ผบช.น.แถลงข่าวจับกุมหม่องค้ายาบ้า 6,000 เม็ด พร้อมโทรศัพท์ 6 เครื่อง ผู้ต้องหารับขนยาบ้าจากชายแดนพม่า เพื่อมาจำหน่ายในกรุงเทพฯ ขณะเดียวกัน ผบช.น.เล็งคาดโทษตำรวจห้วยขวางไฟเขียว ปล่อยเด็กต่ำกว่า 18 ปี กว่า 200 คน มั่วสุมเที่ยวผับย่านรัชดา
วันนี้ (29 พ.ย.) เมื่อเวลา 10.00 น. พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผบช.น. พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 ร่วมกันแถลงข่าวผลการจับกุมตัว นายปูสต้า อายุ 45 ปี และ นายแตสใน อายุ 37 ปี สัญชาติพม่า พร้อมของกลางยาบ้า จำนวน 6,000 เม็ด และโทรศัพท์มือถือ จำนวน 6 เครื่อง โดยจับกุมตัวได้ที่หน้าโรงแรมปรินซ์ ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี กทม.
พล.ต.ท.สัณฐาน กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องมาจากเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้รับแจ้งจากสายลับ ว่า มีชาวพม่าลักลอบขนยาบ้ามาจากประเทศพม่า เพื่อนำมาจำหน่ายให้กับลูกค้าในกรุงเทพฯ เจ้าหน้าที่ ชปส.บก.น.1 จึงได้วางแผนทำการล่อซื้อ จำนวน 2,000 เม็ด โดยนัดส่งมอบยาบ้าที่บริเวณหน้าโรงแรมปรินซ์ เวลา 16.00 น.จนกระทั่งถึงเวลานัดหมายผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ได้มาถึง เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงแสดงตัวเข้าตรวจค้น พบยาบ้าซุกซ่อนอยู่ในตัวผู้ต้องหา จากนั้นจึงควบคุมตัวไปตรวจค้นที่บ้านเลขที่ 136/65 ซอยจรัญสนิทวงศ์ 4 แขวงวัดท่าพระ เขตบางกอกใหญ่ กทม.ซึ่งเป็นบ้านพักของ นายปูสต้า พบยาบ้าซุกซ่อนอยู่ในตู้เสื้อผ้าอีก 4,000 เม็ด จึงควบคุมตัวไปสอบสวนที่โรงพัก
พล.ต.ท.สัณฐาน กล่าวต่อว่า จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ได้ร่วมกันลำเลียงยาบ้ามาจากจังหวัดท่าขี้เหล็ก ประเทศพม่า โดยนำมาเที่ยวละ 2-3 มัด เมื่อนำมาจำหน่ายที่กรุงเทพฯหมดแล้ว ก็จะเดินทางกลับไปลำเลียงยาบ้ามาจำหน่ายอีก ได้ค่าจ้างครั้งละ 10,000 บาท สาเหตุที่ทำเนื่องจากทำงานรับจ้างที่แม่สายไม่เพียงพอ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหาร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย, เป็นบุคคลต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต ก่อนควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามต่อไป
ส่วนกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ บช.ปส.1 และสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) นำกำลังเข้าจู่โจมตรวจค้นร้านโมทาวร์บางกอก ถ.รัชดาภิเษก ซอย 8 แขวงและเขตห้วยขวาง กทม.เมื่อกลางดึกที่ผ่านมา พบเด็กวัยรุ่นอายุต่ำกว่า 20 ปี จำนวน 219 คน ส่วนใหญ่อายุประมาณ 14-16 ปี และไม่พกบัตรประชาชนอีก 10 คน อีกทั้งผลการตรวจสารเสพติดในปัสสาวะ ยังพบว่ามีฉี่เป็นสีม่วงจำนวน 32 คนตามที่มีการเสนอข่าวนั้น
พล.ต.ท.สัณฐาน เปิดเผยว่า เบื้องต้นได้รับรายงานแล้ว กรณีที่มีเด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี เข้าไปใช้บริการกว่า 200 คน และมีการพบสารเสพติดนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างละเอียดว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่ปล่อยปละละเลยได้อย่างไร ซึ่งในเรื่องนี้มีกฎหมายกำหนดเอาไว้อยู่แล้ว หากพบว่าตำรวจท้องที่ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ก็จะมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวน แต่ตอนนี้ยังไม่มีการดำเนินการอะไร ต้องรอตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน
