ธงชาติคลุมร่าง ตร.น้ำดี ปูนบำเหน็จยศ “พล.ต.ท”

ญาติร่ำไห้เข้ารับศพรองสารวัตรสืบ สน.หัวหมาก ที่ถูกคนร้ายยิงดับขณะเข้าล่อซื้อยาจากแก๊งค้ายา แม่ผู้ตายภูมิใจลูกชายปฏิบัติหน้าที่ได้สมเกียรติ ส่วนภรรยาเผยเพิ่งแต่งงานมาไม่ถึง 1 ปี ผู้ตายเป็นคนจริงจังกับงาน โฆษก ตร.รับเป็นความสูญเสียครั้งสำคัญ พร้อมดูแลสวัสดิการครอบครัวเต็มที่ เสนอขั้นเงินเดือน 7 ขั้น และขอพระราชทานเลื่อนยศ 5 ชั้นยศ เป็น พล.ต.ท. และสั่งชุดสืบติดตามล่าตัวคนร้าย

วันนี้ (15 พ.ย.) เมื่อเวลา 10.30 น.ที่สถาบันนิติเวชวิทยา นางพิมสุภัค บุบผา อายุ 56 ปี นายสุกรัณย์ บุบผา อายุ 25 ปี พร้อมด้วย นางประภาพรรณ บุบผา อายุ 27 ปี แม่ น้องชาย และภรรยา เดินทางรับศพ ร.ต.อ.อาทิตย์ บุบผา รองสว.สส.สน.หัวหมาก ซึ่งถูกคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงเสียชีวิตขณะเข้าทำการล่อซื้อยาไอซ์ เมื่อกลางดึกที่ผ่านมา โดยมี พล.ต.ท.พงศพัศ พงษ์เจริญ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อำนวยความสะดวกในการรับศพ ท่ามกลางบรรยากาศที่เศร้าโศก โดยนางประภาพรรณได้นำชุดข้าราชการตำรวจสีกากีเต็มยศมาสวมให้ คลุมทับด้วยธงชาติไทย ก่อนเคลื่อนย้ายไปยังศาลา 5/1 วัดตรีทศเทพ โดยจะมีพิธีอาบน้ำศพในเวลา 17.00 น.วันนี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผลการชันสูตรของแพทย์นิติเวชระบุว่า ร.ต.อ.อาทิตย์ เสียชีวิต จากการที่ถูกกระสุนปืนทำลายสมอง โดยมีบาดแผลถูกยิงด้วยกระสุนปืนขนาด 11 มม.เข้าที่บริเวณหน้าใบหูขวาทะลุฐานกะโหลกทางด้านซ้าย

พล.ต.ท.พงศพัศ กล่าวว่า เป็นความสูญเสียอีกครั้งของสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่สูญเสียนายตำรวจที่ทำหน้าที่ปราบปรามยาเสพติด ซึ่ง ตร.จะดูแลเรื่องสวัสดิการต่างๆให้กับครอบครัวผู้เสียชีวิตอย่างเต็มที่ โดยจะมีเงินของฌาปนกิจสงเคราะห์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จำนวน 5 แสนบาท เงินจากมูลนิธิสงเคราะห์ตำรวจจำนวน 5 แสนบาท และเงินอีก 4 แสนบาทจากสำนักคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) นอกจากนี้จะเสนอปูนบำเหน็จเลื่อนขั้นเงินเดือน 7 ขั้น ขอพระราชทานเลื่อนยศ 5 ชั้นยศ เป็น พล.ต.ท. พร้อมทั้งขอพระราชทานเพลิงศพ เนื่องจากเสียชีวิตในขณะปฏิบัติหน้าที่

พล.ต.ท.พงศพัศ กล่าวต่อไปว่า ตร.มีความเป็นห่วงการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจในการเข้าจับกุมแก๊งค้ายาเสพติด ซึ่งรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ มีการต่อสู้ตำรวจเมื่อเข้าทำการจับกุม จึงเสนอให้มีการทบทวนกระบวนการทำงาน ให้ทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องปรับกระบวนการทำงาน เพื่อความปลอดภัยของผู้ปฏิบัติ ส่วนในเรื่องการติดตามตัวคนร้ายที่ก่อเหตุอย่างอุกอาจนั้น ล่าสุดได้รับรายงานจากชุดสืบสวนว่ากำลังติดตามกันอยู่ ซึ่งกรณีนี้ พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รรท.ผบ.ตร.ได้สั่งการให้ กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด และกองปราบปรามจัดชุดในการติดตามตัวคนร้าย เนื่องจากเป็นการก่อเหตุอย่างอุกอาจกับนายตำรวจที่ทุ่มเทในการปฏิบัติหน้าที่ รวมถึงให้ขยายผลจับกุมผู้ร่วมขบวนการด้วย

