“สมคิด” แฉดีเอสไอปั้นพยานใส่ร้าย

ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 แฉ พนักงานสอบสวนดีเอสไอไม่โปร่งใส อ้างพยานหลักฐานใหม่ แต่เป็นผู้ต้องหาที่หลบหนีคดีฆาตกรรม เตรียมรวบรวมหลักฐานฟ้องกลับยกชุด

วันนี้ (25 พ.ย.) เมื่อเวลา 14.30 น.ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม ผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 5 กล่าวภายหลังเดินทางเข้าให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวนคดีพิเศษในคดีการหายตัวไปของ นายมูฮัมหมัด อัลรูไวรี นักธุรกิจชาวซาอุดีอาระเบีย ว่า ทางพนักงานสอบสวนเรียกมาให้รับทราบข้อกล่าวหาในครั้งนี้ และอ้างว่า มีพยานหลักฐานใหม่ และตนได้มีหนังสือแจ้งต่อพนักงานสอบสวนให้นำพยานบุคคลที่อ้างว่าเป็นพยานหลักฐานใหม่มาชี้ตัว แต่ทางพนักงานสอบสวนก็ไม่ได้ปฏิบัติตามแต่อย่างใด จากจุดนี้จึงตั้งข้อสงสัยได้ว่า กระบวนการขั้นตอนความยุติธรรม มีความตรงไปตรงมาหรือไม่ โดยทางพนักงานสอบสวนได้มีการแอบไปขออำนาจศาลในการสืบพยานลับหลัง และไปพัวพันกับพยาน ซึ่งตนไม่รู้เรื่องดังกล่าวเห็นชัดว่าพนักงานสอบสวนไม่ได้ให้ความเป็นธรรม

พล.ต.ท.สมคิด กล่าวต่อว่า พยานบุคคลใหม่ที่ทางพนักงานสอบสวนอ้างนั้น ตนได้ไปขออำนาจศาลในการสืบค้นข้อมูล จึงพบว่า พยานดังกล่าวเป็น พ.ต.ท.สุวิชชา แก้วผลึก ผู้ต้องหาคดีการฆาตกรรม นายฉัตรดำรงพรรณ ชัยเฉลิมภัค แกนนำขบวนการต่อต้านลาว (ขตล.) โดยในวันที่ 19 ก.ค.2548 ศาลจังหวัดมีนบุรี ได้พิพากษาจำคุกตลอดชีวิต โดย พ.ต.ท.สุวิชชา แก้วผลึก ได้รับการประกันตัวและหลบหนีไป ต่อมาศาลจังหวัดมีนบุรี จึงได้ออกหมายจับเลขที่ 244/2552 ลงวันที่ 19 ก.พ.2552 เพื่อให้มารับฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ แต่ พ.ต.ท.สุวิชชา ก็ไม่ได้มา โดยศาลได้พิพากษาลับหลังและออกหมายจับไว้โดยชัดเจนว่า พยานหลักฐานที่พนักงานสอบสวนอ้างใหม่นั้น เป็นผู้หลบหนีหมายจับของศาลอยู่ ซึ่งจุดนี้พนักงานสอบสวนทราบดีว่าพยานเป็นจำเลยหลบหนีคดีของศาลอยู่ จึงอดตั้งข้อสงสัยไม่ได้ว่า จะมีการต่อรองในการปล่อยตัวผู้ต้องหารายนี้หรือไม่

“ในส่วนที่พนักงานสอบสวนจะนำตัวพยาน ที่อ้างว่า เป็นหลักฐานใหม่มาให้ปากคำได้หรือไม่นั้น คงไม่ไปก้าวล่วงหน้าที่ของพนักงานสอบสวน ซึ่งเป็นสิทธิ์ของเขา เพราะมีหลักฐานชัดอยู่แล้วว่า พยานที่อ้างว่าใหม่นั้น หนีหมายจับศาลอยู่ ซึ่งให้ตำรวจที่ไหนไปตามจับมาก็ได้ จะมีการไปแอบสืบพยานทำไม ซึ่งควรจะนำตัวพยานมาให้ปากคำในเรื่องนี้ ถ้าพยานสำคัญต่อคดีจริง” พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม กล่าว

พล.ต.ท.สมคิด กล่าวต่อว่า จากนี้จะรวบรวมพยานหลักฐานสำนวนต่อศาลให้วินิจฉัย รวมไปถึงยื่นเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตรวจสอบความไม่โปร่งใสของพนักงานสอบสวนคดีพิเศษในคดีนี้ทุกคน อย่างไรก็ตาม ยังไม่ระบุเวลาได้ว่าจะส่งเรื่องให้ทั้ง 2 ส่วนภายในเวลาเมื่อใด เนื่องจากว่าสำนวนที่จะส่งแยกเป็นหลายส่วน ขั้นตอนจากนี้ คงไปปรึกษาฝ่ายกฎหมายให้ละเอียดครบถ้วนเสียก่อนที่จะส่งฟ้องพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ และเพื่อที่ศาลจะได้วินิจฉัยข้อมูลต่างๆ โดยตนพร้อมรวบรวมและยินดีให้การให้ความร่วมมือพิสูจน์ความบริสุทธิ์ต่อไป

ผบช.ภ.5 ยังกล่าวถึงกรณีที่ศาลเชียงใหม่ไม่อนุมัติการออกหมายจับกลุ่มคนเสื้อแดงที่ขู่ลอบทำร้าย นายกรัฐมนตรี ที่จะลงไปประชุมหอการค้า จังหวัดเชียงใหม่ ว่า ทางพนักงานสอบสวนกำลังรวบรวมพยานหลักฐานใหม่และรื้อสำนวนให้มีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น เพื่อขอศาลเชียงใหม่ในการอนุมัติหมายจับอีกครั้ง