วันเดียวกันเวลา 13.00 น.พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 และ พ.ต.อ.วีรวิทย์ จันทร์จำเริญ รอง ผบก.น.1 ได้พากันเดินทางมาตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับคดีนี้ที่ สน.ห้วยขวาง โดยใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ก่อนที่ พล.ต.ต.วิชัย จะให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า หลังเกิดเรื่องทางผู้บังคับบัญชาได้สั่งการให้ตนและ พ.ต.อ.วีรวิทย์มาเช็คข้อมูลที่โรงพักอย่างเร่งด่วน พบว่า พนักงานสอบสวน ได้ตั้งข้อกล่าวหาเปิดสถานบริการโดยไม่มีใบอนุญาต และจำหน่ายสุราโดยไม่ได้รับอนุญาตแก่เจ้าของสถานบริการดังกล่าวไปแล้ว ส่วนยอดของผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมเนื่องจากมีฉี่สีม่วง มีทั้งสิ้น 3 คน เป็นชาย 2 คน และหญิง 1 คน ผู้ที่ไม่พกพาบัตรประชาชน จำนวน 136 คน เยาวชนอายุไม่เกิน 18 ปี จำนวน 54 คนและตรวจค้นบุคคลที่มีอายุเกิน 18 ปี ไปแล้วอีก 82 คน
พล.ต.ต.วิชัย กล่าวอีกว่า สำหรับการเข้าจับกุมสถานบริการในท้องที่นั้น ตำรวจก็ได้ร่วมกันปฏิบัติเป็นประจำทุกวันศุกร์และวันเสาร์อยู่แล้ว เมื่อสัปดาห์ก่อนก็เพิ่งตรวจค้นสถานบันเทิงฮอลลีวูด ซึ่งอยู่ในละแวกเดียวกัน สามารถจับกุมนักเที่ยวทำผิดกฎหมายได้หลายราย แต่ในครั้งนี้ต้องยอมรับว่าอาจจะมีลอดหูลอดตาไปบ้าง ซึ่งที่ผ่านมาทางบช.ปส.และ ป.ป.ส.ก็ประสานข้อมูลเข้ามาให้ตำรวจท้องที่เข้าร่วมจับกุมด้วยตลอดอยู่แล้ว อย่างไรก็ตามขณะนี้ยังต้องรอผลการสอบสวนข้อเท็จจริงต่างๆ ให้แน่ชัดเสียก่อนว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นความบกพร่องของตำรวจท้องที่หรือไม่ ก่อนจะดำเนินการกันต่อไป โดยตนยืนยันว่าไม่ได้มาเพื่อออกโรงปกป้องลูกน้องแต่ต้องการมาชี้แจงข้อเท็จจริงให้ทุกฝ่ายได้รับทราบ
ด้าน นายประยงค์ ปรียาจิตต์ ผอ.ป.ป.ส. เปิดเผยว่า จากการปฏิบัติหน้าที่เมื่อคืนนี้มียอดนักเที่ยวที่เป็นเยาวชนอายุไม่เกิน 20 ปี ถูกจับกุมตัวได้ 221 คน ในจำนวนนี้มีเด็กอายุตั้งแต่ 13-16 ปี ที่ยังไม่มีบัตรประชาชนประมาณ 10 คน ส่วนผลการตรวจปัสสาวะนักเที่ยว จำนวน 34 คน แบ่งเป็นหญิง 23 คน และ ชาย 11 คน เบื้องต้นปรากฏว่า พบสารเมทแอมเฟตามีนในตัวผู้ต้องหาชาย 2 คน และ หญิง 1 คน ส่วนผลการตรวจปัสสาวะผู้ต้องหาที่เหลืออีก 31 คน ยังต้องรอผลอีกประมาณ 3 วันจึงจะทราบแน่ชัด ขณะเดียวกันหลังจากนี้ก็จะมีการสั่งปิดสถานบริการดังกล่าวเป็นเวลา 30 วันอีกด้วย
ขณะที่ พล.ต.ต.อติเทพ ปัญจมานนท์ กล่าวว่า ผลงานการจับกุมสถานบันเทิงโมทาวร์บางกออก เมื่อคืนนี้ตนได้รับการประสานขอความร่วมมือจากเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส.และเจ้าหน้าที่ ป.ป.ท. ของกระทรวงยุติธรรม โดยการปฏิบัติจะใช้กำลังหลักของ บช.ปส. เข้าดำเนินการ ซึ่งหลังจากนี้ทั้ง 3 หน่วยงานจะร่วมกันเร่งรัดดำเนินการนโยบายปราบปรามยาเสพติดในเชิงรุกให้มากขึ้น โดยเฉพาะตามสถานบริการต่างๆ ซึ่งวิธีการปฏิบัติก็คือจะมีการสนธิกำลังกันออกสุ่มตรวจตามผับหรือสถานบันเทิงต้องสงสัยหากพบว่ามีการปล่อยปละละเลยก็จะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดต่อไป