ตำรวจชุดเฉพาะกิจปราบปรามอบายมุข บก.น.1 โชว์ผลงานหลังตะวันตกดินอีกแล้ว หลังล่อซื้อยาไอซ์ 1 กิโลฯ จากแก๊งค้ายารายใหญ่ชาวอิหร่าน ก่อนนัดส่งของกันที่โรงแรมกลางกรุง แต่ผู้ต้องหาไหวตัวทัน เพราะทีมล่อซื้อไปกันเยอะเกิน เลยเตรียมพร้อมถือยารอในห้องน้ำ พอตำรวจเข้าชาร์จเลยรีบเทใส่ชักโครกกดน้ำทิ้งทันที
เมื่อเวลา 22.30 น.วันนี้ (17 ธ.ค.) พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 พ.ต.อ.วีรวิทย์ จันทร์จำเริญ พ.ต.อ.ไกรเลิศ บัวแก้ว พ.ต.อ.สุรพงษ์ ชัยจันทร์ รอง ผบก.น.1 พ.ต.ท.ศุภกฤช เดือนแจ้งรัมย์ รอง ผกก.สส.บก.น.3 ช่วยราชการ กก.สส.บก.น.1 ในฐานะหัวหน้าชุดเฉพาะกิจปราบปรามอบายมุข บก.น.1 พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจปราบปรามอบายมุข บก.น.1. ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมนายบิสฮอล หรือ จอน กูรุง อายุ 28 ปี ชาวเนปาล นายฮาหมัด ซากานิสบิ๊กฮาส อายุ 28 ปี ชาวอิหร่าน และนายฮาบาส โรฮานนิสซาฟา อายุ 38 ปี ชาวอิหร่าน พร้อมของกลางเงินสดจำนวน 1.6 ล้านบาท ที่ใช้ในการล่อซื้อยาไอซ์ โทรศัพท์มือถือ 4 เครื่อง เงินสกุลดอลล่าร์สหรัฐ สกุลริงกิตมาเลเซีย และเงินสกลุเรียลอิหร่านอีกจำนวนหนึ่ง โดยจับกุมได้ที่ห้องเลขที่ 434 โรงแรมปริ๊นซ์ ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี
พล.ต.ท.สัณฐาน เปิดเผยว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจปราบปรามอบายมุข บก.น.1 สืบทราบว่า กลุ่มผู้ต้องหาเป็นแก๊งค้ายาเสพติดรายใหญ่ที่มักจะขายยาครั้งละหลายกิโลกรัม จึงวางแผนจับกุมโดยวิธีล่อซื้อยาไอซ์จำนวน 3 กิโลกรัม ในราคา 4.8 ล้านบาท โดยนัดส่งยากันที่โรงแรมดังกล่าว แต่หลังจากนั้นกลุ่มผู้ต้องบอกว่าหายาไอซ์ได้ทันแค่ 1 กิโลกรัมเท่านั้น เจ้าหน้าที่จึงขอซื้อในราคา 1.6 ล้านบาท
พล.ต.ท.สัณฐาน กล่าวต่อว่า จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้เปิดห้องพักเลขที่ 434 ไว้เพื่อใช้ในการล่อซื้อ พร้อมทั้งวางกำลังชุดจับกุมและชุดสนับสนุนอีกหลายสิบคนปลอมตัวเป็นเจ้าหน้าที่รปภ. และเจ้าหน้าที่ทำความสะอาดไว้ในโรงแรมดังกล่าว และเปิดห้องพักเพิ่มอีก 3 ห้อง เพื่อเฝ้าติดตามพฤติกรรม จนกระทั่งเวลา 19.00 น.ผู้ต้องหาได้นัดให้ไปรับยาที่ห้องเลขที่ 342 ชั้น 3 ของโรงแรม แต่เนื่องจากผู้ต้องสังเกตเห็นกลุ่มเจ้าหน้าที่มาจำนวนมากเกินไปจึงไหวตัวที่ให้นายบิสฮอลเป็นคนรับเงิน ส่วนนายฮาบาสไปยืนถือยาไอซ์ไว้ที่ชักโครกในห้องน้ำ เมื่อเจ้าหน้าที่จู่โจมเข้าจับกุม นายฮาบาสก็รีบเทยาลงชักโครกแล้วกดน้ำทำลายหลักฐานทันที ทำให้ของกลางที่ล่อซื้อเหลือเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ส่วนใหญ่ละลายไปกับน้ำ
พล.ต.ท.สัณฐาน กล่าวต่อว่า จากการสอบสวนกลุ่มผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าลักลอบเข้ามาค้ายาเสพติดอยู่ในเมืองไทยนานกว่า 4 ปีแล้ว โดยจะไปรับยาไอซ์จำนวนดังกล่าวมาจากชายชาวปากีสถานที่ชื่อ “รามัน” ซึ่งอาศัยอยู่ในพัทยา จากนั้นก็นำมาจำหนน่ายให้ลูกค้าทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติใน กทม. แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การ เนื่องจากเชื่อว่าผู้ต้องหาแก๊งนี้น่าจะเป็นเครือข่ายใหญ่ที่ลักลอบขนยาไอซ์จำนวนหลายสิบกิโลกรัมมาขายในไทย ซึ่งหลังจากนี้จะทำการสอบสวนขยายผลต่อไป
พล.ต.ท.สัณฐาน กล่าวด้วยว่า เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จะประสานเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบหายาไอซ์ที่ผู้ต้องหากดชักโครกทิ้งไปในห้องน้ำของโรงแรมเพื่อนำมาเป็นหลักฐาน ส่วนผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ได้แจ้งข้อหาร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (ยาไอซ์) ไว้รอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย ก่อนนำตัวไปดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป