ชุดสืบ บก.น.2 ตามรวบผู้ต้องหาฆ่าชิงทรัพย์อาจารย์ ม.เกษตร ได้หลังหนีกบดานบ้านเกิดใน จ.สกลนคร หลังลงพื้นที่สอบกลุ่มคนรักร่วมเพศในสวนรถไฟที่เกิดเหตุ พบผู้ต้องสงสัยก่อเหตุชิงทรัพย์หลายครั้ง เจ้าตัวเผยก่อเหตุมาแล้ว 4 ครั้งแกล้งเข้าตีสนิทเหยื่อแล้วใช้ท่อนเหล็กฟาดเอาของมีค่า อ้างไม่หวังถึงตายหลังก่อเหตุโทร.แจ้ง 191 ให้ช่วย
วันนี้ (10 ธ.ค.) เมื่อเวลา 19.00 น. พ.ต.อ.ปิยะวัฒน์ บุญยืนอนนต์ ผกก.สส.บก.น.2 พ.ต.ท.ภิรมย์ สวนทอง รอง ผกก.สส.บก.น.2 พร้อมกำลังจับกุม นายวิษณุ บัวลอย อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 38 หมู่ 1 ต.โนนสูง อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร ผู้ต้องหาฆ่าชิงทรัพย์อาจารย์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ พร้อมของกลาง โทรศัพท์มือถือ 4 เครื่อง กระเป๋าเอกสาร 1 ใบ โดยจับกุมได้ในพื้นที่ จ.สกลนคร
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อกลางดึกวันที่ 5 ธ.ค.ที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุคนร้ายฆ่าชิงทรัพย์ นายสราวุฒิ เลิศมาลัยมาลย์ อายุ 36 ปี อาจารย์ภาคบัญชี คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร์ เหตุเกิดบริเวณริมบึง ภายในสวนรถไฟ กม.11 ท้องที่ สน.บางซื่อ
หลังเกิดเหตุชุดสืบสวน กก.สส.บก.น.2 ได้ลงพื้นที่โดยรอบที่เกิดเหตุเพื่อสอบถามพยานแวดล้อม โดยเฉพาะกลุ่มคนรักร่วมเพศที่มักมามั่วสุมบริเวณนี้ทราบว่า ผู้ต้องสงสัยเป็นชายรูปร่างสูง ผมยาว นอกจากนี้ยังได้ตรวจสอบคดีทำร้ายร่างกาย และชิงทรัพย์ที่เกิดขึ้นในระแวกดังกล่าวด้วย ซึ่งพบว่าก่อนเกิดเหตุกับนายสราวุฒินั้นได้มีผู้เสียหายเป็นชายถูกตีด้วยท่อนเหล็ก และชิงทรัพย์มาแล้ว 3 ครั้ง แต่ส่วนใหญ่ไม่ได้เข้าแจ้งความเนื่องจากเกรงว่าจะเกิดความอับอาย แต่ก็มีอยู่รายหนึ่งที่กำลังพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลเปาโล สาขาสะพานควาย ตำรวจจึงเข้าไปสอบปากคำพบว่าผู้ต้องสงสัยคดีนี้มีรูปพรรณสัณฐานตรงกันจึงบันทึกไว้เป็นหลักฐานและประสานพนักงานสอบสวน สน.บางซื่อ ขออนุมัติหมายจับชายตามภาพสเก็ตช์ดังกล่าว กระทั่งสามารถสืบสวนติดตามจับกุมผู้ต้องหารายนี้มาได้หลังหนีไปกบดานอยู่ในพื้นที่ จ.สกลนคร
สอบสวนเบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า เคยก่อเหตุลักษณะนี้ภายในบริเวณสวนรถไฟมาแล้ว 4 ครั้ง โดยแต่ละครั้งจะเข้าไปทำทีพูดคุยเพื่อตีสนิทกับเหยื่อ เมื่อสบโอกาสก็จะใช้ท่อนเหล็กสั้นที่ขโมยมาจากสถานที่ออกกำลังกายในสวนรถไฟมาทำร้ายเหยื่อ ก่อนจะขโมยเอาทรัพย์สินต่างๆหลบหนีไป แต่ในการก่อเหตุแต่ละครั้งนั้นตนไม่ได้มีเจตนาจะทำร้ายให้ถึงแก่ชีวิต เพียงแต่ต้องการเอาทรัพย์สินไปเท่านั้น ซึ่งในรายของนายสราวุฒินั้นหลังจากก่อเหตุแล้วตนได้โทรไปแจ้ง 191 ให้รีบส่งเจ้าหน้าที่มาให้การช่วยเหลือด้วย จากนั้นตนได้หลบหนีไปที่ จ.สมุทรปราการ ก่อนจะเดินทางกลับบ้านเกิดที่ จ.สกลนคร และนำโทรศัพท์มือถือไปขายได้เงินมา 2,000 บาท
