ศาลฎีกาสั่งเลือกตั้งใหม่ ส.ส.เขต 1 มหาสารคาม แทน “ ขจิตร ชัยนิคม ” ส.ส.เพื่อไทย ที่ถูกใบเหลืองหลังขึ้นโชว์ตัวบนเวทีหมอลำ
วันนี้ (26 พ.ย.) เมื่อเวลา 14.00 น. ที่ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง สนามหลวง ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำสั่งคดีหมายเลขดำ ลต.6/2552 ที่ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ผู้ร้อง ขอให้จัดเลือกตั้ง ส.ส.มหาสารคาม เขต 1 ใหม่ แทนนายขจิตร ชัยนิคม ส.ส.พรรคเพื่อไทย ที่ถูก กกต. พิจารณาให้ใบเหลือง
โดยคำร้อง กกต.ระบุว่า เมื่อวันที่ 19 ธ.ค.51 มีประกาศ พ.ร.ฎ.เลือกตั้ง ส.ส.มหาสารคาม เขต 1 ใหม่ 1 ตำแหน่งแทนตำแหน่ง ส.ส.ที่ว่างลง ในวันที่ 11 ม.ค.52 โดยนายขจิตร ผู้คัดค้านเป็นผู้สมัคร ส.ส.เพื่อไทย หมายเลข 4 และชนะการเลือกตั้ง กกต. ประกาศรับรอง แต่ต่อมานางกุสุมาวดี ศิริโกมุท ผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อแผ่นดิน หมายเลข 1 ยื่นร้องเรียนว่าการเลือกตั้งดังกล่าวไม่เป็นไปโดยสุจริต เที่ยงธรรม เนื่องจากวันที่ 2 ม.ค.52 เวลา 21.00 น. นายขจิตร ผู้คัดค้าน ขึ้นเวทีหมอลำในงานวันคืนสู่เหย้า ร.ร.บ้านหนองโนอีดำ ต.หนองโน อ.เมือง จ.มหาสารคม จูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนน โดยนายสุทิน คลังแสง อดีต กก.บริหารพรรคพลังประชาชน ที่ถูกตัดสิทธิ์การเมือง เป็นประธานเปิดงานขึ้นเวทีกล่าวปราศรัยเรื่องการเมือง ระบุว่า ตัดสิทธิ์สุทิน ต้องมีคนแทน ถ้าเลือกเพื่อไทยเหมือนเดิมจะได้ผู้แทน 3 คนสู้ในสภา ส่วนสุทินอีกหนึ่งคนสู้นอกสภา พร้อมแนะนำนายขจิตร ผู้คัดค้านว่าเป็นผู้ลงสมัคร ส.ส.แทนนายสุทิน ซึ่งนายขจิตร ผู้คัดค้านขึ้นเวทีโชว์ตัวยกมือไหว้ทักทายประชาชน จึงเป็นการแสดงให้ประชาชนเข้าใจว่านายขจิตร ผู้คัดค้านเป็นกลุ่มเดียวกับนายสุทินและพวก ซึ่งเป็นผู้จัดงานมหรรสพ พฤติการณ์เป็นการจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือดตั้งลงคะแนนเสียง อันเป็นฝ่าฝืน พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และ การได้มาซึ่ง ส.ว. พ.ศ.2550 มาตรา 53 มีผลให้เลือกตั้งไม่สุจริต เที่ยงธรรม
ขณะที่นายขจิตร ผู้คัดค้าน ต่อสู้ว่า ไม่ได้เป็นผู้จัดงานดังกล่าว แต่สมาคมศิษย์วัดหนองโนอีดำ จัดขึ้นเพื่อหาทุนการศึกษาให้เด็กนักเรียนยากจนเป็นประจำทุกปี ส่วนการจัดแสดงหมอลำเพื่อต้อนรับศิษย์เก่า และผู้คัดค้านไม่เกี่ยวข้องกับนายสุทินซึ่งได้รับเชิญมาในฐานะศิษย์เก่า โดยขณะเกิดเหตุผู้คัดค้านเดินหาเสียงอยู่ที่อื่น แต่เห็นว่าในงานมีคนจำนวนมากจึงไปแจกแผ่นพับหาเสียง แล้วกลับมีการประกาศเชิญผู้คัดค้านขึ้นเวที ด้วยมารยาทกลัวผิดประเพณีและส่งผลกระทบคะแนนเสียงจึงจำใจขึ้นเวที แต่ผู้คัดค้านไม่ได้กล่าวปราศรัยจึงไม่เข้าองค์ประกอบความผิด ไม่มีเหตุต้องให้จัดเลือกตั้งใหม่
