กองปราบรวบหนุ่มใหญ่ชาวปากีสถาน หนึ่งในแก๊งปลอมวีซ่าให้ทั้งชาวไทยและต่างชาติเพื่อเดินทางเข้าประเทศสหรัฐอเมริกา ในราคา 13,000 ลอบผลิตในย่านบางรัก เผยเข้ามาหากินกับเพื่อร่วมชาตินานจนมีลูก 3 คน
วันนี้ (14 พ.ย.) เมื่อเวลา 23.00 น. พ.ต.ท.อดินันท์ ชัยนันท์ รอง ผกก.1 บก.ป. พ.ต.ต.จารุวัฒน์ พาหุมันโต สว.กก.1 บก.ป. ร.ต.ท.พัฒนพงศ์ ศิริเจริญนำ รอง สว.กก.1 บก.ป. ได้ควบคุมตัวนายไอฟาน บัต อายุ 43 ปี ชาวปากีสถาน ผู้ต้องหาแก๊งปลอมแปลงวีซ่าเข้าประเทศสหรัฐอเมริกา พร้อมของกลางหนังสือเดินทางประเทศปากีสถาน เลขที่ kb 783818 และวีซ่าปลอมจำนวน 2 ฉบับ
ทั้งนี้ ก่อนการจับกุม เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้รับแจ้งว่ามีกลุ่มบุคคลต่างชาติมีพฤติกรรมทำปลอมขึ้นซึ่งพาสปอร์ต และวีซ่าปลอม และได้มีการนัดส่งของภายในวันนี้ จึงได้ร่วมกันวางแผนเพื่อจับกุม โดยได้ให้สายลับทำการโอนเงินที่ใช้ในการล่อซื้อจำนวน 6,000 บาท เข้าบัญชีธนาคารกรุงเทพ ของผู้ถูกจับ หมายเลขบัญชี 20-006-545-70 เพื่อเป็นหลักฐานในการจับกุม
ต่อมาผู้ถูกจับได้นัดส่งมอบวีซ่าปลอมที่บริเวณด้านหลังโรงแรมบางกอกพาเลซ ย่านเพชรบุรี เมื่อถึงเวลานัดหมายเพื่อส่งมอบของ ผู้ถูกจับได้ขับขี่รถจักรยานยนต์มาคนเดียว ซึ่งมีลักษณะตำหนิรูปพรรณตรงตามที่สายลับแจ้งไว้ จึงได้เข้าไปทำการตรวจสอบและขอทำการตรวจค้นปรากฏว่าพบของกลางเป็นแผ่นวีซ่าที่ทำปลอมขึ้นจำนวน 2 ฉบับ โดยมีแผ่นกระดาษสีขาวห่อไว้ ซุกไว้ในกระเป๋าเสื้อด้านซ้ายบนที่ผู้ต้องหาสวมใส่ ชุดจับกุมจึงได้แสดงเข้าจับกุม
จากการสอบปากคำผู้ต้องหาทราบว่าเข้ามาอยู่ในประเทศไทยหลายปีแล้ว จนมีภรรยาและลูก 3 คน สามรถพูดภาษาไทยได้คล่อง และไม่ได้ประกอบอาชีพอะไร แต่หารายได้หลักโดยการร่วมกับเพื่อนชาวปากีสถานในการปลอมแปลงวีซ่าปลอมมานานหลายปีแล้ว โดยคิดค่าปลอมแปลงวีซ่าฉบับละ 13,000 บาท มีแหล่งผลิตในย่านบางรัก โดยลูกค้ามีทั้งชาวไทยและต่างประเทศ
ทั้งนี้ นายไอฟานยอมรับว่ากระทำความผิดจริง เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวมาสอบปากคำที่ กก.1บก.ป.และดำเนินคดีข้อหาทำปลอมขึ้นซึ่งดวงตรา รอยตราหรือแผ่นปะตรวจตราอันใช้ในการตรวจลงตราสำหรับการเดินทางระหว่างประเทศเพื่อจำหน่าย
วันนี้ (14 พ.ย.) เมื่อเวลา 23.00 น. พ.ต.ท.อดินันท์ ชัยนันท์ รอง ผกก.1 บก.ป. พ.ต.ต.จารุวัฒน์ พาหุมันโต สว.กก.1 บก.ป. ร.ต.ท.พัฒนพงศ์ ศิริเจริญนำ รอง สว.กก.1 บก.ป. ได้ควบคุมตัวนายไอฟาน บัต อายุ 43 ปี ชาวปากีสถาน ผู้ต้องหาแก๊งปลอมแปลงวีซ่าเข้าประเทศสหรัฐอเมริกา พร้อมของกลางหนังสือเดินทางประเทศปากีสถาน เลขที่ kb 783818 และวีซ่าปลอมจำนวน 2 ฉบับ
ทั้งนี้ ก่อนการจับกุม เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้รับแจ้งว่ามีกลุ่มบุคคลต่างชาติมีพฤติกรรมทำปลอมขึ้นซึ่งพาสปอร์ต และวีซ่าปลอม และได้มีการนัดส่งของภายในวันนี้ จึงได้ร่วมกันวางแผนเพื่อจับกุม โดยได้ให้สายลับทำการโอนเงินที่ใช้ในการล่อซื้อจำนวน 6,000 บาท เข้าบัญชีธนาคารกรุงเทพ ของผู้ถูกจับ หมายเลขบัญชี 20-006-545-70 เพื่อเป็นหลักฐานในการจับกุม
ต่อมาผู้ถูกจับได้นัดส่งมอบวีซ่าปลอมที่บริเวณด้านหลังโรงแรมบางกอกพาเลซ ย่านเพชรบุรี เมื่อถึงเวลานัดหมายเพื่อส่งมอบของ ผู้ถูกจับได้ขับขี่รถจักรยานยนต์มาคนเดียว ซึ่งมีลักษณะตำหนิรูปพรรณตรงตามที่สายลับแจ้งไว้ จึงได้เข้าไปทำการตรวจสอบและขอทำการตรวจค้นปรากฏว่าพบของกลางเป็นแผ่นวีซ่าที่ทำปลอมขึ้นจำนวน 2 ฉบับ โดยมีแผ่นกระดาษสีขาวห่อไว้ ซุกไว้ในกระเป๋าเสื้อด้านซ้ายบนที่ผู้ต้องหาสวมใส่ ชุดจับกุมจึงได้แสดงเข้าจับกุม
จากการสอบปากคำผู้ต้องหาทราบว่าเข้ามาอยู่ในประเทศไทยหลายปีแล้ว จนมีภรรยาและลูก 3 คน สามรถพูดภาษาไทยได้คล่อง และไม่ได้ประกอบอาชีพอะไร แต่หารายได้หลักโดยการร่วมกับเพื่อนชาวปากีสถานในการปลอมแปลงวีซ่าปลอมมานานหลายปีแล้ว โดยคิดค่าปลอมแปลงวีซ่าฉบับละ 13,000 บาท มีแหล่งผลิตในย่านบางรัก โดยลูกค้ามีทั้งชาวไทยและต่างประเทศ
ทั้งนี้ นายไอฟานยอมรับว่ากระทำความผิดจริง เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวมาสอบปากคำที่ กก.1บก.ป.และดำเนินคดีข้อหาทำปลอมขึ้นซึ่งดวงตรา รอยตราหรือแผ่นปะตรวจตราอันใช้ในการตรวจลงตราสำหรับการเดินทางระหว่างประเทศเพื่อจำหน่าย