กองปราบฯ จับหนุ่มใหญ่ชาวเวียดนามสวมบัตรปลอมตาใสเป็นคนไทยเฉย แถมนำบัตรไปใช้จดทะเบียนบริษัท และอื่นๆ ยังปากแข็งไม่รับว่าทำผิด ขณะที่ตำรวจเช็กไปที่่พ่อแม่หนุ่มไทยที่ถูกหนุ่มใหญ่เวียดนามสวมชื่อ บอกลูกชายหายสาบสูญไปกว่า 30 ปีแล้ว และไม่รู้เรื่องว่ามีคนสวมชื่อแทนลูกชาย
วันนี้ (6 พ.ย.) ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 10.00 น. พ.ต.อ.ปิยะ เจริญสุข ผกก.4 บก.ป.พร้อมด้วย พ.ต.ท.ธรรมศักดิ์ ต่อมเหล้า พนักงานสอบสวน (สบ 2) กก.4 บก.ป. ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาล จ.มุกดาหาร จับกุมตัว นายบุญเลิศ หรือเตรื่อง สว่างแจ้ง อายุ 53 ปี สัญชาติเวียดนาม อยู่บ้านเลขที่ 487/4 หมู่ 5 ต.บางปูใหม่ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ตามหมายจับศาลอาญารัชดา ที่ 2961/2552 วันที่ 16 ก.ค.2552 ในข้อหาเป็นผู้ไม่มีสัญชาติไทย แจ้งข้อความหรือแสดงบัตรอันเกิดจากการกระทำความผิด แจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงานซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย และแจ้งให้เจ้าพนักงาน ผู้กระทำการตามหน้าที่จดข้อความเสียหายอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการ ซึ่งมีวัตถุประสงค์สำหรับใช้เป็นพยานหลักฐาน โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน โดยจับกุมตัว ได้ที่บริเวณ ถนนนาโปน้อย หมู่ 2 อ.เมือง จ.มุกดาหาร เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ
พ.ต.ท.ธรรมศักดิ์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบข้อมูลพบว่าผู้ต้องหาเดิมชื่อนายเตรื่อง ภู่วัน อายุ 51 ปี เป็นชาวเวียดนาม เข้ามาอาศัยอยู่ในศูนย์อพยพ เลขที่ 87 ลำดับที่ 6 จ.มุกดาหาร ได้เข้าแจ้งขอทำบัตรใหม่ที่ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ เมื่อวันที่ 15 ธ.ค.2535 เมื่อได้บัตรแล้วนำไปใช้ในการยื่นคำร้องขอเอกสารต่างๆ เช่นใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน และจดทะเบียนบริษัท และโรงงานต่างๆ ซึ่งผู้ต้องหาได้ขอทำบัตรหลายครั้ง ล่าสุดเมื่อ ปี 2550 แต่ระหว่างหลายปีที่ผ่านมาผู้ต้องหาได้มีคดีตามท้องที่ สภ.สมุทรปราการ สภ.บางเสาธง สภ.คลองด่าน และ สน.พระราชวัง ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้พิมพ์ลายนิ้วมือทำประวัติไว้แล้วส่งกองทะเบียนประวัติอาชญากรรมสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งไม่ตรงกับนายบุญเลิศ ตัวจริง จึงได้ส่งเรื่องให้ตำรวจกองปราบปรามสืบสวนจับกุม
พ.ต.ท.ธรรมศักดิ์ กล่าวต่อไปว่า เจ้าหน้าที่ได้ไปตรวจสอบที่บ้านนายบุญเลิศ สว่างแจ้ง พบนายเสงี่ยม และนางน้อย บิดาและมารดา ที่บ้านเลขที่ 56/68 หมู่ที่ 1 ต.บางเมืองใหม่ จ.สมุทรปราการ ได้ความว่านายบุญเลิศ ลูกชายได้หายสาบสูญไปเมื่อ 30 ปีที่แล้ว และไม่รู้ว่ามีคนมาสวมใช้ชื่อลูกชาย นอกจากนี้ นามสกุลสว่างแจ้งได้มีคนนำเอาไปใช้อีกกว่า 20 ราย ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้ขยายผลจับกุมผู้ร่วมกระทำผิดต่อไป