“เสธ.แดง” ปฏิเสธไม่มีเอี่ยวยิงเอ็ม 79 ใส่เวทีพันธมิตรฯ รับเข้าพบ “ผู้การแต้ม” จริง แต่แค่ให้ข้อมูลเรื่องการใช้ระเบิดไม่ได้รับทราบข้อหา ถ้าตำรวจจะออกหมายจับโดนฟ้องกลับแน่ สวนภาพคู่ “ทักษิณ-ฮุนเซน” แค่คนหน้าเหมือน หากข้ามแดนไปเขมรจริง ตม.ต้องรู้
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ให้สัมภาษณ์
วันนี้ (19 พ.ย.) เมื่อเวลา 09.30 น. ที่ห้องพิจารณาคดี 811 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านมีคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีหมายเลขดำ อ.1496/2549 หมายเลขแดง 3830/2550 ที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส อดีต ผบ.ตร เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก, นายประชา เหตระกูล บรรณาธิการผู้พิมพ์ผู้โฆษณา นสพ.เดลินิวส์ เป็นจำเลยที่ 1-2 ในความผิดฐานดูหมิ่นเจ้าพนักงาน และหมิ่นประมาทผู้อื่นด้วยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83, 91, 136, 326 และ 328
คดีนี้โจทก์ฟ้องว่า ระหว่างวันที่ 25-26 ก.พ.49 ทั้งกลางวันและกลางคืนต่อเนื่องกันเวลาใดไม่ปรากฏชัด จำเลยทั้งสองได้หมิ่นประมาทโจทก์โดยการโฆษณาใน นสพ.เดลินิวส์ ฉบับวันที่ 26 ก.พ.49 โดยจำเลยที่ 1 ได้ให้ข่าวและให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนพาดพิงโจทก์ทำนองว่า จับบ่อนปอ ประตูน้ำ เพื่อให้นักพนันไปเล่นพนันบ่อนลอยฟ้าที่คอนโดมิเนียม 8 ชั้น ย่านปิ่นเกล้า และข้อความอื่นๆ ที่ทำให้โจทก์เสื่อมเสียชื่อเสียง
ศาลอาญาพิเคราะห์พยานนำสืบทั้งสองฝ่ายแล้วพิพากษายกฟ้อง ตาม ป.วิอาญา มาตรา 185 เนื่องจากเห็นว่าถ้อยคำที่จำเลยกล่าวพาดพิงโจทก์ตามฟ้องเป็นเพียงข้อความในเชิงตั้งคำถามไม่ได้เป็นการกล่าวหาให้โจทก์ได้รับความเสียหาย โจทก์ยื่นอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ประชุมตรวจสำนวนปรึกษาหารือกันแล้วเห็นว่า ถ้อยคำที่จำเลยกล่าวถึงโจทก์ตามฟ้อง เป็นถ้อยคำในลักษณะการตั้งคำถามให้ตอบโดยระบุถึงคำถาม 9 ข้อ เช่น โจทก์วางแผนกลั่นแกล้งเพื่อจับกุมบ่อนปอ ประตูน้ำ หรือไม่ โจทก์เกี่ยวข้องกับบ่อนพนันลอยฟ้าหรือไม่ มิได้เป็นการยืนยันข้อเท็จจริงตามคำถามนั้น จึงไม่เข้าข่ายทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายเสื่อมเสียชื่อเสียถูกดูหมิ่นเกลียดชัง ที่ศาลชั้นต้นพิพากษานั้นชอบแล้วศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วย พิพากษายืน
ภายหลัง พล.ต.ขัตติยะ ให้สัมภาษณ์กรณีถูกนำไปโยงว่าเกี่ยวข้องกับการยิงระเบิดเอ็ม 79 ใส่เวทีการชุมนุมแสดงพลังแผ่นดิน พิทักษ์ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ของกลุมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 15 พ.ย.ที่ผ่านมาว่า ตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ดังกล่าว แต่กลับถูกกล่าวหาเนื่องจากได้โพสต์ข้อความลงในเว็บไซต์ www.sae-dang.com ในลักษณะทำนายว่าอาจมีเหตุระเบิดในการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ อย่างไรก็ดี ยืนยันว่าได้โพสต์ข้อความดังกล่าวหลังจากเกิดเหตุการณ์ขึ้นแล้ว
พล.ต.ขัตติยะ กล่าวยอมรับว่า ได้เข้าไปพบ พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 จริง แต่ไม่ได้เป็นการรับทราบข้อกล่าวหาใดๆ ตนเพียงเข้าให้ข้อมูลเกี่ยวกับชนิดและอานุภาพของระเบิดที่คนร้ายใช้ก่อเหตุ โดยเชื่อว่าน่าจะเป็นระเบิดชนิดเอ็ม 79 DUO หัวดำ รุ่นใหม่ มีอานุภาพทำลายล้างเจาะเกราะทะลุ ระยะยิง 375 เมตร และเชื่อว่าคนร้ายที่ก่อเหตุเป็นคนละกลุ่มกับที่ลอบยิงนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ เนื่องจากมีความเชี่ยวชาญด้านการใช้ระเบิดมากกว่า แต่หากตำรวจจะออกหมายจับ หรือกล่าวหาว่าตนมีส่วนเกี่ยวข้องก็คงต้องแจ้งความดำเนินคดีต่อพนักงานสอบสวนในข้อหาเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
ส่วนกรณีที่มีการเผยแพร่ภาพถ่าย พล.ต.ขัตติยะ กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และสมเด็จฯ ฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชานั้น พล.ต.ขัตติยะ ยืนยันว่าไม่ใช่ตนอย่างแน่นอน หากตนข้ามแดนไปที่กัมพูชาทำไมหน่วยงานด้านความมั่นคง หรือสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองไม่รู้ คนในภาพคงเป็น เสธ.แดง 2 ที่หน้าเหมือนตนเท่านั้น