วันนี้ (10 ธ.ค.) เมื่อเวลา 19.00 น. พ.ต.อ.ปิยะวัฒน์ บุญยืนอนนต์ ผกก.สส.บก.น.2 พ.ต.ท.ภิรมย์ สวนทอง รอง ผกก.สส.บก.น.2 พร้อมกำลังจับกุม นายวิษณุ บัวลอย อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 38 หมู่ 1 ต.โนนสูง อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร ผู้ต้องหาฆ่าชิงทรัพย์อาจารย์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ พร้อมของกลาง โทรศัพท์มือถือ 4 เครื่อง กระเป๋าเอกสาร 1 ใบ โดยจับกุมได้ในพื้นที่ จ.สกลนคร
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อกลางดึกวันที่ 5 ธ.ค.ที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุคนร้ายฆ่าชิงทรัพย์ นายสราวุฒิ เลิศมาลัยมาลย์ อายุ 36 ปี อาจารย์ภาคบัญชี คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร์ เหตุเกิดบริเวณริมบึง ภายในสวนรถไฟ กม.11 ท้องที่ สน.บางซื่อ
หลังเกิดเหตุชุดสืบสวน กก.สส.บก.น.2 ได้ลงพื้นที่โดยรอบที่เกิดเหตุเพื่อสอบถามพยานแวดล้อม โดยเฉพาะกลุ่มคนรักร่วมเพศที่มักมามั่วสุมบริเวณนี้ทราบว่า ผู้ต้องสงสัยเป็นชายรูปร่างสูง ผมยาว นอกจากนี้ยังได้ตรวจสอบคดีทำร้ายร่างกาย และชิงทรัพย์ที่เกิดขึ้นในระแวกดังกล่าวด้วย ซึ่งพบว่าก่อนเกิดเหตุกับนายสราวุฒินั้นได้มีผู้เสียหายเป็นชายถูกตีด้วยท่อนเหล็ก และชิงทรัพย์มาแล้ว 3 ครั้ง แต่ส่วนใหญ่ไม่ได้เข้าแจ้งความเนื่องจากเกรงว่าจะเกิดความอับอาย แต่ก็มีอยู่รายหนึ่งที่กำลังพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลเปาโล สาขาสะพานควาย ตำรวจจึงเข้าไปสอบปากคำพบว่าผู้ต้องสงสัยคดีนี้มีรูปพรรณสัณฐานตรงกันจึงบันทึกไว้เป็นหลักฐานและประสานพนักงานสอบสวน สน.บางซื่อ ขออนุมัติหมายจับชายตามภาพสเก็ตช์ดังกล่าว กระทั่งสามารถสืบสวนติดตามจับกุมผู้ต้องหารายนี้มาได้หลังหนีไปกบดานอยู่ในพื้นที่ จ.สกลนคร
สอบสวนเบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า เคยก่อเหตุลักษณะนี้ภายในบริเวณสวนรถไฟมาแล้ว 4 ครั้ง โดยแต่ละครั้งจะเข้าไปทำทีพูดคุยเพื่อตีสนิทกับเหยื่อ เมื่อสบโอกาสก็จะใช้ท่อนเหล็กสั้นที่ขโมยมาจากสถานที่ออกกำลังกายในสวนรถไฟมาทำร้ายเหยื่อ ก่อนจะขโมยเอาทรัพย์สินต่างๆหลบหนีไป แต่ในการก่อเหตุแต่ละครั้งนั้นตนไม่ได้มีเจตนาจะทำร้ายให้ถึงแก่ชีวิต เพียงแต่ต้องการเอาทรัพย์สินไปเท่านั้น ซึ่งในรายของนายสราวุฒินั้นหลังจากก่อเหตุแล้วตนได้โทรไปแจ้ง 191 ให้รีบส่งเจ้าหน้าที่มาให้การช่วยเหลือด้วย จากนั้นตนได้หลบหนีไปที่ จ.สมุทรปราการ ก่อนจะเดินทางกลับบ้านเกิดที่ จ.สกลนคร และนำโทรศัพท์มือถือไปขายได้เงินมา 2,000 บาท