“จุมพล” ไม่รู้จักสาววัย 25 ยันไม่ใช่หลานตามที่ถูกกล่าวอ้าง เร่งให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งหมด ย้ำเป็นเรื่องที่แย่มาก เพราะไม่เคยข้องแวะกับใคร ส่วนใหญ่ญาติจะอยู่ต่างจังหวัด ไม่มีในกรุงเทพฯ
จากกรณีที่ น.ส.พัทธนันท์ วิยาภรณ์ อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 166 ซ.สิรินธร 2 แขวงบางพลัด เขตบางพลัด กทม. และนางอุษา วิยาภรณ์ อยู่บ้านเลขที่ 168 ซ.สิรินธร 2 แขวงบางพลัด เขตบางพลัด กทม. ซึ่งแอบอ้างตนเป็นหลานของ พล.ต.อ.จุมพล มั่นหมาย รอง ผบ.ตร. ข่มขู่พูดจาดูหมิ่น และทำร้ายร่างกายวัยรุ่นต่างด้าว โดยเหตุเกิดเมื่อวานนี้ (7 ธ.ค.) น.ส.พัทธนันท์ ได้ขับรถยนต์โตโยต้า รุ่นอัลติส สีเทา ทะเบียน ฌอ 8894 กทม. กลับรถในจุดห้ามกลับบริเวณหน้าตลาดบางกอกน้อย แล้วไปชนกับรถจักรยานยนต์ของวัยรุ่นชาวต่างด้าว 2 คนไม่ทราบสัญชาติที่ขับขี่ซ้อนกันมา ทำให้ทั้ง 2 คนได้รับบาดเจ็บสาหัส หลังเกิดเหตุก็วิ่งหนีไป ส่วนคนขับขี่รถจักรยานยนต์ได้พยายามจะสตาร์ทรถขับออกไป แต่ น.ส.พัทธนันท์ ลงมาจากรถยนต์แล้วเข้ามาต่อว่า และพยายามให้ชาวต่างด้าวที่บาดเจ็บยกมือไหว้ขอโทษ พร้อมกับพูดคำหยาบอ้างเป็นหลานนายตำรวจใหญ่ นั้น
วันนี้ (8 ธ.ค.) เมื่อเวลา 12.50 น. พล.ต.อ.จุมพล มั่นหมาย รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รองผบ.ตร.) แคนดิเดต ผบ.ตร.คนที่ 7 กล่าวปฏิเสธในเรื่องดังกล่าวว่า ไม่เคยรู้จักกับบุคคลทั้งสอง และไม่เคยมีญาติพี่น้องใน กทม. ส่วนใหญ่จะอยู่ในต่างจังหวัด ซึ่งส่วนตัวมองว่าเป็นเรื่องที่แย่มาก ตนเป็นคนที่ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับใครอยู่แล้ว ซึ่งขณะนี้ได้ให้ผู้ใต้บังคับบัญชาตรวจสอบข้อเท็จจริง และความเป็นมาของบุคคลที่อ้างตัวเป็นหลานตนเองอยู่ ถ้าได้เรื่องเช่นไร คงต้องมาดูอีกทีจะว่ากันไปอย่างไร
พล.ต.อ.จุมพล กล่าวด้วยว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีคนโทร.เข้ามาสอบถามตนเป็นจำนวนมาก แต่ตนบอกได้เลยว่าไม่รู้จักบุคคลทั้งสองแน่นอน ส่วนการที่อ้างตัวเป็นหลานตนไม่เข้าใจว่ามีจุดประสงค์อะไร ขอตรวจสอบก่อน
“ผมไม่รู้จักเค้า เค้าไม่ใช่ญาติกับผม ผมไม่เคยมีญาติใน กทม. มีแต่ต่างจังหวัด ขับรถไปชนใคร แล้วมีคนโทร.ถามผมเยอะ ผมก็งงว่ามีญาติเพิ่มขึ้นเยอะทั้งที่ไม่รู้จักเค้าเลย ตอนนี้กำลังตรวจสอบอยู่ อย่างนี้แย่ ตายเลย ซึ่งจะเอาไงต่อไปต้องดู ต้องดูก่อน รอตรวจสอบก่อน” พล.ต.อ.จุมพล กล่าว
