ดีเอสไอหอบสำนวนคดี “อัลรู ไวรี” จำนวน 2,000 หน้า ยื่นฟ้อง “พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม” และพวก ในความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่น อัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 1 รับสำนวนไว้พิจารณา นัดฟังคำสั่งคดีต่อไป ขณะที่ “สมคิด” ยื่นขอความเป็นธรรมต่ออัยการสูงสุด พร้อมไม่หนักใจเตรียมหลักฐานสู้เต็มที่
วันนี้ (9 ธ.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น.ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถ.รัชดาภิเษก พ.ต.อ.สุชาติ วงษ์อนันตชัย รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)นำสำนวนการสอบสวนจำนวน 8 แฟ้มรวม 2,000 หน้า พร้อมความเห็นสมควรสั่งฟ้อง พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม ผบช.ภ.5,พ.ต.อ. สรรักษ์ หรือสมชาย จูสนิท ผกก.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน ,พ.ต.อ.ประภาส ปิยะมงคล ผกก.สภ.น้ำขุ่น จ.อุบลราชธานี ,พ.ต.ท.สุรเดช อุดมดี และจ.ส.ต.ประสงค์ ทอรั้ง ตำรวจนอกราชการ ในความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน ปิดบังซ่อนเร้นทำลายศพ ร่วมกันกักขังหน่วงเหนี่ยว ข่มขืนใจให้ผู้อื่นกระทำหรือไม่กระทำการใด โดยกล่าวหาว่าร่วมกันฆ่านายโมฮัมหมัด อัลลูไวรี่ นักธุรกิจชาวซาอุดิอาระเบีย พระญาติกษัตริย์ไฟซาล ซึ่งหายตัวไปตั้งแต่ ปี 2533 ส่งมอบให้นายรุจ เขื่อนสุวรรณ อัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 1 เพื่อพิจารณาสั่งคดี
ทั้งนี้ อัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 1 เปิดเผยว่าเนื่องจากในคดีนี้ผู้ต้องเข้ามอบตัวรับทราบข้อกล่าวหาด้วยตัวเองตั้งแต่ต้นจึงอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวโดยไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ยื่นประกัน และนัดผู้ต้องหามาฟังคำสั่งคดีอีกครั้งในวันที่ 29 ธ.ค.นี้ เวลา 10.00 น.
ด้าน พล.ต.ท.สมคิด กล่าวว่า ส่วนตัวไม่รู้สึกหนักใจเพราะเตรียมพยานหลักฐานเอาไว้ต่อสู้พิสูจน์ความบริสุทธิ์ ซึ่งเชื่อว่าพนักงานอัยการจะใช้ดุลยพินิจพิจารณาคดีอย่างรอบคอบ นอกจากนี้ยังได้ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่ออัยการสูงสุด แต่จะขอความเป็นธรรมในประเด็นใดบ้างยังไม่ขอเปิดเผย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอัล-รูไวรี่ ถูกอุ้มหาย ไปเมื่อประมาณปี 2533 พร้อมกับคดีสังหารเจ้าหน้าที่สถานทูตซาอุฯ โดยทั้งสองคดีเป็นเรื่องกระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ หลังจากนั้นกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอ ได้รับคดีทั้งสองคดีมาเป็นคดีพิเศษ พร้อมกับสอบสวนเรื่องนี้ ซึ่งคดีจะครบ 20 ปี และหมดอายุความลงในปี 2553