พ.ต.ต.ตีนโหดก่อเหตุอัปยศ ชกหน้าอาม่าวัย 60 คว่ำก่อนเหยียบซ้ำ แถมยกพวกรุมยำลูกเขยคู่กรณีกลางโรงพักเพชรเกษม หลังตกลงข้อพิพาทเรื่องเช่าบ้านไม่สำเร็จ โดนจับได้ยังไร้สำนึกปฏิเสธข้อหาหน้าตาเฉย ให้นายโทร.เคลียร์ท้องที่ขอเปลี่ยนตัวผู้ต้องหาแต่ไม่เป็นผล คู่กรณีชี้ไร้จริยธรรมทำได้กระทั่งผู้หญิงแก่ยืนยันเอาผิดถึงที่สุด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 22.30 น.วานนี้ (29 พ.ย.) ขณะที่ ร.ต.ท.ภานุทัศน์ คิดนอก พนักงานสอบสวน (สบ 1) สน.เพชรเกษม กำลังปฎิบัติหน้าที่อยู่บนโรงพัก เจ้าหน้าที่สายตรวจนำตัวนางธนิดา ศรีสุวรรณ อายุ 60 ปี กับ ส.ต.ท.ภาณุพันธ์ กิตติชัยเดช คู่กรณีเหตุบุกรุกที่บ้านเลขที่ 11/69 หมู่บ้านนาราศิริ ถนนกาญจนาภิเษก แขวงและเขตบางแค กทม.ขึ้นมาส่งให้ร.ต.ท.ภานุทัศน์ ทำการไกล่เกลี่ย
แต่ช่วงนั้นพนักงานสอบสวนที่อยู่ในห้องจำนวน 3 นาย กำลังสอบสวนผู้ต้องหาและผู้เสียหายคดีชิงทรัพย์ร้านทองที่เกิดเมื่อช่วงเย็นวันเดียวกัน ทางพนักงานสอบสวนจึงพยายามให้ทั้งคู่ไกล่เกลี่ยยอมความกัน เนื่องจากว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องเข้าใจผิด เพราะบ้านหลังที่เกิดเหตุนั้นเดิมเป็นของนางธนิดา แต่ต่อมาได้โอนให้เป็นของ น.ส.อรอนงค์ พินิจพงษ์พันธ์ อายุ 37 ปี ลูกสะใภ้ที่ไม่ได้จดทะเบียนกับลูกชาย โดยทุกวันนี้นางธนิดาก็ได้เข้าไปดูแลความเรียบร้อยในบ้านหลังนี้เป็นประจำ
จากนั้นเวลาประมาณ 20.00 น.วันเกิดเหตุ นางธนิดาสังเกตเห็นว่าบ้านหลังดังกล่าวถูกเปิดไฟสว่างทั้งที่ไม่มีใครอยู่จึงเข้าไปตรวจสอบก็พบ ส.ต.ท.ภาณุพันธ์ อยู่กับเพื่อน ทาง ส.ต.ท.ภาณุพันธ์ ก็ยืนยันว่าได้เช่าบ้านหลังดังกล่าวมาจาก น.ส.อรอนงค์ แล้ว โดยจ่ายค่าเช่าเดือนละ 20,000 บาท และมีสัญญาเช่าถูกต้อง แต่นางธนิดายืนยันว่าให้รอลูกชายตนเองที่เป็นแฟนของลูกสะใภ้ซึ่งกำลังบวชพระอยู่สึกออกมาเสียก่อน ทำให้การเจรจาไม่เป็นผล ทั้งสองฝ่ายจึงเรียกตำรวจสายตรวจมารับตัวไปตกลงกันที่โรงพัก
หลังจากพนักงานสอบสวนปล่อยให้คู่กรณีนั่งเจรจากันประมาณ 1 ชั่วโมง ทางพนักงานสอบสวนก็นำทองคำของกลางจำนวน 25 เส้น อีกคดีไปคืนผู้เสียหายที่บนชั้น 2 ของโรงพัก ส่วนพนักงานสอบสวนที่เหลือแยกย้ายกันสอบปากคำผู้ต้องหาคดีชิงทอง จึงทำให้ในห้องสอบสวนไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ ช่วงจังหวะนั้นเอง ส.ต.ท.ภาณุพันธ์ จึงโทรศัพท์ตามลูกพี่และลูกน้อง ประมาณ 10 คน แต่งกายเป็นตำรวจนอกเครื่องแบบทั้งหมด นำมาโดย พ.ต.ต.อรรถวุฒิ กิจคาม สวป.สภ.เจริญศิลป์ จ.สกลนคร ช่วยราชการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มาที่โรงพัก
เมื่อมาถึงหนึ่งในจำนวนนั้นก็เรียกตัวนายยุทธนา กลิ่นขจร อายุ 33 ปี ลูกเขยของนางธนิดา พร้อมกับลูกสาวและหลานชายวัย 1 ขวบครึ่ง ที่เดินทางมาพร้อมกับนางธนิดา ออกไปตกลงกันบริเวณลานจอดรถด้านข้างโรงพัก แต่นายยุทธนาไม่ยอมไป ทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจกรูกันเข้าไปหานายยุทธนา 5 คน ส่วนอีก 5 คนยืนคุมเชิงและล็อกประตูจากด้านนอกไว้ ก่อนที่ พ.ต.ต.อรรถวุฒิ จะเปิดฉากชกนายยุทธนาเข้าที่ปลายคาง จากนั้นก็รุมชกต่อยนายยุทธนาจนน่วมทรุดลงกับพื้น
