอี้ไม้กระหน่ำตีขณะแม่เดินลงจากแฟลตที่พักจะไปขายเสื้อผ้า ได้รับบาดเจ็บแล้วล้วงเอาเงินไป 3 พัน เจ้าตัวยอมรับติดหนี้พนันบอลและจะนำไปไถ่รถ จยย. พร้อมกราบเท้าแม่ ด้านแม่น้ำตานองสุดเสียใจบอกลูกติดยางอมแงมแจ้งจับหลายครั้งไม่เข็ดหลาบ ให้อภัยเสมอ
วันนี้ (30 ธ.ค.) เมื่อเวลา 11.00 น.ที่ สน.ราษฎร์บูรณะ พ.ต.อ.จีรศักดิ์ ขำคง รอง ผบก.น.8 พ.ต.อ.ดุสิต สมศักดิ์ ผกก.สน.ราษฎร์บูรณะ พ.ต.ท.ฉัตรา พาสุวรรณ รอง ผกก.สส.สน.ราษฎร์บูรณะ ร่วมกันแถลงจับกุมนายอรรถพร หรือเอ๊กซ์ วงศ์ขจิต อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 42/36 ม.2 แขวงออเงิน เขตสายไหม ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาธนบุรีเลขที่ 1262/2552 ลงวันที่ 29 ธ.ค.52 ในข้อหาชิงทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยมีอาวุธเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ
พ.ต.อ.จีรศักดิ์ เปิดเผยว่า การจับกุมครั้งงนี้สืบเนื่องจากเมื่อเวลา 05.00 น.วันที่ 25 ธ.ค.ที่ผ่านมา ได้มีคนร้ายสวมหมวกไหมพรมใช้เก้าอี้ไม้ตีนางศศิมา สว่างเลิศศรีสกุล แม่ค้าขายเสื้อผ้าในซอยเพชรบุรี 5 จนได้รับบาดเจ็บ ที่บริเวณทางลงบันไดชั้น 3 แฟลตศูนย์การค้าบางปะกอก ถนนสุขสวัสดิ์ แขวงบางปะกอก เขตราษฎร์บูรณะ แต่ระหว่างนั้น นางศศิมาได้กระชากหมวกไหมพรมของคนร้ายออกมาได้ และก็พบว่าคนร้ายคือนายอรรถพร ซึ่งเป็นลูกชายแท้ๆ ของตัวเอง จากนั้นนายอรรถพรได้ล้วงเอาเงินสดในกระเป๋าคาดเอวจำนวน 3,000 บาท แล้วหลบหนีไป ซึ่งภายหลัง พนักงานสอบสวน สน.ราษฎร์บูรณะ ได้ขออนุมัติหมายจับจากศาลอาญาธนบุรี ก่อนติดตามจับกุมนายอรรถพรได้ที่หน้าบ้านพักย่านสายไหม โดยจากการตรวจสอบประวัตินายอรรถพรเคยถูกจับในคดีเสพยาบ้าในพื้นที่ สน.บางมด 8 ครั้ง และ สน.ราษฎร์บูรณะอีก 2 ครั้ง
จากการสอบสวนนายอรรถพรให้การรับสารภาพว่า ก่อนเกิดเหตุได้เอารถจยย.ไปจำนำไว้ที่ร้านขายรถจยย.ย่านสายไหมในราคา 8,000 บาท ซึ่งคิดว่าจะไปไถ่รถจักรยานยนต์คืนมา แต่ก็ยังไม่มีเงิน อีกทั้งยังเป็นหนี้พนันฟุตบอลอีกจำนวนหนึ่ง ไม่รู้จะทำอย่างไร จึงตัดสินใจก่อเหตุชิงเงินแม่ตัวเอง
ด้าน นางศศิมากล่าวทั้งน้ำตาว่า วันเกิดเหตุออกจากห้องพักจะไปขายของตามปกติ แต่ขณะที่กำลังเดินอยู่ตรงทางลงบันไดแฟลต เห็นคนร้ายสวมหมวกไหมพรมมาดักรออยู่ก่อนแล้ว จากนั้นคนร้ายใช้ของแข็งตีที่ศีรษะและใบหน้าอย่างแรงหลายครั้ง ระหว่างนั้นตนพอจะจำลักษณะท่าทางและเสื้อผ้าที่คนร้ายใส่ได้ว่าน่าจะเป็นลูกชายของตัวเอง เลยบอกไปว่าอย่าทำร้ายแม่ ต้องการอะไรเดี๋ยวแม่จะให้ ลูกชายจึงล้วงเอาเงินสดในกระเป๋าเงินที่คาดเอวอยู่ไป 3,000 บาทแล้วรีบหลบหนีไป
นางศศิมา กล่าวต่อว่า หลังเกิดเหตุจึงตัดสินใจแจ้งตำรวจให้จับลูกชายของตัวเอง เพราะไม่ต้องการให้ลูกมาก่อเหตุแบบนี้กับตนหรือกับใครอีก ประกอบกับลูกชายติดยาอย่างหนัก และตนเคยแจ้งให้ตำรวจจับลูกตัวเองมาแล้ว 2-3 ครั้ง เพราะคิดว่าหากลูกอยู่ในคุกก็จะไม่ต้องเสพยา
“ดิฉันรู้สึกเสียใจมาก ไม่คิดว่าลูกแท้ๆ จะทำกับแม่ได้ ที่ผ่านมาก็เป็นคนดูแลเลี้ยงลูกของเขาอีก 2 คน ส่งเสียเงินให้ใช้ทุกเดือน ล่าสุดก็เพิ่งให้เงินเขาไปอีก 5,000 บาท เพื่อไปเป็นค่าไถ่รถด้วย” นางศศิมากล่าวทั้งน้ำตา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเสร็จสิ้นการแถลงข่าว นายอรรถพรได้ก้มลงกราบเท้านางศศิมาเพื่อเป็นการขอขมา ซึ่งนางศศิมาก็ให้อภัยนายอรรถพร ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะควบคุมตัวไปดำเนินคดีต่อไป