ภาพชุด “เสธ.แดง+ทักษิณ+ฮุนเซน+....” ในเขมร
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ให้สัมภาษณ์
วันนี้ (19 พ.ย.) เมื่อเวลา 09.30 น. ที่ห้องพิจารณาคดี 811 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านมีคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีหมายเลขดำ อ.1496/2549 หมายเลขแดง 3830/2550 ที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส อดีต ผบ.ตร เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก, นายประชา เหตระกูล บรรณาธิการผู้พิมพ์ผู้โฆษณา นสพ.เดลินิวส์ เป็นจำเลยที่ 1-2 ในความผิดฐานดูหมิ่นเจ้าพนักงาน และหมิ่นประมาทผู้อื่นด้วยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83, 91, 136, 326 และ 328
คดีนี้โจทก์ฟ้องว่า ระหว่างวันที่ 25-26 ก.พ.49 ทั้งกลางวันและกลางคืนต่อเนื่องกันเวลาใดไม่ปรากฏชัด จำเลยทั้งสองได้หมิ่นประมาทโจทก์โดยการโฆษณาใน นสพ.เดลินิวส์ ฉบับวันที่ 26 ก.พ.49 โดยจำเลยที่ 1 ได้ให้ข่าวและให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนพาดพิงโจทก์ทำนองว่า จับบ่อนปอ ประตูน้ำ เพื่อให้นักพนันไปเล่นพนันบ่อนลอยฟ้าที่คอนโดมิเนียม 8 ชั้น ย่านปิ่นเกล้า และข้อความอื่นๆ ที่ทำให้โจทก์เสื่อมเสียชื่อเสียง
ศาลอาญาพิเคราะห์พยานนำสืบทั้งสองฝ่ายแล้วพิพากษายกฟ้อง ตาม ป.วิอาญา มาตรา 185 เนื่องจากเห็นว่าถ้อยคำที่จำเลยกล่าวพาดพิงโจทก์ตามฟ้องเป็นเพียงข้อความในเชิงตั้งคำถามไม่ได้เป็นการกล่าวหาให้โจทก์ได้รับความเสียหาย โจทก์ยื่นอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ประชุมตรวจสำนวนปรึกษาหารือกันแล้วเห็นว่า ถ้อยคำที่จำเลยกล่าวถึงโจทก์ตามฟ้อง เป็นถ้อยคำในลักษณะการตั้งคำถามให้ตอบโดยระบุถึงคำถาม 9 ข้อ เช่น โจทก์วางแผนกลั่นแกล้งเพื่อจับกุมบ่อนปอ ประตูน้ำ หรือไม่ โจทก์เกี่ยวข้องกับบ่อนพนันลอยฟ้าหรือไม่ มิได้เป็นการยืนยันข้อเท็จจริงตามคำถามนั้น จึงไม่เข้าข่ายทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายเสื่อมเสียชื่อเสียถูกดูหมิ่นเกลียดชัง ที่ศาลชั้นต้นพิพากษานั้นชอบแล้วศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วย พิพากษายืน
ภายหลัง พล.ต.ขัตติยะ ให้สัมภาษณ์กรณีถูกนำไปโยงว่าเกี่ยวข้องกับการยิงระเบิดเอ็ม 79 ใส่เวทีการชุมนุมแสดงพลังแผ่นดิน พิทักษ์ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ของกลุมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 15 พ.ย.ที่ผ่านมาว่า ตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ดังกล่าว แต่กลับถูกกล่าวหาเนื่องจากได้โพสต์ข้อความลงในเว็บไซต์ www.sae-dang.com ในลักษณะทำนายว่าอาจมีเหตุระเบิดในการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ อย่างไรก็ดี ยืนยันว่าได้โพสต์ข้อความดังกล่าวหลังจากเกิดเหตุการณ์ขึ้นแล้ว
พล.ต.ขัตติยะ กล่าวยอมรับว่า ได้เข้าไปพบ พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 จริง แต่ไม่ได้เป็นการรับทราบข้อกล่าวหาใดๆ ตนเพียงเข้าให้ข้อมูลเกี่ยวกับชนิดและอานุภาพของระเบิดที่คนร้ายใช้ก่อเหตุ โดยเชื่อว่าน่าจะเป็นระเบิดชนิดเอ็ม 79 DUO หัวดำ รุ่นใหม่ มีอานุภาพทำลายล้างเจาะเกราะทะลุ ระยะยิง 375 เมตร และเชื่อว่าคนร้ายที่ก่อเหตุเป็นคนละกลุ่มกับที่ลอบยิงนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ เนื่องจากมีความเชี่ยวชาญด้านการใช้ระเบิดมากกว่า แต่หากตำรวจจะออกหมายจับ หรือกล่าวหาว่าตนมีส่วนเกี่ยวข้องก็คงต้องแจ้งความดำเนินคดีต่อพนักงานสอบสวนในข้อหาเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
ส่วนกรณีที่มีการเผยแพร่ภาพถ่าย พล.ต.ขัตติยะ กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และสมเด็จฯ ฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชานั้น พล.ต.ขัตติยะ ยืนยันว่าไม่ใช่ตนอย่างแน่นอน หากตนข้ามแดนไปที่กัมพูชาทำไมหน่วยงานด้านความมั่นคง หรือสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองไม่รู้ คนในภาพคงเป็น เสธ.แดง 2 ที่หน้าเหมือนตนเท่านั้น
ภาพชุด “เสธ.แดง+ทักษิณ+ฮุนเซน+....” ในเขมร