ศาลพิเคราะห์เห็นว่า ตามพยานหลักฐาน คำให้การ รวมทั้งภาพถ่ายบันทึกวีซีดี ที่ประกอบในสำนวน ซึ่งนายขจิตร ผู้คัดค้าน ไม่ได้คัดค้านโต้แย้ง รับฟังได้ว่า ร.ร.บ้านหนองโนอีดำ จัดงานคืนสู่เหย้า และทำบุญทอดผ้าป่ามาแล้ว 1 ครั้ง เมื่อปี 2551 การจัดงานครั้งนี้มีการทำบัตรฎีกาบอกบุญมีชื่อนายสุรจิตร ยนต์ตระกูล ส.ส.มหาสราคาม พรรคเพื่อไทย เป็น กก.จัดงาน เมื่อถึงกำหนดการ มีการรวมซองผ้าป่าในช่วงเช้า ช่วงเย็นก็มีงานมหรรสพรื่นเริง โฆษกบนเวที ได้เชิญนายสุทิน เป็น ประธาน.เปิดงานพูดปราศรัยเรื่องการเมือง แล้วยังเน้นย้ำให้ประชาชนปรบมือต้อนรับ พร้อมเชิญผู้คัดค้านปรากฏตัวบนเวที จึงเป็นการทักทายประชาชน โดยกระทำขณะที่ พ.ร.ฎ.เลือกตั้งมีผลบังคับใช้แล้ว พฤติการณ์ของผู้คัดค้าน จึงเป็นผู้สนับสนุน หรือมีส่วนร่วมในการจัดให้มีมหรรสพ เป็นการเอื้อประโยชน์ให้ผู้คัดค้านใช้โอกาสโฆษณาหาเสียง เพื่อจูงใจประชาชน มีผลให้การเลือกตั้ง เขต 1 มหาสารคาม ไม่สุจริต เที่ยง ธรรม จึงมีคำสั่งให้จัดเลือกตั้ง และให้แจ้งคำสั่งไปยัง ประธานสภาผู้แทนราษฎร และนายกรัฐมนตรี ทราบโดยเร็ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันนี้นายขจิตร ไม่ได้เดินทางมาศาลโดยมอบหมายให้ทนายความเข้าฟังคำพิพากษาแทน ส่วนฝ่าย กกต.ส่งผู้แทนร่วมฟังคำพิพากษา
วันนี้ (26 พ.ย.) เมื่อเวลา 14.00 น. ที่ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง สนามหลวง ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำสั่งคดีหมายเลขดำ ลต.6/2552 ที่ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ผู้ร้อง ขอให้จัดเลือกตั้ง ส.ส.มหาสารคาม เขต 1 ใหม่ แทนนายขจิตร ชัยนิคม ส.ส.พรรคเพื่อไทย ที่ถูก กกต. พิจารณาให้ใบเหลือง
โดยคำร้อง กกต.ระบุว่า เมื่อวันที่ 19 ธ.ค.51 มีประกาศ พ.ร.ฎ.เลือกตั้ง ส.ส.มหาสารคาม เขต 1 ใหม่ 1 ตำแหน่งแทนตำแหน่ง ส.ส.ที่ว่างลง ในวันที่ 11 ม.ค.52 โดยนายขจิตร ผู้คัดค้านเป็นผู้สมัคร ส.ส.เพื่อไทย หมายเลข 4 และชนะการเลือกตั้ง กกต. ประกาศรับรอง แต่ต่อมานางกุสุมาวดี ศิริโกมุท ผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อแผ่นดิน หมายเลข 1 ยื่นร้องเรียนว่าการเลือกตั้งดังกล่าวไม่เป็นไปโดยสุจริต เที่ยงธรรม เนื่องจากวันที่ 2 ม.ค.52 เวลา 21.00 น. นายขจิตร ผู้คัดค้าน ขึ้นเวทีหมอลำในงานวันคืนสู่เหย้า ร.ร.บ้านหนองโนอีดำ ต.หนองโน อ.เมือง จ.มหาสารคม จูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนน โดยนายสุทิน คลังแสง อดีต กก.