จังหวะนั้นเอง นางธนิดาก็พยายามเข้าไปห้ามปราม แต่กลับถูก พ.ต.ต.อรรถวุฒิ ชกเข้าที่หน้าตาจนบวมช้ำ มีแผลแตกฟุบลงไปกับพื้น ก่อนใช้เท้าเหยียบหน้าไว้ ช่วงเวลานั้น ด.ต.วีระ ภู่ฤทธิ์ ผบ.หมู่ ป.สน.เพชรเกษม ซึ่งกำลังเข้าเวรห้องวิทยุอยู่ใกล้กับห้องพนักงานสอบสวนเห็นเหตุการณ์จึงรีบเข้ามาห้ามปราม ทำให้กลุ่มของ พ.ต.ต.อรรถวุฒิ แตกฮือแยกย้ายหลบหนีไป แต่ ด.ต.สายัณห์ ศรีสุวรรณ ผบ.หมู่ ป.ที่ผ่านเข้ามาผ่านมาพอดีจึงเข้าจับกุมตัว พ.ต.ต.อรรถวุฒิ ไว้ได้เพียงคนเดียว
ขณะถูกจับกุม พ.ต.ต.อรรถวุฒิ ได้แสดงบัตรเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่เจ้าหน้าที่ไม่สนใจ ก่อนทำการตรวจค้นตัวก็พบอาวุธปืนกล็อก ขนาด 9 มม.1 กระบอก ขึ้นลำพร้อมยิง ภายในมีกระสุน 9 นัด และโทรศัพท์มือถือ 9 เครื่อง จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน พร้อมแจ้งข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกายเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ แต่เจ้าตัวให้การปฏิเสธ พร้อมยื่นประกันตัวโดยใช้หลักทรัพย์ 30,000 บาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจาก พ.ต.ต.อรรถวุฒิ ประกันตัวออกไป ได้มีนายตำรวจระดับผู้ใหญ่โทรศัพท์มาเจรจาขอเปลี่ยนตัวผู้ต้องหา แต่ทาง พ.ต.อ.อนุชา อ่วมเจริญ ผกก.สน.เพชรเกษม ไม่ยินยอม ก่อนรีบรายงานให้ พล.ต.ต.กรีรินทร์ อินทร์แก้ว ผบก.น.9 รับทราบเป็นการด่วน ซึ่งทาง พล.ต.ต.กรีรินทร์ ได้สั่งดำเนินคดีอย่างรัดกุมและเฉียบขาด เนื่องจากผู้ต้องหาเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้ามากระทำการเกินกว่าเหตุบนโรงพัก และพิจารณาเงินรางวัลตามโครงการจับทันควันจ่ายทันที 24 ชั่วโมง ให้กับชุดจับกุม และกำชับพนักงานสอบสวนสืบสวนออกหมายเรียกผู้เกี่ยวข้องมาดำเนินคดีทั้งหมดอย่างเร่งด่วน
ด้าน นายยุทธนากล่าวว่า ตนไม่คิดว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจะเกิดขึ้นได้ในห้องพนักงานสอบสวนบนโรงพัก ทั้งที่น่าจะปลอดภัยที่สุด แถมคนลงมือก่อเหตุก็เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจที่บังคับใช้กฏหมายอีกด้วย แค่ทำกับตนคนเดียวก็ไม่มีทางสู้อยู่แล้ว แต่ยังไปทำกับแม่ยายตนเองที่อายุมากและเป็นผู้หญิงด้วย ถือว่าเป็นการกระทำที่ไม่มีจริยธรรม ตนกับแม่ยายยืนยันจะดำเนินคดีกับตำรวจกลุ่มนี้ให้ถึงที่สุด
ด้าน พล.ต.ต.กรีรินทร์ อินทร์แก้ว ผบก.น.9 กล่าวว่า เบื้องต้นได้สั่งการให้ พ.ต.อ.อนุชา อ่วมเจริญ ผกก.สน.เพชรเกษม กำชับทางพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีอย่างยุติธรรม ไม่เข้าข้างพวกเดียวกัน แม้ผู้ต้องหาจะเป็นตำรวจ แต่กระทำการละเมิดกฎหมาย จึงปกป้องไม่ได้ ส่วนกรณีที่มีข่าวระบุว่า ผู้บังคับบัญชาระดับสูงขอเปลี่ยนตัวผู้ต้องหานั้น ตนยืนยันว่าให้เปลี่ยนไม่ได้ ต้องว่าไปตามกฎหมาย อย่างไรก็ตามตนได้มอบเงินให้กับทางเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมที่สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ทันทีที่เกิดเหตุตามโครงการ “จับทันควัน จ่ายทันที 24 ชั่วโมง”