วันนี้ (30 ธ.ค.) เมื่อเวลา 11.00 น.ที่ สน.ราษฎร์บูรณะ พ.ต.อ.จีรศักดิ์ ขำคง รอง ผบก.น.8 พ.ต.อ.ดุสิต สมศักดิ์ ผกก.สน.ราษฎร์บูรณะ พ.ต.ท.ฉัตรา พาสุวรรณ รอง ผกก.สส.สน.ราษฎร์บูรณะ ร่วมกันแถลงจับกุมนายอรรถพร หรือเอ๊กซ์ วงศ์ขจิต อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 42/36 ม.2 แขวงออเงิน เขตสายไหม ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาธนบุรีเลขที่ 1262/2552 ลงวันที่ 29 ธ.ค.52 ในข้อหาชิงทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยมีอาวุธเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ
พ.ต.อ.จีรศักดิ์ เปิดเผยว่า การจับกุมครั้งงนี้สืบเนื่องจากเมื่อเวลา 05.00 น.วันที่ 25 ธ.ค.ที่ผ่านมา ได้มีคนร้ายสวมหมวกไหมพรมใช้เก้าอี้ไม้ตีนางศศิมา สว่างเลิศศรีสกุล แม่ค้าขายเสื้อผ้าในซอยเพชรบุรี 5 จนได้รับบาดเจ็บ ที่บริเวณทางลงบันไดชั้น 3 แฟลตศูนย์การค้าบางปะกอก ถนนสุขสวัสดิ์ แขวงบางปะกอก เขตราษฎร์บูรณะ แต่ระหว่างนั้น นางศศิมาได้กระชากหมวกไหมพรมของคนร้ายออกมาได้ และก็พบว่าคนร้ายคือนายอรรถพร ซึ่งเป็นลูกชายแท้ๆ ของตัวเอง จากนั้นนายอรรถพรได้ล้วงเอาเงินสดในกระเป๋าคาดเอวจำนวน 3,000 บาท แล้วหลบหนีไป ซึ่งภายหลัง พนักงานสอบสวน สน.ราษฎร์บูรณะ ได้ขออนุมัติหมายจับจากศาลอาญาธนบุรี ก่อนติดตามจับกุมนายอรรถพรได้ที่หน้าบ้านพักย่านสายไหม โดยจากการตรวจสอบประวัตินายอรรถพรเคยถูกจับในคดีเสพยาบ้าในพื้นที่ สน.บางมด 8 ครั้ง และ สน.ราษฎร์บูรณะอีก 2 ครั้ง
จากการสอบสวนนายอรรถพรให้การรับสารภาพว่า ก่อนเกิดเหตุได้เอารถจยย.ไปจำนำไว้ที่ร้านขายรถจยย.ย่านสายไหมในราคา 8,000 บาท ซึ่งคิดว่าจะไปไถ่รถจักรยานยนต์คืนมา แต่ก็ยังไม่มีเงิน อีกทั้งยังเป็นหนี้พนันฟุตบอลอีกจำนวนหนึ่ง ไม่รู้จะทำอย่างไร จึงตัดสินใจก่อเหตุชิงเงินแม่ตัวเอง
ด้าน นางศศิมากล่าวทั้งน้ำตาว่า วันเกิดเหตุออกจากห้องพักจะไปขายของตามปกติ แต่ขณะที่กำลังเดินอยู่ตรงทางลงบันไดแฟลต เห็นคนร้ายสวมหมวกไหมพรมมาดักรออยู่ก่อนแล้ว จากนั้นคนร้ายใช้ของแข็งตีที่ศีรษะและใบหน้าอย่างแรงหลายครั้ง ระหว่างนั้นตนพอจะจำลักษณะท่าทางและเสื้อผ้าที่คนร้ายใส่ได้ว่าน่าจะเป็นลูกชายของตัวเอง เลยบอกไปว่าอย่าทำร้ายแม่ ต้องการอะไรเดี๋ยวแม่จะให้ ลูกชายจึงล้วงเอาเงินสดในกระเป๋าเงินที่คาดเอวอยู่ไป 3,000 บาทแล้วรีบหลบหนีไป
นางศศิมา กล่าวต่อว่า หลังเกิดเหตุจึงตัดสินใจแจ้งตำรวจให้จับลูกชายของตัวเอง เพราะไม่ต้องการให้ลูกมาก่อเหตุแบบนี้กับตนหรือกับใครอีก ประกอบกับลูกชายติดยาอย่างหนัก และตนเคยแจ้งให้ตำรวจจับลูกตัวเองมาแล้ว 2-3 ครั้ง เพราะคิดว่าหากลูกอยู่ในคุกก็จะไม่ต้องเสพยา
“ดิฉันรู้สึกเสียใจมาก ไม่คิดว่าลูกแท้ๆ จะทำกับแม่ได้ ที่ผ่านมาก็เป็นคนดูแลเลี้ยงลูกของเขาอีก 2 คน ส่งเสียเงินให้ใช้ทุกเดือน ล่าสุดก็เพิ่งให้เงินเขาไปอีก 5,000 บาท เพื่อไปเป็นค่าไถ่รถด้วย” นางศศิมากล่าวทั้งน้ำตา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเสร็จสิ้นการแถลงข่าว นายอรรถพรได้ก้มลงกราบเท้านางศศิมาเพื่อเป็นการขอขมา ซึ่งนางศศิมาก็ให้อภัยนายอรรถพร ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะควบคุมตัวไปดำเนินคดีต่อไป