บริหารพรรคพลังประชาชน ที่ถูกตัดสิทธิ์การเมือง เป็นประธานเปิดงานขึ้นเวทีกล่าวปราศรัยเรื่องการเมือง ระบุว่า ตัดสิทธิ์สุทิน ต้องมีคนแทน ถ้าเลือกเพื่อไทยเหมือนเดิมจะได้ผู้แทน 3 คนสู้ในสภา ส่วนสุทินอีกหนึ่งคนสู้นอกสภา พร้อมแนะนำนายขจิตร ผู้คัดค้านว่าเป็นผู้ลงสมัคร ส.ส.แทนนายสุทิน ซึ่งนายขจิตร ผู้คัดค้านขึ้นเวทีโชว์ตัวยกมือไหว้ทักทายประชาชน จึงเป็นการแสดงให้ประชาชนเข้าใจว่านายขจิตร ผู้คัดค้านเป็นกลุ่มเดียวกับนายสุทินและพวก ซึ่งเป็นผู้จัดงานมหรรสพ พฤติการณ์เป็นการจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือดตั้งลงคะแนนเสียง อันเป็นฝ่าฝืน พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และ การได้มาซึ่ง ส.ว. พ.ศ.2550 มาตรา 53 มีผลให้เลือกตั้งไม่สุจริต เที่ยงธรรม
ขณะที่นายขจิตร ผู้คัดค้าน ต่อสู้ว่า ไม่ได้เป็นผู้จัดงานดังกล่าว แต่สมาคมศิษย์วัดหนองโนอีดำ จัดขึ้นเพื่อหาทุนการศึกษาให้เด็กนักเรียนยากจนเป็นประจำทุกปี ส่วนการจัดแสดงหมอลำเพื่อต้อนรับศิษย์เก่า และผู้คัดค้านไม่เกี่ยวข้องกับนายสุทินซึ่งได้รับเชิญมาในฐานะศิษย์เก่า โดยขณะเกิดเหตุผู้คัดค้านเดินหาเสียงอยู่ที่อื่น แต่เห็นว่าในงานมีคนจำนวนมากจึงไปแจกแผ่นพับหาเสียง แล้วกลับมีการประกาศเชิญผู้คัดค้านขึ้นเวที ด้วยมารยาทกลัวผิดประเพณีและส่งผลกระทบคะแนนเสียงจึงจำใจขึ้นเวที แต่ผู้คัดค้านไม่ได้กล่าวปราศรัยจึงไม่เข้าองค์ประกอบความผิด ไม่มีเหตุต้องให้จัดเลือกตั้งใหม่
ศาลพิเคราะห์เห็นว่า ตามพยานหลักฐาน คำให้การ รวมทั้งภาพถ่ายบันทึกวีซีดี ที่ประกอบในสำนวน ซึ่งนายขจิตร ผู้คัดค้าน ไม่ได้คัดค้านโต้แย้ง รับฟังได้ว่า ร.ร.บ้านหนองโนอีดำ จัดงานคืนสู่เหย้า และทำบุญทอดผ้าป่ามาแล้ว 1 ครั้ง เมื่อปี 2551 การจัดงานครั้งนี้มีการทำบัตรฎีกาบอกบุญมีชื่อนายสุรจิตร ยนต์ตระกูล ส.ส.มหาสราคาม พรรคเพื่อไทย เป็น กก.จัดงาน เมื่อถึงกำหนดการ มีการรวมซองผ้าป่าในช่วงเช้า ช่วงเย็นก็มีงานมหรรสพรื่นเริง โฆษกบนเวที ได้เชิญนายสุทิน เป็น ประธาน.เปิดงานพูดปราศรัยเรื่องการเมือง แล้วยังเน้นย้ำให้ประชาชนปรบมือต้อนรับ พร้อมเชิญผู้คัดค้านปรากฏตัวบนเวที จึงเป็นการทักทายประชาชน โดยกระทำขณะที่ พ.ร.ฎ.เลือกตั้งมีผลบังคับใช้แล้ว พฤติการณ์ของผู้คัดค้าน จึงเป็นผู้สนับสนุน หรือมีส่วนร่วมในการจัดให้มีมหรรสพ เป็นการเอื้อประโยชน์ให้ผู้คัดค้านใช้โอกาสโฆษณาหาเสียง เพื่อจูงใจประชาชน มีผลให้การเลือกตั้ง เขต 1 มหาสารคาม ไม่สุจริต เที่ยง ธรรม จึงมีคำสั่งให้จัดเลือกตั้ง และให้แจ้งคำสั่งไปยัง ประธานสภาผู้แทนราษฎร และนายกรัฐมนตรี ทราบโดยเร็ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันนี้นายขจิตร ไม่ได้เดินทางมาศาลโดยมอบหมายให้ทนายความเข้าฟังคำพิพากษาแทน ส่วนฝ่าย กกต.ส่งผู้แทนร่วมฟังคำพิพากษา