ขณะที่ร.ต.ต.นพรัตน์ จงเชิดชูตระกูล พนักงานสอบสวน (สบ 1) สน.บางกอกน้อย เจ้าของคดี เปิดเผยความคืบหน้าคดีนี้ว่า หลังจาก น.ส.สินีรินทร์ เดินทางมาแจ้งความว่าถูก น.ส.พัทธนันท์ ข่มขู่และต่อว่าแบบเสียหาย ทางพนักงานสอบสวนก็ได้ทำการสอบปากคำทั้งงสองฝ่ายแล้ว แต่ทั้งคู่ยังไม่ยอมความกัน เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้ควบคุมตัวใครไว้ เนื่องจากเป็นคดีที่สามารถไกล่เกลี่ยกันได้ จึงอยากให้เจรจาพูดคุยกันก่อน ส่วนเรื่องที่ น.ส.พัทธนันท์ อ้างว่า ตัวเองเป็นหลาน พล.ต.อ.จุมพล มั่นหมาย รอง ผบ.ตร.นั้น ก็ไม่เกี่ยวข้องกับคดีแต่อย่างใด อย่างไรก็ตามพนักงานสอบสวนจะให้ความเป็นกับคู่กรณีทั้งสองฝ่าย
ร.ต.ต.นพรัตน์ กล่าวต่อว่า ส่วนคดีที่ น.ส.พัทธนันท์ ขับรถชนวัยรุ่นต่างด้าวทั้งสองคนจนได้รับบาดเจ็บนั้น ก็จะประสานให้ฝ่ายจราจรของ สน.บางกอกน้อย ไปตรวจสอบจุดเกิดเหตุดังกล่าวว่า เป็นจุดที่สามารถกลับรถได้หรือไม่ เพื่อดูอีกครั้งว่าใครเป็นฝ่ายผิด ส่วนผู้บาดเจ็บทั้งสองรายหากอาการดีขึ้น ก็จะเชิญตัวมาสอบปากคำ พร้อมทั้งจะให้ร้อยเวรด้านคดีจราจรดำเนินการต่อไป
ขับรถชนอ้างหลาน “จุมพล” ขู่ย้ายสามีคนเข้าไปช่วย
จากกรณีที่ น.ส.พัทธนันท์ วิยาภรณ์ อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 166 ซ.สิรินธร 2 แขวงบางพลัด เขตบางพลัด กทม. และนางอุษา วิยาภรณ์ อยู่บ้านเลขที่ 168 ซ.สิรินธร 2 แขวงบางพลัด เขตบางพลัด กทม. ซึ่งแอบอ้างตนเป็นหลานของ พล.ต.อ.จุมพล มั่นหมาย รอง ผบ.ตร. ข่มขู่พูดจาดูหมิ่น และทำร้ายร่างกายวัยรุ่นต่างด้าว โดยเหตุเกิดเมื่อวานนี้ (7 ธ.ค.) น.ส.พัทธนันท์ ได้ขับรถยนต์โตโยต้า รุ่นอัลติส สีเทา ทะเบียน ฌอ 8894 กทม. กลับรถในจุดห้ามกลับบริเวณหน้าตลาดบางกอกน้อย แล้วไปชนกับรถจักรยานยนต์ของวัยรุ่นชาวต่างด้าว 2 คนไม่ทราบสัญชาติที่ขับขี่ซ้อนกันมา ทำให้ทั้ง 2 คนได้รับบาดเจ็บสาหัส หลังเกิดเหตุก็วิ่งหนีไป ส่วนคนขับขี่รถจักรยานยนต์ได้พยายามจะสตาร์ทรถขับออกไป แต่ น.ส.พัทธนันท์ ลงมาจากรถยนต์แล้วเข้ามาต่อว่า และพยายามให้ชาวต่างด้าวที่บาดเจ็บยกมือไหว้ขอโทษ พร้อมกับพูดคำหยาบอ้างเป็นหลานนายตำรวจใหญ่ นั้น