นางพิมสุภัคกล่าวว่า ตนมีอาชีพเป็นครูที่โรงเรียนวชิรธรรมสาธิต มีลูกชาย 2 คน โดยผู้ตายเป็นคนโต เป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 57 ซึ่งตนเองก็ทำใจตั้งแต่ที่ลูกชายเข้าเรียนเตรียมทหารแล้ว ว่าจะต้องมีเหตุการณ์อย่างวันนี้ แต่ไม่คิดว่าจะเร็วขนาดนี้ ที่ผ่านมาตนจะตั้งใจให้เรียนแพทย์ แต่ลูกชายอยากเป็นตำรวจมากกว่า ซึ่งตนก็ภาคภูมิใจที่ลูกชายปฏิบัติหน้าที่ของลูกผู้ชาย อย่างสมเกียรติยศในฐานะผู้พิทักษ์สันติราษฎร์

“อยากให้ยาเสพติดหมดไปเสียที ดิฉันโทรหาลูกชายทุกครั้งก็บอกว่าจะไปจับยาเสพติด วันนี้แม้จะเสียใจกับการจากไปของลูกชาย แต่คิดว่าเขาได้ทำหน้าที่ของตัวเองอย่างดีที่สุดแล้ว” นางพิมสุภัคกล่าว

ด้าน นางประภาพรรณกล่าวว่า ตนกับผู้ตายเพิ่งจะแต่งงานกันเมื่อวันที่ 28 ธ.ค.2551 ยังไม่ทันถึงปี ปกติผู้ตายเป็นคนจริงจังกับงาน ก่อนหน้านี้ปฏิบัติงานเป็นพนักงานสอบสวน และย้ายมาอยู่ฝ่ายสืบสวน ซึ่งตนเองก็บอกว่างานค่อนข้างเสี่ยงรูสึกเป็นห่วง ซึ่งผู้ตายบอกว่าจะระวังตัว ก่อนเกิดเหตุเข้าเวรตั้งแต่บ่ายวานนี้ (14 พ.ย.) แต่วันเดียวกันนั้น ก็ได้ไปซื้อรถยนต์ฮอนด้าแจ๊ซที่ศูนย์ฮอนด้า คริสตัลปาร์ค และตนก็ขับมาส่งที่ สน.หัวหมาก กระทั่งเวลาประมาณ 22.30 น. ตนโทร.ไปหาสามีซึ่งก็บอกว่าวันนี้มีงานใหญ่ สายรายงานมาแล้ว แต่ตนก็ไม่ได้ซักถามอะไรเพราะเข้าใจว่าทำงานอยู่ แต่ทราบเพียงว่างานจะเริ่มประมาณ 23.00 น.

“กระทั่งเวลาประมาณเที่ยงคืนเศษ ลูกน้องของสามีโทร.มาบอกว่าสามีได้รับบาดเจ็บขาหักรักษาตัวที่โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ สุขาภิบาล 3 ให้รีบมาดู ตนพร้อมญาติจึงรีบเดินทางที่โรงพยาบาล เมื่อมาถึงก็ทราบว่าสามีเสียชีวิตแล้ว เพราะถูกยิงเข้ากกหูขวากระสุนฝังในจากการปฏิบัติหน้าที่ล่อซื้อยาเสพติดเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา” นางประภาพรรณกล่าว

นางประภาพรรณกล่าวว่า ก่อนหน้านี้ไม่มีลางสังหรณ์อะไรเป็นพิเศษ แต่ก่อนที่สามีจะออกไปทำงานทุกครั้งตนได้กำชับด้วยความเป็นห่วงว่าให้ระมัดระวังตัว ซึ่งสามีเล่าให้ฟังว่าเมื่อเข้าทำการจับกุม ตัวเขามักตกเป็นเป้าของคนร้ายเนื่องจากเป็นคนตัวใหญ่ และทุกครั้งเขาจะเป็นคนแรกที่เข้าชาร์จจับกุมคนร้าย เนื่องจากเป็นนักกีฬายูโด รู้จังหวะการเข้าชาร์จเป็นอย่างดี แต่ครั้งนี้กลับถูกคนร้ายยิงเสียชีวิตดังกล่าว

เสียตำรวจน้ำดี แก๊งยายิงดับขณะล่อซื้อล็อตใหญ่