DSI ขออนุมัติศาลออกหมายเรียกคดีฆ่านายมูฮัมหมัด อัลรูไวลี่ นักธุรกิจชาวซาอุดีอาระเบีย โดยผู้ต้องหาเป็นอดีตข้าราชการ-อดีตข้าราชการตำรวจ รวม 5 คน ให้มารับทราบข้อกล่าวหา 22 ต.ค.เวลา 10 โมงเช้า
วันนี้ (13 ต.ค.) พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันท์ รองอธิบดีดีเอสไอ เปิดเผยว่า พ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันตชัย รองอธิบดีดีเอสไอ และคณะได้รับมอบหมายจาก พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (รักษาการรองปลัดกระทรวงยุติธรรม) ให้เดินทางไปยื่นคำร้องต่อศาลอาญา ขอให้ศาลออกหมายจับข้าราชการและอดีตข้าราชการตำรวจ รวม 5 คน ซึ่งได้หรือน่าจะได้กระทำความผิดอาญาร้ายแรง ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงเกิน 3 ปี (กรณีการหายตัวไปของ นายมูฮัมหมัด อัลรูไวลี่ นักธุรกิจชาวซาอุดิอาระเบีย เมื่อปี พ.ศ. 2533)
คดีนี้สืบเนื่องมาจากคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) ได้มีมติรับคดีฆาตกรรมเจ้าหน้าที่ฑูตซาอุดีอาระเบีย และกรณีการหายตัวไปของนักธุรกิจชาวซาอุดีอาระเบีย เป็นคดีพิเศษที่ 4/2547 เนื่องจากคดีนี้เป็นคดีสำคัญที่มีผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้ร่วมกับ พนักงานอัยการ ประกอบด้วย นายธนพิชญ์ มูลพฤกษ์ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษ, นายสนอง แก่นแก้ว อัยการอาวุโส และ นายรุจ เขื่อนสุวรรณ อัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ ทำการสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานมาโดยตลอด จนกระทั่งได้ข้อเท็จจริงเป็นที่ยุติ และรับฟังได้ว่า สามารถดำเนินคดีกับกลุ่มบุคคลดังกล่าว ในความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นเพื่อปกปิดความผิดอื่นของตนหรือเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดอื่นที่ตนได้กระทำไว้ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83 และ 289(7) เห็นควรออกหมายจับกุมตัวมาดำเนินคดี จึงได้เดินทางไปยื่นคำร้องต่อศาล
ทั้งนี้ ศาลได้พิเคราะห์พยานหลักฐานของผู้ร้องแล้ว เห็นว่า ปัจจุบันกลุ่มผู้ที่ถูกยื่นคำร้องให้ออกหมายจับยังคงรับราชการตำรวจ มีตำแหน่งเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ และมีที่อยู่แน่นอน ประกอบกับพนักงานสอบสวนก็ยังไม่ได้ออกหมายเรียกผู้ต้องหา จึงให้ออกหมายเรียกผู้ต้องหามารับทราบข้อกล่าวหาก่อน ซึ่งคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษจะได้ปฏิบัติตามคำแนะนำของศาล โดยจะมีหนังสือเชิญตัวและออกหมายเรียกบุคคลดังกล่าวมาแจ้งข้อกล่าวหาตามคำสั่งของศาล ในวันที่ 22 ตุลาคม 2552 เวลา 10.00 น.ตามมาตรา 24(4) ของ พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ.2547 ต่อไป