วันนี้ (8 ธ.ค.) เมื่อเวลา 12.50 น. พล.ต.อ.จุมพล มั่นหมาย รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รองผบ.ตร.) แคนดิเดต ผบ.ตร.คนที่ 7 กล่าวปฏิเสธในเรื่องดังกล่าวว่า ไม่เคยรู้จักกับบุคคลทั้งสอง และไม่เคยมีญาติพี่น้องใน กทม. ส่วนใหญ่จะอยู่ในต่างจังหวัด ซึ่งส่วนตัวมองว่าเป็นเรื่องที่แย่มาก ตนเป็นคนที่ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับใครอยู่แล้ว ซึ่งขณะนี้ได้ให้ผู้ใต้บังคับบัญชาตรวจสอบข้อเท็จจริง และความเป็นมาของบุคคลที่อ้างตัวเป็นหลานตนเองอยู่ ถ้าได้เรื่องเช่นไร คงต้องมาดูอีกทีจะว่ากันไปอย่างไร
พล.ต.อ.จุมพล กล่าวด้วยว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีคนโทร.เข้ามาสอบถามตนเป็นจำนวนมาก แต่ตนบอกได้เลยว่าไม่รู้จักบุคคลทั้งสองแน่นอน ส่วนการที่อ้างตัวเป็นหลานตนไม่เข้าใจว่ามีจุดประสงค์อะไร ขอตรวจสอบก่อน
“ผมไม่รู้จักเค้า เค้าไม่ใช่ญาติกับผม ผมไม่เคยมีญาติใน กทม. มีแต่ต่างจังหวัด ขับรถไปชนใคร แล้วมีคนโทร.ถามผมเยอะ ผมก็งงว่ามีญาติเพิ่มขึ้นเยอะทั้งที่ไม่รู้จักเค้าเลย ตอนนี้กำลังตรวจสอบอยู่ อย่างนี้แย่ ตายเลย ซึ่งจะเอาไงต่อไปต้องดู ต้องดูก่อน รอตรวจสอบก่อน” พล.ต.อ.จุมพล กล่าว
ขณะที่ร.ต.ต.นพรัตน์ จงเชิดชูตระกูล พนักงานสอบสวน (สบ 1) สน.บางกอกน้อย เจ้าของคดี เปิดเผยความคืบหน้าคดีนี้ว่า หลังจาก น.ส.สินีรินทร์ เดินทางมาแจ้งความว่าถูก น.ส.พัทธนันท์ ข่มขู่และต่อว่าแบบเสียหาย ทางพนักงานสอบสวนก็ได้ทำการสอบปากคำทั้งงสองฝ่ายแล้ว แต่ทั้งคู่ยังไม่ยอมความกัน เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้ควบคุมตัวใครไว้ เนื่องจากเป็นคดีที่สามารถไกล่เกลี่ยกันได้ จึงอยากให้เจรจาพูดคุยกันก่อน ส่วนเรื่องที่ น.ส.พัทธนันท์ อ้างว่า ตัวเองเป็นหลาน พล.ต.อ.จุมพล มั่นหมาย รอง ผบ.ตร.นั้น ก็ไม่เกี่ยวข้องกับคดีแต่อย่างใด อย่างไรก็ตามพนักงานสอบสวนจะให้ความเป็นกับคู่กรณีทั้งสองฝ่าย
ร.ต.ต.นพรัตน์ กล่าวต่อว่า ส่วนคดีที่ น.ส.พัทธนันท์ ขับรถชนวัยรุ่นต่างด้าวทั้งสองคนจนได้รับบาดเจ็บนั้น ก็จะประสานให้ฝ่ายจราจรของ สน.บางกอกน้อย ไปตรวจสอบจุดเกิดเหตุดังกล่าวว่า เป็นจุดที่สามารถกลับรถได้หรือไม่ เพื่อดูอีกครั้งว่าใครเป็นฝ่ายผิด ส่วนผู้บาดเจ็บทั้งสองรายหากอาการดีขึ้น ก็จะเชิญตัวมาสอบปากคำ พร้อมทั้งจะให้ร้อยเวรด้านคดีจราจรดำเนินการต่อไป
ขับรถชนอ้างหลาน “จุมพล” ขู่ย้ายสามีคนเข้าไปช่วย
